วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทยใครควรรับผิดชอบ ตอน๑
เทพมนตรี ลิมปพยอม
จากหนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนมาก ลับมาก
ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551
ได้แสดงให้เห็นถึงพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทย หนังสือฉบับนี้ได้กล่าวถึงในช่วงระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่ยูเนสโกจะเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ปราสาทพระวิหารในช่วงเวลาต้นเดือนธันวาคม 2551 ผมจึงขอนำข้อความมาให้ทุกท่านได้ทราบดังนี้
"ด้วยกระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานว่า ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2551 นางฟรอวซวส ริวิแอร์ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโกมีกำหนดการมาร่วมการประชุม international coordinating committee(ICC) นครวัด และมีกำหนดการตรวจสอบพื้นที่ปราสาทพระวิหารในระหว่างนั้นด้วย
โดยที่การตรวจสอบพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเนสโกดังกล่าวอาจต้องผ่านหรือเข้ามาในดินแดนประเทศไทย และอาจมีนัยกระทบอธิปไตยของไทย กระทรวงการต่างประเทศจึงได้จัดประชุมพิจารณาท่าทีร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง (รายชื่อปรากฎตามสิ่งที่ส่งมาด้วย) และเห็นควรเสนอแนะแนวทางดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงการใช้อำนาจอธิปไตยของ ดังนี้
1.กรณีเจ้าหน้าที่/ผู้แทนยูเนสโกเข้าตรวจสอบเฉพาะตัวปราสาท โดยไม่ผ่านหรือเข้ามาในดินแดนไทยเลย เช่นเดิมขึ้นมาทางช่องบันไดหัก ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ติดตามข้อมูลและสังเกตการณ์จากเขตไทย
2.เมื่อทราบกำหนดว่าจะมีเจ้าหน้าที่/ผู้แทนยูเนสโกผ่านหรือเข้ามาในดินแดนไทยให้กระทรวงเตอนยูเนสโกให้ตระหนัก )โดยอาจผ่านทางยูเนสโกไทยหรือICOMOSไทยอีกทางหนึ่ง) ว่าไม่ควรผ่านหรือเข้ามาในดินแดนไทยเว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการก่อนโดยสามารถอ้างคำแถลงของผู้แทนไทยต่อที่ประชุมWHC32 ว่ากิจกรรมมาตรการใดที่จะทำในดินแดนไทยโดยกัมพูชาหรือฝ่ายที่สามต้องได้รับการยินยอมของไทยก่อน ซึ่งจะเป็นการแสดงเจตนาที่ดีของไทยและหากยูเนสโกขออนุญาตไทยก่อนก็จะเป็นผลดีแก่ท่าทีไทย
3.กรณีเจ้าหน้าที่/ผู้แทนยูเนสโกเข้าตรวจสอบเฉพาะตัวปราสาท แต่ประสงค์จะเดินทางผ่านดินแดนไทย เช่นขึ้นมาทางถนนจากบ้านโกมุย หรือมาโดยเฮลิคอปเตอร์และลงจอดในดินแดนไทย
3.1หากขออนุญาตไทยอย่างเป็นทางการก่อนก็เห็นควรอนุญาตและจัดทหารไทยคุ้มครองเจ้าหน้าที่/ผู้แทนยูเนสโก ขณะอยู่ในดินแดนไทย เพื่อแสดงการใช้อำนาจอธิปไตยของไทย
3.2 หากไม่ขออนุญาตไทยอย่างเป็นทางการก่อน เห็นควรแจ้งไม่อนุญาตให้เดินทางผ่านและทำการประท้วงอย่างเป็นทางการระดับรัฐบาล
4. กรณีเข้าตรวจสอบบริเวณนอกตัวปราสาท ซึ่งเป็นดินแดนไทยที่กัมพูชาอ้างสิทธิ เห็นว่าไม่ควรอนุญาต ไม่ว่าจะขออนุญาตไทยอย่างเป็นทางการหรือไม่เพราะคณะกรรมการมรดกโลกได้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท
5.กรณีการปฏิบัติงานในกรอบICCโดยเจ้าหน้าที่/ผู้แทนยูเนสโกหรือผู้แทนสมาชิก ต้องจำกัดเฉพาะในตัวปราสาท และไทยต้องได้เข้าร่วมมิฉะนั้นไทยจะต้องทำการประท้วงอย่างเป็นทางการระดับรัฐบาล
6.ในกรณีที่ไทยไม่อนุญาต แต่กัมพูชาฝืนนำเจ้าหน้าที่ยูเนสโกเข้ามาในดินแดนไทย ไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการระดับรัฐบาล และให้กำลังของไทยเข้าอารักขาคณะโดยแสดงอาวุธและประสานกับกัมพูชาล่วงหน้า และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความเหมาะสมที่จะจัดเจ้าหน้าที่ร่วมสังเกตการณ์ในการอารักขาด้วย โดยไม่ให้มีนัยเป็นการต้อนรับยูเนสโกหรือยอมรับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
7.ในทุกกรณี ให้หลีกเลี่ยงการขัดขวางโดยใช้กำลังอย่างถึงที่สุด
8. ในกรณีที่เห็นเหมาะสม กระทรวงการต่างประเทศอาจพิจารณาใช้โอกาสเชิญเจ้าหน้าที่ยูเนสโกเข้ามาตรวจพื้นที่ในดินแดนไทยด้วย เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย
9.ควรประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล
หนังสือลับมาก ฉบับด่วนที่สุดนี้ เรียนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีผู้เข้าร่วมประชุมอันเป็นผู้แทนของหน่วยงานทั้งหมด ๑๔ หน่วยงาน อันได้แก่
๑.ผู้แทนกรมกิจการชายแดนทหาร
๒.ผู้แทนกรมแผนที่ทหาร
๓.ผู้แทนกรมยุทธการทหารบก
๔.ผู้แทนกองกำลังสุรนารี
๕.ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๖.ผู้แทนกรมศิลปากร
๗.ผู้แทนกรมอุทยาน
๘.ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย
๙.ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑๐. ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด
๑๑.ผู้แทนกรมเอเซียตะวันออก
๑๒.ผู้แทนกรมองค์การระหว่างประเทศ
๑๓.ผู้แทนกรมสารนิเทศ
๑๔.ผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฏหมาย (หมายเลข๑๑-๑๔อยู่สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ)
จะเห็นได้ว่าการประชุมของผู้แทนหน่วยงานต่างๆได้ยืนยันว่าพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทยและต้องมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการกระทำของกัมพูชาที่ส่งประชาชนและกองกำลังทหารติดอาวุธรุกล้ำอธิปไตยและดินแดนของไทย และในเวลานี้ก็ยังหาหน่วยงานที่จะรับผิดชอบไม่ได้ (อ่านต่อตอนหน้า)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)