บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จรัล ดิษฐาอภิชัย วิพากษ์รายงานอัปยศกรณีพฤษภาเลือดของกก.สิทธิฯ:ขัดหลักสากล-ไม่เป็นกลาง

จรัล ดิษฐาอภิชัย วิพากษ์รายงานอัปยศกรณีพฤษภาเลือดของกก.สิทธิฯ:ขัดหลักสากล-ไม่เป็นกลาง

ราย งานกสม.ฉบับนี้ขัดกับหลักการaddress to stateที่นักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกยึดถือปฏิบัติ และขัดต่อหลักการความเป็นกลาง ข้อสรุปรายงานนี้ แสดงให้เห็นว่า กสม. ไม่เป็นกลาง เข้าข้างรัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง (แฟ้มภาพไทยอี นิวส์:จรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าพบหารือมองซิเออร์ฟรองซัว ซิมเมอเรย์ เอกอัครรัฐทูตด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 เดือนก่อน)

โดย จรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

เนื่องจากผมไม่ได้อ่านรายงานทั้งฉบับ ผมเขียนข้อคิดเห็นเชิงหลักการต่อข้อสรุปที่ไทยอีนิวส์นำมารายงานข่าว (อ่านข่าวเรื่อง:กรรมการสิทธิด้วยกันใจไม่ด้านพอ เบรกรายงานฉบับหมอชูชัย92ศพผิด ไล่กลับไปเขียนใหม่)

น.พ.ชู ชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานกรณีเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นจากการชุมนุมของ นปช.ซึ่งมีข้อสรุปว่ารัฐบาลทำตามกฎหมายไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนผู้ชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ


ข้อสรุปรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณ๊การสลายการชุมนุมของ ประชาชนภายใต้การนำของแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.)หรือคนเสื้อแดง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)มีปัญหาทางหลักการสิทธิมนุษยชน อย่างน้อย ๒ ประการ คือ

๑ หลักการสิทธิมนุษยชนเรียกร้องต่อรัฐ(address to state)ให้เคารพ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนพลเมือง เรียกร้องให้รัฐปกป้องคุ้มครอง หากมีการละเมิดสิทธิดังกล่าว

เพราะรัฐเป็นองค์อำนาจทางการเมือง การปกครองและอำนาจกฎหมาย มีกองกำลัง มีฐานะเหนือกว่าพลเมือง

ในการตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเป็นการกระทำของรัฐบาลและเจ้า หน้าที่รัฐ หรือเกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัฐกับเอกชน จะต้องเริ่มต้น และเน้นการกระทำของรัฐเป็นหลัก

กรณีการสลายการชุมนุมระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ถึง ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๐ กสม.จะต้องมุ่งตรวจสอบการกระทำของรัฐ

-ตั้งแต่รัฐบาลประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พ.ศ.๒๕๕๑

-การประกาศ พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณฺฉุกเฉิน

-การวางกำลังทหารตำรวจเกือบ ๕ หมื่นคน

เป็นการละเมิดเสรีภาพในการเดินทาง ข่มขู่ คุกคามการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนอย่างไร

-การปิดสถานีโทรทัศน์ประชาธิปไตย ปิดวิทยุชุมชุน บล๊อกเวบไซต์

-การเคลื่อนกำลังทหาร ใช้ระเบิดแกสน้ำตา ฉีดน้ำ การใช้ปืนสงคราม ยิงใส่ฝูงชน ฯลฯ เป็นการละเมิดสิทธิในชีวิต ร่างกาย เพราะมีคนเสียชีวิต ๙๓ คน บาดเจ็บ ๒๐๐๐ กว่าคน

มิใช่เริ่มจากความชอบ หรือไม่ชอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของการชุมนุมว่า ไม่สงบและมีอาวุธ และว่าการชุมนุมไปละเมิดเสรีภาพของประชาชนทั่วไป กีดขวางการสัญจร ไปมา ละเมิดสิทธิของผู้ป่วย ฯลฯ

หลักการข้อนี้ นักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกยึดถือปฏิบัติอยู่เสมอ เช่น กรณีตำรวจจับผู้ร้าย ใช้วิธีการสอบสวนด้วยการทุบตี ทรมาน วิสามัญฆาตกรรม หรือกรณีทหารรัฐบาลสังหารฝ่ายขบถ(เช่น กรณีชายแดนภาคใต้) ฯลฯ เมื่อมีผู้ถูกละเมิดร้องเรียนต่อองค์การสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชน การตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารดังกล่าว จะสอบข้อเท็จจริงว่า ได้กระทำอย่างนั้นอย่างนี้ จริงหรือไม่ ไม่มีข้อยกเว้น

แม้ผู้ถูกละเมิดจะเป็นฆาตรกร ๑๐๐ ศพ หรือนักค้ายาเสพติดระดับโลก การกระทำความผิด หรือการตอบโต้ของฝ่ายถูกละเมิดสิทธิฯ ไม่เป็นเหตุผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิซ้อมผู้ต้องหา หรือยิงทิ้งคนผิด ต้องจับให้ศาลพิจารณาตัดสินคดี

๒. หลักการความเป็นกลาง ข้อสรุปรายงานนี้ แสดงให้เห็นว่า กสม. ไม่เป็นกลาง เข้าข้างรัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง รับรองและแก้ต่างให้รัฐบาลและกองกำลังทหารในการปฏิบัติหน้าที่ว่า ทำตามกฎหมายบ้าง มีความจำเป็นบ้าง ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักบ้าง รวมทั้งทหารถูกคนชุดดำเข่นฆ่าบ้าง ทำร้ายบ้าง ฯลฯ

เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล คาดได้เลยว่า หากมีการชุมนุมของพันธมิตร หรือ ประชาชนกลุ่มใด แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสลาย กสม.ชุดนี้ จะรีบตรวจสอบและสรุปผลการตรวจสอบว่า รัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างแน่นอน เหมือนกับกสม.ชุดที่แล้วที่มีนายเสน่ห์ จามริก เป็นประธาน เนื่องจากไม่เป็นกลางเข้าข้างพันธมิตร

เมื่อเกิดกรณีตำรวจสลายการชุมนุมล้อมรัฐสภาของพันธมิตรเมื่อวันที่๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ กสม.ชุดนั้นรีบลงไปตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน สรุปว่า รัฐบาลโดยนายสมชาย วงส์สวัสดี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ. เพชรวาท วงศ์สุวรรณ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นความผิดทางอาญา ซึ่งยังเป็นคดีอยู่จนถึงวันนี้

เมื่อได้อ่านรายงานนี้ทั้งฉบับ ผมจะเขียนมาอีก

จรัล ดิษฐาอภิชัย

นายกฝรั่งเศสพบฮวยเซง เสนอให้เอกสารเขตแดน-สนุนเขมรนั่งมนตรีความมั่งคง


นายฟรองซัวส์ ฟียง ระหว่างเข้าพบฮุน เซนฟิฟทีนมูฟ — นายกฝรั่งเศสเข้าพบฮุน เซน เสนอให้เอกสารเกี่ยวข้องเขตแดนไทย-เขมร ที่ฝรั่งเศสมี พร้อมช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี ขณะฮวยเซงฟ้องพ่อระบุเขมรยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจปี ๕๑ และยังต้องเผชิญหน้าการรุกรานของไทยขณะเขมรกำลังเตรียมเลือกตั้ง ต้องแบ่งงบประมาณอันน้อยนิดไปป้องกันประเทศ ฝรั่งเศสเผยหอบนักลงทุนมาตั้งโรงงานแปรรูปวัตถุดิบ ขนเงินมาร่วม ๒๐ ล้านยูโร
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ (๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔) อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส นายฟรองซัวส์ ฟียง ได้กล่าวระหว่างเข้าพบหารือกับนายฮุน เซน ว่า ฝรั่งเศสมีความยินดีที่จะมอบเอกสารสำเนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกล่าวว่า ฝรั่งเศสเตรียมจะช่วยเหลือในปัญหานี้ และช่วยหาหนทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ด้วยสันติวิธี

นายอุจ โบรึต1 เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้แสดงความตื่นเต้นอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตอย่าง รวดเร็วของกัมพูชา เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ ค.ศ.๑๙๙๔ ที่ตนได้มาเยือน และยังได้แสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการเสนอตัวของกัมพูชา เป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ ซึ่งนายฟรองซัวส์ ฟียง แจ้งกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า การเจริญเติบโตอย่างมากของกัมพูชา มีทั้งเสถียรภาพด้านการเมืองและเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการสันติภาพทั่วโลก ได้แสดงให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันกัมพูชาให้มีความเป็นไปได้ ในการเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า ฝรั่งเศสสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการเสนอตัวของกัมพูชา
นายศรี ทามรงค์2 รัฐมนตรีตัวแทนผู้ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า นายฮุน เซน ได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลประเทศฝรั่งเศส ที่ได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ในด้านการสาธารณสุข การศึกษา เช่นเดียวกับการช่วยเหลือซ่อมแซมปราสาทโบราณ อย่างเช่น ปราสาทบาปวน3 ที่จะได้มีพิธีฉลองปิดไซต์งานโดยกษัตริย์กัมพูชา ในวันที่ ๓ กรกฎาคม และการเปิดไซต์งานใหม่เพื่อซ่อมแซมปราสาทแม่บณย์ทางตะวันตกใน จ.เสียมราฐ นอกจากนี้ นายฮุน เซน เสนอให้ฝรั่งเศสให้ความช่วยเหลือกัมพูชาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้ทุนการศึกษาในด้านกฎหมาย วิศวกรรม การให้ความช่วยเหลือในการสอนภาษาต่างประเทศแก่ตำรวจ กองทัพกัมพูชา และหน่วยสารวัตรทหาร เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศกัมพูชา เช่นเดียวกับการอนุรักษ์ปราสาทโบราณเหล่านั้น
ในประเด็นเกี่ยวกับการเกษตรและการลงทุน นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส กล่าวว่า ตนได้นำคณะนักลงทุนและบริษัทขนาดใหญ่มาด้วย ซึ่งมีความต้องการอย่างยิ่งที่จะลงทุนในกัมพูชา โดยขอให้กัมพูชาสนับสนุนการลงทุนเหล่านั้น ฝรั่งเศสมองว่ากัมพูชาเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ ที่ฝรั่งเศสจะช่วยกัมพูชาในด้านการแปรรูปวัตถุดิบเพื่อส่งออกไปยังนานาชาติ โดยนักลงทุนนำเงินมาลงทุนประมาณ ๒๐ ล้านยูโร เพื่อตั้งโรงานแปรรูปผลผลิต
นอกจากนี้ นายศรี ทามรงค์ เปิดเผยว่า นายฮุน เซน ได้แจ้งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ถึงความอดทนอดกลั้นและความยากลำบากของกัมพูชา เมื่อปี ๒๕๕๑ ขณะที่กัมพูชากำลังเตรียมการเลือกตั้ง แล้วถูกไทยรุกราน ประกอบกับการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจและการเงิน กัมพูชาลำบากอย่างมากเมื่อเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ แล้วต้องเผชิญกับการรุกรานนั้น โดยกัมพูชาต้องตัดแบ่งเงินงบประมาณอันน้อยนิด ไปใช้เพื่อการป้องกันบูรณภาพดินแดน ซึ่งก่อนที่กัมพูชาได้ตกลงใจที่จะนำเรื่องนี้ไปที่คณะมนตรีความมั่นคงฯ อาเซียน และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาช่องทางแก้ปัญหาโดยสันติวิธี
(ติดตามรายงานเพิ่มเติมในช่วงค่ำ)

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง