“มาร์ค” เรียกถกความมั่นคงด่วนอังคารนี้
พิจารณารายละเอียดผลคำพิพากษาศาลโลก ยันไทยไม่ถอนทหารจนกว่า 2
ฝ่ายถกในกรอบจีบีซี ลั่นไทยยังไม่เสียดินแดน พร้อมบอกพอใจคำตัดสินศาลโลก
เชื่อเจตนาดีมุ่งลดการเผชิญหน้า หวัง รบ.ใหม่ต่อสู้คดีหลักจนถึงที่สุด
จัดการด้วยความระมัดระวัง
วันที่ 18 ก.ค. เมื่อเวลา 18.45 น.ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เปิดสัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังศาลโลกมีมติให้ไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจาก
พื้นที่ปราสาทเขาวิหารว่า เบื้องต้นขอเรียนว่า
ได้รับทราบคำสั่งชั่วคราวของศาลโลกที่ได้มีการตัดสินเมื่อช่วงบ่ายของวันที่
18 ก.ค.ตามเวลาประเทศไทย
ขอทบทวนให้ทราบประเด็นแรกตรงนี้เป็นเรื่องของมาตรการชั่วคราวไม่ได้เกี่ยว
ข้องกับคดีหลัก และไม่มีผลในเรื่องของอธิปไตย
ประการที่สองคำขอที่เป็นมาตรการชั่วคราว
เป็นคำขอของฝ่ายกัมพูชาที่ต้องการให้ศาลสั่งให้ประเทศไทยถอนทหารจากบริเวณ
รอบๆ ปราสาท ซึ่งคำสั่งของศาลชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นไปตามคำร้องของกัมพูชา
แต่มุ่งในการที่จะลดการเผชิญหน้าหรือความตึงเครียดในบริเวณดังกล่าว
จึงมีคำสั่งออกมาในลักษณะที่ให้ทั้ง 2
ฝ่ายถอนทหารออกจากพื้นที่ที่ศาลเป็นผู้กำหนด
ซึ่งหลายท่านอาจได้เห็นตัวแผนที่แล้ว
จะเป็นลักษณะของพื้นที่ที่ค่อมสันปันน้ำอยู่ พูดง่ายๆ คือ
เมื่อเรายึดสันปันน้ำพื้นที่ที่ให้มีการถอนทหารคือ
พื้นที่ทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชาพร้อมๆ กันไป
และทหารของกัมพูชาเองก็ต้องถอนออกจากตัวปราสาท วัดแจ้ง
และบริเวณที่อยู่บนเขา ซึ่งทั้งหมดนี้เนื่องจากเกิดจากผูกพัน ทั้ง 2 ฝ่าย
และการปฏิบัติในการถอนทหารของทั้ง 2 ฝ่าย คงต้องมีกลไกในการมาบริหารจัดการ
และคงเป็นไปไม่ได้ที่ต่างฝ่ายต่างไปดำเนินการ
“ดังนั้นในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล
ผมจึงได้เชิญทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีกลาโหม ผบ.ทบ.
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนของทหาร กระทรวงการต่างประเทศ
ซึ่งจะมีปลัดกระทรวง กรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ
เลขาธิการครม. เลขากฤษฎีกา เพื่อมาดูรายละเอียดของคำสั่งว่า
มีผลกระทบเชิงกฎหมายภายในประเทศหรือไม่อย่างไรในแง่ขั้นตอนการปฏิบัติ
และดูความเป็นไปได้ในการที่จะหาแนวทางลดความตึงเครียดในพื้นที่ดังกล่าว
ข้อเสนอเบื้องต้นในขณะนี้น่าจะให้จีบีซีเป็นผู้ไปพูดคุยกันว่า
จะดำเนินการอย่างไร ผมอยากเรียนว่า
แนวคิดที่จะให้มีการถอนทหารออกจากพื้นที่ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราเคยเสนอใน
เรื่องของการที่จะให้มีการส่งผู้สังเกตการณ์ฝ่ายของประธานอาเซียนเข้ามา
ฉะนั้นชั้นนี้ถือว่าเราได้รับทราบคำสั่งของศาล และจะมีการประชุมกันต่อไป
ซึ่งกลไกที่จะเดินต่อไปหนีไม่พ้นการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา
เรื่องการบริหารจัดการเพื่อการปฏิบัติต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากหารือฝ่ายความมั่นคงแล้ว
ต้องมีการประชุมครม.ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
อันนี้จะเป็นประเด็นหนึ่ง ที่จะมีการสอบถามในที่ประชุมความมั่นคงอังคารนี้
ว่าจะต้องประชุมครม.หรือไม่
และในเชิงกฎหมายขั้นตอนที่จะดำเนินการจะเกี่ยวข้องกับใครอย่างไรบ้าง
และช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อรัฐบาลด้วย หลังการประชุมเมื่อมีความชัดเจน
คงจะมีโอกาสแถลงอย่างเป็นทางการกับพี่น้องประชาชนให้เป็นที่เข้าใจ
เมื่อถามว่า
ในมาตรการคุ้มครองชั่วคราวมีการระบุให้อาเซียนเข้ามาเป็นกลไกตรงนี้หมายถึง
เดินหน้าเรื่องผู้สังเกตการณ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
สนับสนุนแนวทางที่อาเซียนเคยเสนอตัวเข้ามาในเรื่องของผู้สังเกตการณ์
ซึ่งจะสอดคล้องกับสิ่งที่เราเคยยื่นเป็นเงื่อนไขว่า
อยากให้มีการถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อถามว่า ผลผูกพันจะเป็นอย่างไร ถ้าไทยปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีผลผูกพันใดๆ ทั้งสิ้นในเรื่องของอธิปไตย
เพราะตัวคดีหลักต้องไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการชั่วคราว
อันนี้ค่อยข้างชัดเจนในคำสั่งที่มีออกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลโลกระบุว่า
ให้ไทยอำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ครับเฉพาะตัวที่จะเข้าไปตัวปราสาท ซึ่งยังไม่ทราบว่า
ความจำเป็นจะมีอะไรบ้าง มันไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่อื่นๆ เมื่อถามว่า
การถอนทหารจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเจรจาจีบีซีกันเรียบร้อยแล้วใช้ไหม
นายอภิสิทธิ์ กล่าววา ต้องคุยกับทางกัมพูชา เพราะทางกัมพูชาต้องถอนทหาร
ฉะนั้นในชั้นนี้ 2 ฝ่ายต้องพูดกันก่อน
ซึ่งในระหว่างนี้จะยังไม่มีการถอนทหาร เพราะเป็นเรื่องที่สองฝ่ายต้องคุยกัน
เพราะไม่อย่างนั้นถ้าปฏิบัติไปจะวุ่นวาย
เมื่อถามว่า ตอนนี้กลไกคุยกันของ 2 ฝ่ายไม่เดินหน้าเท่าที่ควร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าเวทีจีบีซีเป็นเวทีที่เหมาะสมที่จะให้ 2
ฝ่ายมาพูดคุยกันว่า จะทำกันอย่างไร เมื่อถามว่า ผลที่ออกมาอย่างนี้คิดว่า
ไทยเสียเปรียบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่คิดว่าเสียเปรียบ
เพราะประการแรกพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ค่อมสันปันน้ำอยู่
แต่ตนยังไม่เห็นรายละเอียดในการที่จะเอาตัวพื้นที่ตรงนี้มาทาบลงกับข้อมูล
อีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคง
แต่เบื้องต้นที่ได้คุยกับผบ.ทบ. ท่านบอกว่า ไม่ได้ทำให้เราเสียเปรียบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่บางจุดกินมาในพื้นที่ภูมะเขือ นายอภิสิทธิ์
กล่าวว่า กำลังดูตรงนี้ทั้งหมด เมื่อถามว่า
จีบีซีจะสามารถคุยได้ในช่วงนี้หรือไม่ หรือต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าการคุยคงคุยได้
ส่วนการตัดสินใจอะไรก็ต้องดูข้อกฎหมายอีกทีหนึ่งว่า ต้องเป็นอำนาจของใคร
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศเคยคิดว่า
ทางศาลไม่น่าจะพิจารณาเรื่องนี้ และไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องดินแดน
แต่ตอนนี้คำพิพากษาในลักษณะนี้
เท่ากับเขามาพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์
กล่าวว่า ยัง เพราะในตัวคำสั่งเขียนชัดว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องดินแดน
เพียงแต่บอกว่า เมื่อทางกัมพูชายื่นให้มีการตีความ คำวินิจฉัยเมื่อ 2505
และพื้นที่ตรงนี้เกี่ยวข้องอยู่ เขาก็ออกเป็นคำสั่งมาตรการชั่วคราว
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั้งกันระหว่างนี้
เมื่อถามว่า เรื่องการถอนทหารเป็นที่เข้าใจว่า ไทยต้องการ
แต่กรณีที่ศาลสั่งไม่ให้เราขัดขวางทางขึ้นปราสาทพระวิหาร นายอภิสิทธิ์
กล่าวว่า มันเป็นหลักเฉยๆ เพราะปราสาทถูกตัดสินให้เป็นของกัมพูชา
ฉะนั้นเขาต้องมีสิทธิไปที่ปราสาท แต่ถ้ามาผ่านดินแดนเราก็เป็นเรื่องของเรา
เมื่อถามว่า แต่ทางขึ้นอยู่กับไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ทางขึ้นๆได้หลายทาง แต่เขาไมได้ระบุวิธีไหนที่จะขึ้น เมื่อถามว่า
ถ้าผ่านไทยต้องขออนุญาตไทยก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ตนคิดว่ามีวิธีการบริหารจัดการ ไม่ใช่ที่จะบอกว่าใครไปทำอะไรก็ได้
ไม่อย่างนั้นจะยุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่ และเขาพูดถึงเฉพาะตัวปราสาท
ซึ่งเราไม่ทราบเหมือนกันว่า
มันมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องลำเลียงของขึ้นไปยังปราสาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า เขาอาจอ้างการซ่อมแซมบูรณะตัวปราสาทได้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ได้ไปดูแล หรือคิดว่าอะไรเป็นอะไร
แต่เบื้องต้นกัมพูชาต้องถอนทหารออกจากตรงนั้นก่อน เมื่อถามว่า
ตรงนี้อาจเป็นจุดที่ทำให้กัมพูชาไม่พอใจ จนมีปัญหาอีกรอบหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเอาเรื่องไปที่ศาล เมื่อถามว่า
เวลานี้ตามแนวชายแดนได้มีการกำชับอะไรไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ขณะนี้ทางกองทัพอยู่กับที่ เมื่อถามว่า
คำพิพากษาออกมาแบบนี้ส่งผลอะไรต่อชายแดนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ความมุ่งหมายของศาลเพื่อลดความตึงเครียดเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า
เมื่อถามว่า คิดว่าความตึงเครียดจะลดหรือจะเพิ่มมากขึ้น นายอภิสิทธิ์
กล่าวว่า อยู่ที่การปฏิบัติ ตนจึงเสนอว่า จำเป็นต้องพูดคุยบริหารจัดการกัน
เมื่อถามว่า คำพิพากษาออกมาจะทำให้กัมพูชาฮึกเหิมหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่จะฮึกเหิมได้อย่างไร
เพราะทหารของเขาเองก็ต้องถอนออกจากปราสาท
และพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของสันปันน้ำด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า
ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่า จะถอนทหารออกไปไกลขนาดไหนใช่ไหม นายอภิสิทธิ์
กล่าวว่า มี ศาลได้ขีดเส้นไว้ แต่ขั้นตอนการถอนทหารไม่เหมือนกับการเดินเล่น
ซึ่งอยู่ที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องพูดคุยกัน และกำหนดให้ชัดว่า ถ้าจะทำตามนี้
ใครจะออกเวลาไหนอย่างไร
และเราต้องมีวิธีการป้องกันไม่ให้มีการเอาคนที่เป็นทหารแล้วแฝงตัวว่า
ไม่เป็นทหารเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามคิดว่า กลไกการปฏิบัติเป็นเรื่องสำคัญ
ฉะนั้นขณะนี้ต้องพูดคุยกันว่า แนวทางเป็นอย่างไร
เวลานี้เราเห็นแต่ตัวแผนที่ยังไม่ได้ทาบลงกับหลายข้อมูลที่เราจะต้องดู
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาดูเรื่องนี้อย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเข้ามาต่อสู้คดีหลักจนถึงที่สุด
และบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง
ส่วนคำตัดสินของศาลพอใจในหน้าที่ไม่ได้เป็นไปตามคำขอของกัมพูชา 2
ประเด็นที่คิดว่า น่าพอใจคือ ไม่ได้เป็นไปตามคำขอของกัมพูชา
เพราะกัมพูชาต้องถอนทหาร และพื้นที่ที่กำหนดค่อมสันปันน้ำ เมื่อถามว่า
ผลผูกพันตรงนี้จะไปใช้ในเวทีมรดกโลกอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ยังไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนั้นคงต้องวิเคราะห์แนวทางกันก่อน ซึ่งแนวทางต่อไป 2
ฝ่ายต้องคุยกัน ไม่อย่างนั้นจะสับสน
ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้ประเมินปฏิกิริยาของทางกัมพูชาว่า
จะออกมาในรูปแบบไหน
และคำของศาลโลกวันนี้เป็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือมาตรการชั่วคราว
กต. แถลงผ่านเว็ปไซต์พอใจคำสั่งศาลโลก
เกี่ยวกับมาตรการชั่วคราวกำหนดพื้นที่ปลอดทหารชั่วคราว
อ้างไทยเป็นสมาชิกที่ดีของสหประชาชาติก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก
เดินหน้าเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เปิดทางรับผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย
กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผ่านเว็ปไซต์ว่า เมื่อวันที่ 18
กรกฎาคม 2554 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำสั่งกรณีกัมพูชา
ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1.
ไทยพอใจกับคำสั่งของศาลที่ออกมาตรการชั่วคราวให้มีผลใช้บังคับกับทั้งสอง
ประเทศ
ซึ่งไม่เป็นไปตามที่กัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลโลกที่ต้องการให้ศาลโลกออก
มาตรการชั่วคราวที่บังคับให้ไทยต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ตามแผนที่ 1 ต่อ
200,000 เพียงฝ่ายเดียว โดยศาลได้กำหนดให้มีพื้นที่ปลอดทหารชั่วคราว
โดยให้ทั้งสองฝ่ายต้องถอนทหารออกจากพื้นที่
รวมถึงการที่กัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหารด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยเรียกร้องและสอดคล้องกับท่าทีของไทยที่มีมาโดยตลอด
ทั้งนี้
การมีพื้นที่ปลอดทหารดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการพิจารณาการตีความคำพิพากษาใน
คดีปราสาทพระวิหารปี 2505 และจะไม่กระทบอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย
2.
ศาลโลกยังมีคำสั่งให้กัมพูชาสามารถเข้า-ออกปราสาทพระวิหารเพื่อส่งกำลัง
บำรุงให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่ทหารในปราสาทได้
และให้ทั้งสองประเทศหารือกันโดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่
คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)
และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC)
ซึ่งเป็นการสะท้อนท่าทีของไทยที่ได้แจ้งกับนานาประเทศมาโดยตลอด
3. นอกจากนี้
ศาลโลกยังขอให้ทั้งสองประเทศให้ความร่วมมือในกรอบของอาเซียนเพื่อให้ผู้
สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ปลอดทหารตามที่ศาลโลกได้
กำหนดไว้ได้ ซึ่งเมื่อวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2554
เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทยได้เดินทางไปยัง
พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว
และอยู่ระหว่างการแจ้งผลการลงพื้นที่ดังกล่าวให้รัฐบาลอินโดนีเซียทราบ
4. รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวอีกว่า
ในเมื่อศาลโลกมีคำสั่งกำหนดพื้นที่ปลอดทหารแล้ว
ชุดข้อตกลงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กัมพูชา
และอินโดนีเซีย ได้หารือร่วมกันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ที่กรุงจาการ์ตา
ประเทศอินโดนีเซีย จึงหมดความหมายไปโดยปริยาย
และจำเป็นต้องเอาคำสั่งของศาลโลกเป็นที่ตั้ง
ซึ่งก็สอดคล้องกับสิ่งที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ได้ประกาศว่าเมื่อศาลโลกมีคำสั่งออกมาเช่นไร
กัมพูชาก็จะยึดเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเขตแดนและปราสาทพระวิหาร
ต่อไป
5. รัฐมนตรีว่าการฯ
ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการต่อไปว่า
ต้องรายงานผลการพิจารณาของศาลโลกให้นายกรัฐมนตรีทราบ
และเสนอเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งรายงานให้คณะกรรมาธิการต่างประเทศของวุฒิสภาทราบด้วย
สำหรับในรายละเอียดของการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลคงต้องมีการหารือระหว่าง
หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม
สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวด้วยว่า
ไทยกับกัมพูชาคงต้องมีการหารือกันภายในกรอบของ GBC
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยได้เสนอมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการฯ
ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ต่างประเทศอินโดนีเซียในเบื้องต้นในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่
เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซียแล้ว
6. รัฐมนตรีว่าการฯ
ตอบคำถามเกี่ยวกับแผนที่ที่ศาลกำหนดให้เป็นพื้นที่ปลอดทหารชั่วคราวว่า
พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตชั่วคราวที่กำหนดไว้สำหรับการปฏิบัติการตามคำสั่งของ
ศาล ซึ่งจะต้องนำไปกำหนดจุดบนแผนที่ต่อไป
7. ไทยเคารพข้อตัดสินของศาลโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหประชาชาติ
และไทยในฐานะที่เป็นสมาชิกที่ดีของสหประชาชาติก็ต้องปฏิบัติตาม ในการนี้
ไทยและกัมพูชา รวมทั้งอินโดนีเซีย
ต้องหารือกันเกี่ยวกับการดำเนินการตามคำสั่งของศาลโลกต่อไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
▼
2011
(568)
-
▼
กรกฎาคม
(56)
-
▼
19 ก.ค.
(9)
- "Political gain the name of the game"
- ข้อสังเกตทางกฎหมาย เกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหาร อนุส...
- ผ่า!แผนที่'เขตปลอดทหาร'ไทยกระเทือน
- ใบแถลงข่าวอย่างไม่เป็นทางการของศาลยุติธรรมระหว่างป...
- “สมปอง”แนะส่งตำรวจดูแลความเรียบร้อยแทนทหารได้
- หมู่บ้านอนุรักษ์ฯสมเด็จเดโช ฮุน เซน แห่งพระวิหาร
- คำตัดสินศาลโลก..สันติภาพไทย-เขมร
- "จับตา รัฐบาล กต. ทหารหาญและสื่อมวลชนกรณีศาลโลก ภา...
- “มาร์ค กษิต พอใจกับคำสั่งของศาลโลก
-
▼
19 ก.ค.
(9)
-
▼
กรกฎาคม
(56)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น