โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ภูมิภาค
ศรีสะเกษ - เครือข่ายฯปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก รุกชายแดนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ เปิดเวทีต้านไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ค้านกองทัพไทยถอนทหารพ้นเขาพระวิหาร และไม่ยอมให้อินโดฯเข้ามาจุ้นเด็ดขาด จี้ เพิกถอนเขตอุทยานฯเขาพระวิหาร เปิดทางให้ชาวบ้านเข้าทำกินในที่ดินเดิมตามแนวชายแดน เพื่อเป็นรั้วของชาติ สกัดจิ้งจอกเขมรบุกรุกดินแดนไทยอย่างยั่งยืน
วันนี้ (4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดเก่าบ้านภูมิซรอล หมู่ 2 ใกล้โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย อีสานใต้-ตะวันออก ได้เปิดเวทีปราศรัยให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก คัดค้านกองทัพถอนกำลังทหารไทยออกจากพื้นที่ และไม่ยินยอมให้ประเทศอินโดนีเซีย ส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่เขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเด็ดขาด
รวมทั้งออกแถลงการณ์เรียกร้องให้อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ยุติบทบาทในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติอันล้มเหลว โดยคืนที่ดินทำกินเดิมตามแนวชายแดนให้กับชาวบ้านที่ประสบปัญหาขาดแคลนที่ดินทำกิน หลังจากถูกประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารทับที่ทำกินมานาน เพื่อทำหน้าที่เป็นแนวกันชนปกป้องแผ่นดินไทยจากการบุกรุกของประเทศเพื่อนบ้าน
นพ.ประทีป ตลับทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ประธานเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ขณะนี้ประเทศไทยเรามีความสุ่มเสี่ยงที่จะสูญเสียดินแดน เพราะจากข้อมูลหลักฐานที่เห็นมา ประเทศไทยโดยรัฐบาลของเราแสดงออกท่าทีว่าจะยอมรับอำนาจของศาลโลก ซึ่งโดยปกติแล้วประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกศาลโลกมากว่า 50 ปีแล้ว ดังนั้น ศาลโลกไม่มีสิทธิ และไม่มีอำนาจในการที่บังคับคดี หรือมีอำนาจในการที่สั่งการอะไรในพื้นที่ประเทศไทย และประเทศไทยมีสิทธิที่จะไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกได้โดยสมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลาโหม คนใหม่ จะมีผลอะไรต่อเรื่องเขตแดนโดยเฉพาะด้านชายแดนไทย-กัมพูชา หรือไม่ นพ.ประทีป กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่า พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการะทรวงกลาโหม ควรจะไตร่ตรองให้ดีว่าเข้ามารับตำแหน่งนี้แล้ว จะต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติเช่นเดียวกับประชาชนไทยทุกคน ซึ่งเรื่องนี้ทางเครือข่ายฯ เราจะร่วมทำการตรวจสอบการทำงานของท่านอย่างใกล้ชิด เพื่อทำหน้าที่ปกป้องผืนแดนดินไทยเราให้ได้มากที่สุด ด้วยการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับคนไทย
ด้าน นายวิสิทธิ์ ดวงแก้ว อายุ 48 ปี แกนนำชาวบ้านที่เดือดร้อนจากปัญหาการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารทับที่ทำกิน กล่าวว่า เรื่องของชายแดนเขาพระวิหาร ขณะนี้ต้องเริ่มต้นจากคำว่าไม่ถอนทหารก่อน เพราะการถอนทหารจะทำให้ไทยเราเสียดินแดน เพราะเขมรมีนโยบาย คือ รุกอย่างเดียว แต่ชาวบ้านคนไทยจะรุกก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นประชาชน จริง ๆเราไม่อยากเสียพื้นที่ทำกิน แต่ชาวบ้านที่นี่เดือดร้อนมานานตั้งแต่มีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
เราจึงได้ปรึกษากับชาวบ้านว่า ควรจะมีการเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ เพื่อให้ชาวบ้านมีโอกาสเข้าไปทำกินตามเขตชายแดนและเป็นรั้วป้องกันเขตแดนไทยอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากหากอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยังอยู่เราจะทำอะไรไม่ได้เลย เราขึ้นไปก็ถูกกฎหมายบังคับ ขณะที่ต่างชาติได้เข้ามาบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร แต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ มีเพียงทหารเท่านั้นที่จะผลักดันผู้รุกล้ำเขตแดนไทยออกไป ส่วนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารก็มีแต่คอยกีดกั้นประชาชนคนไทยด้วยกันเองเท่านั้น
“สำหรับหลักการการจัดสรรที่ทำกินตามเขตชายแดนให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนไร้ที่ทำกินนั้น ในส่วนป่าสมบูรณ์ก็ให้เป็นป่าที่สมบูรณ์อีกต่อไป แต่พื้นที่รกร้าง หรือป่าเสื่อมโทรมที่เคยเป็นพื้นที่ทำกินเดิมของชาวบ้านตามแนวชายแดน เราอยากให้อุทยานฯ คืนที่ตรงนั้นให้กับชาวบ้านจะได้ไปปักหลักทำกินเป็นรั้วอย่างดีให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป” นายวิสิทธิ์ กล่าว
ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.วันเดียวกันนี้ (4 มี.ค.) แกนนำเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย ได้ประกาศบนเวทีว่า ตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาทั้งหมดของชาวบ้านที่มาวันนี้ ได้นัดให้ตัวแทนนำเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นไปพูดคุยในรายละเอียดในปลายเดือน มี.ค.นี้ ชาวบ้านที่มาชุมนุมจึงพอใจ และเวทีปราศรัยได้ยุติลงด้วยความสงบเรียบร้อย
AC_FL_RunContent( 'codebase','http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=7,0,19,0','width','600','height','100','src','/home/images/bn_myfirst6','quality','high','pluginspage','http://www.macromedia.com/go/getflashplayer','wmode','transparent','movie','/home/images/bn_myfirst6' ); //end AC code
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9550000028766