บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

จับตาปาหี่เขมรปล่อยวีระ-ราตรี แผนสร้างผลงานกลบภาพลบรัฐบาลปู

จับตาปาหี่เขมรปล่อยวีระ-ราตรี แผนสร้างผลงานกลบภาพลบรัฐบาลปู (ผ่าประเด็นร้อน)

ขณะที่ประเทศและประชาชนกำลังทุกข์สาหัส โดยเฉพาะ จากอุทกภัยครั้งร้ายแรงในกว่า 30 จังหวัดภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง รวมทั้งยังต้องเผชิญกับภาวะของแพง แต่รัฐบาลหุ่นเชิดภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นพวกเดียวกันกลับทุ่มเทความสำคัญตั้งหน้าตั้งตาพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อลบล้างโทษความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี-ผู้เป็นนายใหญ่

นับตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารประเทศเกือบเดือน ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า มีแต่ข่าวด้านลบและล้วนมุ่งไปที่ประโยชน์เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าคนเสื้อแดงเป็นหลัก ขณะที่ปัญหาของชาติบ้านเมืองและความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลกลับแก้ปัญหาแบบสร้างภาพฉาบฉวย เพราะ ทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศก็ล็อบบี้ให้รัฐบาลญี่ปุ่นยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้ซึ่งเคลื่อนไหวคู่ขนานกับ เหล่าแกนนำคนเสื้อแดงก็พยายามผลักดันกระบวนการ ถวายฎีกาที่ก่อนหน้านี้ม็อบคนเสื้อแดงเข้าชื่อทั่วประเทศกว่า 2 ล้านชื่อ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการใช้กฎหมู่กดดัน ดึงฟ้าลงต่ำและส่อเจตนาบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง

ขณะเดียวกัน ยังพยายามที่จะลบล้างโทษจำคุก 2 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ด้วยการหาข้ออ้างที่จะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ทั้งๆ ที่คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้วอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ

ไม่เพียงตั้งหน้าตั้งตาทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นนายใหญ่ ซึ่งจุดชนวนสร้างความแตกแยกในชาติ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังสร้างความแตกแยกด้วยการมุ่งกระชับอำนาจหวังยึดครอง ประเทศด้วยการโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่งสำคัญอย่างไม่เป็นธรรม

ซึ่งผลงานทั้งหมดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เกือบ 1 เดือน ที่เข้ามาบริหารประเทศตรงกันข้ามกับนโยบายที่สร้างภาพไว้ว่าจะสร้างความ ปรองดอง และเข้ามาแก้ไขไม่แก้แค้นอย่างสิ้นเชิง เพราะจากปรากฏการณ์ที่เป็นจริงกลับกลายเป็นว่า รัฐบาลชุดนี้ สร้างความแตกแยกแทนที่จะสร้างความปรองดองและเข้ามาเพื่อแก้แค้นแทนที่จะ แก้ไข

จึงไม่แปลกที่ผลสำรวจของสำนักวิจัย (โพลล์) สำนักต่างๆ ชี้ว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ เพราะมุ่งแต่แก้ปัญหาเพื่อพวกพ้องโดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลัก

ขณะเดียวกันนโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ก็ เริ่มพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดีแต่โม้ หลอกลวงประชาชน ขณะที่ประเทศกำลังวิกฤติหนักจากอุทกภัยใหญ่ แต่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ยังมีกะจิตกะใจเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ทั้งบรูไน กัมพูชา และอินโดนีเซีย ทั้งๆ ที่สามารถเลื่อน กำหนดการเยือนได้ ซึ่งหากเป็นผู้นำประเทศอื่นๆ ก็คงยกเลิก กิจกรรมนอกประเทศและรีบหันมาเยี่ยมเยือนแก้ปัญหาประชาชน ในประเทศที่ประสบภัยในพื้นที่

ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจช่วงนี้ก็คือ ข่าวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางเยือนกัมพูชาในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเชิญให้เดินทางไปบรรยายพิเศษเกี่ยวกับเศรษฐกิจเอเชียและเศรษฐกิจโลก ที่กัมพูชาในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ตามคำเชิญของราชบัณฑิตยสถานกัมพูชาและองค์กรรัฐสภาเอเชียแปซิฟิก ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดง ก็มีนัดแข่งขันฟุตบอลกับตัวแทนรัฐบาลกัมพูชาในวันที่ 24 ก.ย.

ความเคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และกลุ่มคนเสื้อแดง โดยที่ให้ความสำคัญกับกัมพูชาเป็นพิเศษ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเดินเกมทาง การเมือง โดยมีเป้าหมายสำคัญ 2 ประการ นั่นคือ เป้าหมายแรก เป็นการปูทางไปสู่การรื้อฟื้นการเจรจาแบ่งเค้กผลประโยชน์เกี่ยวกับน้ำมันและ ก๊าซมูลค่ามหาศาลบนพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ในอ่าวไทย ท่ามกลางข่าวเบื้องหลังที่แอบแฝง ด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่เป็นแผนการฮั้วกันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

เป้าหมายที่สองก็คือ การแสดงปาหี่เพื่อสร้างผลงาน ให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยรัฐบาลกัมพูชาจะยอมปล่อยตัว นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองแกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวและจำคุกตั้งแต่ปีที่แล้ว ฐานรุกล้ำเขตแดนกัมพูชา และทำตัวเป็น สายลับ ทั้งนี้ข่าวแจ้งว่า หลังการเข้าพบ สมเด็จฮุนเซ็น ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คาดว่า รัฐบาลกัมพูชาจะประกาศปล่อยตัว นายวีระ และ น.ส.ราตรี ตามแผนที่มีการตกลงกันไว้นานแล้ว

เพราะฉะนั้นความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบรรดาคน ในระบอบทักษิณทั้งหลายกับกัมพูชาในช่วงนี้จึงถูกตั้ง ข้อสังเกตว่า เป็นเพียงปาหี่การเมืองโดยด้านหนึ่งเพื่อ สร้างภาพโชว์ผลงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขณะเดียวกันก็มี เป้าหมายแอบแฝงเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซ ขณะเดียวกันก็เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชน เพื่อกลบเกลื่อนข่าวที่มีแต่ด้านลบและความเสื่อมของรัฐบาล ที่เริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

ทีมข่าวการเมือง

การทูตแปลกประหลาด ระหว่างไทยกับกัมพูชา


ความขัดแย้ง ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างทั้งสองประเทศอยู่ระดับย่ำแย่ที่สุด

 นับ ตั้งแต่สิ้นยุคสงครามเย็น เนื่องจากมีการปะทะด้วยกำลังทหารจนทำให้มีการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งสองฝ่าย ซึ่งไม่เพียงแค่ความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลเท่านั้นที่เลวร้ายลง ความรู้สึกของประชาชนทั้งสองประเทศก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้แต่บรรดานักวิชาการที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาค ต่างก็เป็นห่วงว่ารอยแผลในครั้งนี้บาดลึก ต้องใช้เวลาในการเยียวยาหลายสิบปี
 สาเหตุของความขัดแย้งถือว่าค่อนข้างซับซ้อนอย่างมาก จึงไม่อาจอธิบายได้ด้วยปัจจัยหนึ่งปัจจัยเดียว หากได้ติดตามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น เราจะเห็นว่าเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งจากการเมืองภายในของทั้งสองประเทศ อย่างแยกไม่ออก แต่เรื่องอันแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาบริหารประเทศ ความขัดแย้งที่มีแนวโน้มว่าจะไปไกลถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก็สงบลงอย่างคาดไม่ถึง ประหนึ่งว่าทั้งสองประเทศไม่มีความขัดแย้งกันมาก่อนหน้านี้เลย
 แน่นอนว่า นักวิเคราะห์การเมืองต่างให้น้ำหนักไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีบทบาทอย่างมากที่ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งสิ้นสุดลง เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา และนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยหลายคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมือง ฝ่ายกัมพูชา ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา กลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนเดิม และเชื่อว่าความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจะเป็นไปด้วยดีตลอดอายุ รัฐบาล
 ดังนั้น หากติดตามความเคลื่อนไหวและท่าทีของนักการเมืองฝ่ายไทย ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล เช่น กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมากต่อกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีจะมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างนักการเมืองของทั้งสองประเทศในช่วง ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนกัมพูชา และในช่วงเวลานั้นก็มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาที่กัมพูชาด้วย  แต่ความสัมพันธ์เช่นนี้ในสายตาคนนอกอาจเห็นว่าค่อนข้างประหลาดอยู่มาก
 เราไม่รู้ว่า ฝ่ายกัมพูชาจะมองความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้อย่างไร กัมพูชาอาจกำลังหาประโยชน์ในบางด้านจากความขัดแย้งทางการเมืองในไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่มองได้หลายด้าน ขึ้นอยู่กับว่าจะประเมินอย่างไร แต่ในฝ่ายไทยนั้น เท่าที่ติดตามจากท่าทีแสดงให้เห็นว่าเป็นการน้ำจิตใจน้ำใจในฐานะมิตรที่ดี ต่อกัน โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างไร หากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นไปด้วยดี แต่ก็ควรตระหนักว่านี่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องการแสดงถึงมิตรไมตรีกันแบบไทยๆ 
 อันที่จริง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น มีรูปแบบและขั้นตอนที่กล่าวได้ว่าเป็นไปตามกติกาสากล เรามีองค์กรที่เป็นทางการมากมายในปฏิสัมพันธ์กัน ทั้งระดับรัฐบาลและเอกชน แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีไปเยือน กัมพูชาจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กังวลคือความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อจากนี้คงแปลกประหลาด อย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศดีและเลว ตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทย ราวกับประหนึ่งว่ากัมพูชาเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองภายในของไทย



โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง