บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

เขมร สันดานเนรคุณ ....

เสมา ขุนศึกรักสถาบัน เมื่อปีพศ. ๒๐๗๕ ในรัชสมัยพระมหาจักรพรรดิ ( ช่วงเปลี่ยนแผ่นดินจากพระชัย ราชามาเป็นพระเทียรราชา หรือพระมหาจักรพรรดิ ) กรุงหงสาวดีได้ยกทัพมาตี ไทย ฝ่ายเขมรพระยาละแวกเห็นได้ทีจึงยกทัพเข้ามาทางปราจีนบุรีกวาดต้อนผู้คน กลับไปเขมรจำนวนมาก หลังจากพม่ายกทัพกลับไปสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรง พิโรธมาก จึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปถึงเมืองพระตะบองและละแวก พระยาละแวก เห็นท่าจะแพ้ในการศึกจึงมีราชสาสน์มากราบทูลพระมหาจักรพรรดิ จับใจความได้ ว่า “ ข้าพระองค์ผู้ปกครองกัมพูชา มิได้เกรงพระบรมเดชานุภาพที่ไปกวาดต้อน คนจากปราจีนบุรี ขออย่าทรงพิโรธยกทัพมาตีเมือง ข้าพเจ้าจะนำเครื่องราชบรรณา การมาถวาย และเป็นข้าพระบาทตราบชั่วกัลปวสาน ” หลังจากนั้น ๓ วันพระยา ละแวกได้นำเครื่องราชบรรณาการพร้อมด้วยนักพระสุโทและนักพระสุทันเป็นราชบุต มาเข้าเฝ้า ทางพระมหาจักรพรรดิก็ทรงคลายพิโรธและขอนำโอรสทั้งสองไปเลี้ยง ดู พระยาละแวกก็ยอมจากนั้นก็กวาดต้อนคนชาวปราจีนบุรีกลับคืนมาฝั่งไทย ต่อมาไม่นานญวณได้ยึดเมืองละแวก ไทยจึงส่งกองทัพไปช่วยเพื่อตีเมืองคืนแต่ทำไม่สำเร็จ ในปีพศ.๒๑๑๓ รัชสมัยพระมหาธรรมราชาหลังจากที่ไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว พระยาละแวกจากเขมรได้ถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองนครนายก(ทั้งที่เคยให้สัจจะว่าจะขอเป็นข้าพระบาทกษัตริย์ไทยชั่วกัลปาวสาน) พระมหาธรรมราชาจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปปราบ ให้ทหารนำปืนจ่ารงค์ยิงไปถูกพระจำปาธิราชของเขมรตายคาที่บนคอช้าง ทัพของเขมรถอยกลับไปแต่ก็ย้อนกลับมาปล้นเมืองอีกหลายครั้ง นอกจากนี้พระยาละแวกยังนำทัพมากวาดต้อนผู้คนแถวจันทรบุรี ระยอง ฉะเชิง เทรากลับไปเขมรจำนวนมากด้วยความคดในข้องอในกระดูกพระยาละแวกได้ยก ทัพมาถึงปากน้ำพระประแดงโจมตีเมืองธนบุรีจับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็น เชลยจำนวนมาก เลยได้ใจรวบรวมคนหมายจะตีกรุงศรีอยุธยา แต่งทัพเรือ ๓๐ ลำเข้าปล้นบ้านนายก่าย แต่โชคไม่ดีถูกปืนใหญ่ของไทยยิงตายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเขมรแตกทัพหนีกลับไปทางพระประแดง หนีไม่หนีเปล่ายังกวาดต้อนผู้คนแถวสาครบุรีกลับไปอีกด้วย ..... ปีพศ.๒๑๒๙ พระยาละแวกเห็นว่าไทยกำลังสู้ศึกหงสาวดีอยู่ จึงฉวยโอกาสยกทัพเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสว่า “ พระยาละแวกตบัตสัตย์อีกแล้ว จึงต้องยกไปปราบให้ราบคราบ ” ผลการศึกกองทัพไทยไล่ตีเขมรไปจนสุดชายแดน ทหารเขมรล้มตายจำนวนมาก ในปีพศ.๒๑๓๒ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรครองราชย์ ทรงปรึกษาข้าราชการว่า... กษัตริย์เขมรมีใจคิดไม่ซื่อเหมือนพระยาละแวก ชอบซ้ำเติมไทยในยามศึกกับพม่า จึงทรงมีพระราชดำริที่จะยกทัพไปแก้แค้นเอาโลหิตมาล้างพระบาท

กระชับอ่าวไทย! 'ฮุนเซน'แบไต๋แบ่งสมบัติ-สุดชื่นมื่นเตะเพื่อแม้ว

  ไทยโพสต์

ศึกฟาดแข้งเพื่อนายใหญ่ พนมเปญแทบแตก ซัลโวกันอุตลุด นักประชาธิปไตยเสื้อแดงกอดคอเผด็จการฮุน เซน สนุกกันสุดเหวี่ยง ดวดกันถึงตี 3 ฮือฮา! ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายปรากฏตัว "จรัล-ดารณี" กบดานในเขมร กลับหลังหัน "ยุทธศักดิ์" เผยผลหารือสมเด็จฮุน  เซน ระบุเรื่องดินแดนไม่สำคัญเท่ากับทำอย่างไรให้สามารถทำพื้นที่ที่มีปัญหาให้ เกิดประโยชน์ร่วมกันได้
 การเตะฟุตบอลระหว่าง ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง และผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาของกัมพูชาที่กรุงพนมเปญเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย หลังความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับไทยในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน เกิดการปะทะกันหลายครั้ง มีทหารทั้ง 2 ฝ่ายและประชาชนล้มตายจำนวนมาก
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมพนมเปญ หลังจากที่แกนนำ นปช.และคณะกว่า 100 คน เดินทางมาพักค้างแรมก่อนแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในวันรุ่ง ขึ้น  คณะทั้งหมดได้รับประทานอาหารเย็นและสังสรรค์กันที่ Zenith Lounge ซึ่งอยู่ภายในบริเวณโรงแรมเดียวกันเพื่อรอต้อนรับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาในครั้งนี้ในฐานะหัวหน้าทีมฟุตบอลฝ่ายไทย
 ช่วงหนึ่งคณะ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์,  นพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ ได้พบปะกับ พล.อ.เตีย บัณห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ที่เดินทางกลับจากงานเลี้ยงรับรอง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม โดยทั้งสองคณะต่างเข้าทักทายและสนทนากันอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง
 ยังพบ ว่า นายจรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำ นปช.ที่ยังคงหลบหนีคดีก่อการร้าย ได้เดินทางมาร่วมกับคณะของคนเสื้อแดงด้วย โดยช่วงหนึ่งนายจรัลได้เดินไปหาพรรคพวกที่โต๊ะใหญ่ ทันทีที่นายจตุพร  เห็นได้โผเข้ากอดเป็นคนแรก ตามด้วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายณัฐวุฒิ
 จากนั้นนายจรัลได้สนทนากับแกนนำ นปช.โต๊ะใหญ่ชั่วครู่ และเดินออกมานอกบริเวณดังกล่าวไปยังโถงล็อบบี้โรงแรมซึ่งมีอีกวงสนทนาของ เหล่าคนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นำโดยนางธิดา, บุตรชาย ส่วน นพ.เหวงและนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ตามมาสมทบในเวลาไม่นานนัก
 นายจรัลในวันนี้นอกจากร่างกายจะซูบลงแล้ว ตลอดการเดินทางยังมีการ์ดในชุดสีดำอย่างน้อย 2 คนตามติดตลอดเวลา โดยนายจรัลมีท่าทีหลีกเลี่ยงต่อข้อถามผู้สื่อข่าวตลอดเวลา เขาเปิดเผยเพียงว่า ส่วนใหญ่เดินทางไปในยุโรปเพื่อพบปะบุคคลต่างๆ ที่ยังไม่เดินทางกลับไทย เพราะยังไม่เคลียร์เรื่องคดี
 เมื่อพยายามถามย้ำว่า จะกลับเมืองไทยหรือไม่ เพราะคนอื่นๆ ก็เคยกลับไปและเคลียร์เรื่องคดีหมดแล้ว นายจรัลนิ่งไปสักพักก่อนย้ำถึงคำตอบเดิมคือ ขอเคลียร์คดีก่อน และเดินหนีออกจากวงสนทนาไปทันที
 ต่อมาเมื่อนายสมชายเดินทางมาถึงราว 21.30 น. ได้นั่งสังสรรค์กับแกนนำคนเสื้อแดงครู่หนึ่ง ก่อนขนคณะออกจากโรงแรมเดินทางไปที่โกลเดนบอสซิตี้ไนต์คลับ สถานบันเทิงรูปแบบเต้นรำและรำวงซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อของประเทศกัมพูชา
สนุกกันสุดเหวี่ยง
 บรรยากาศในคลับรำวงแห่งนี้เต็มไปด้วยแกนนำและสมาชิกคนเสื้อแดงกว่า 100 คน ที่สนุกสนานกันสุดเหวี่ยง ทั้งนายจตุพร, นายณัฐวุฒิ  และ นพ.เหวง  ต่างก็จูงมือภรรยาออกมารำวงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของแกนนำและสมาชิกทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ราวกับว่ามาปลดปล่อยจากภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่เมืองไทย ไม่เว้นแม้กระทั่งพราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ พราหมณ์ นปช.ที่ร่วมคณะมาด้วย
 ในช่วงท้าย นายจตุพรและนายณัฐวุฒิได้ขึ้นเวทีร้องเพลงทั้งเพลงรำวง เพลงแหล่ โดยเฉพาะเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา ทำให้แกนนำและสมาชิกที่มาต่างร่วมขับร้องด้วยความรู้สึกอินในอารมณ์ของเพลง จนกระทั่งถึงเวลาสถานบันเทิงปิดประมาณเวลา 01.00 น. ของวันที่ 24 ก.ย. คณะจึงได้เดินทางไปรับประทานข้าวต้มรอบดึกที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ในขณะที่แกนนำบางส่วนยังสนุกสนานอยู่ร้องรำทำเพลงกันในภัตตาคารระหว่างทาน อาหารกันไป กระทั่งเวลา 03.00 น.เศษจึงได้เดินทางกลับที่พัก
 สำหรับการเดินทางมาประเทศกัมพูชาครั้งนี้ของคนเสื้อแดง ได้รับการต้อนรับอย่างดีในฐานะแขกวีไอพี เมื่อเดินทางไปไหนจะมีรถนำขบวนเคลียร์เส้นทางอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ โดยมีนายเกียง ฮวด หรือที่เหล่าคนเสื้อแดงเรียกกันติดปาก ผอ.ฮวด เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งเขาผู้นี้มีอิทธิพลอย่างมากในกัมพูชา เพราะเป็นเลขาฯ ส่วนตัวสมเด็จฮุน เซน คอยให้การต้อนรับและดูแลอย่างอบอุ่นตลอดงาน
 นาย เกียง ฮวด คนนี้เป็นที่รู้กันภายในวงของ นปช.ว่ามีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน และยังสามารถอ่านและพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังเป็นคนที่รู้ข้อมูลเมืองไทยอย่างกว้างขวาง ทราบถึงท่าทีของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องและสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละสำนักของเมือง ไทยว่ามีจุดยืนอย่างไร จนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างละเอียด
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ย. นางวิไลวรรณ สมความคิด มารดานายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา ได้เดินทางมาพบนางธิดาและ นพ.เหวงที่โรงแรมพนมเปญโฮเต็ล เพื่อขอให้แกนนำคนเสื้อแดงช่วยเจรจากับสมเด็จฮุน เซน ปล่อยตัวนายวีระ
ขอให้ช่วย "วีระ"
 นางวิไลวรรณให้สัมภาษณ์ว่า ตนและนายวีระได้ร่วมกันเขียนจดหมายเพื่อแสดงความจำนงในการที่จะลดความ เคลื่อนไหวเรื่องการเมืองทันทีที่นายวีระได้รับการปล่อยตัวให้กลับประเทศไทย และมีความยินดีอย่างยิ่งที่รัฐบาลมีแนวคิดในการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างไทย และกัมพูชา เพราะแม่ต้องเดินทางมาเยี่ยมนายวีระทุกสัปดาห์ ทำให้เสียทั้งเวลาทั้งงบประมาณ และเสียสุขภาพอย่างมาก ซึ่งทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็รับปากว่าจะช่วยเหลือในการเร่งโครงการแลกเปลี่ยนนักโทษ ให้เร็วขึ้น
  สำหรับการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมเรดพีซของแกนนำคนเสื้อแดง กับทีมสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ที่สนามโอลิมปิกสเตเดียมพนมเปญนั้น เริ่มขึ้นในเวลา 14.30 น.ของประเทศกัมพูชา โดยทีมเรดพีซนั้นสวมใส่ชุดสีแดง นำทีมโดยสมเด็จฮุน เซน ที่สวมเสื้อหมายเลข 9 และเป็นกัปตันทีมเรดพีซ, จอมพลเตา สุขขะ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำกัมพูชา หมายเลข 7, นายณัฐวุฒิ  หมายเลข 14, นายจตุพร   หมายเลข 8 และ นพ.เหวง หมายเลข 20
 ส่วนทีมสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชานั้น สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสีขาว นำทีมโดย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สวมเสื้อเลข 9 และเป็นกัปตันทีมสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา, นายเฮง สำริน ประธานรัฐสภากัมพูชา สวมเสื้อหมายเลข 8, นายสุชาติ ลายน้ำเงิน หมายเลข 24
 โดยมีแกนนำคนเสื้อแดงและนักการเมืองรวมไปถึงข้าราชการระดับสูงของ กัมพูชาร่วมลงเตะให้ทั้งสองทีมคละกันไป มีกองเชียร์คนเสื้อแดงที่เดินทางมาจากประเทศไทยกว่า 3,000 คน และประชาชนชาวกัมพูชาที่เข้ามาชมจนเต็มความจุของสนามโอลิมปิกหลายหมื่นคน
 นอกจากนี้ยังพบว่า ระหว่างการแข่งขัน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และ น.ส.ดารณี กฤตบุญญาลัย อดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ได้เดินทางมาเชียร์ฟุตบอลนัดพิเศษตลอดการแข่งขัน
 สำหรับบรรยากาศในการแข่งขันค่อนข้างทุลักทุเลเนื่องจากนักฟุตบอลทั้งสอง ทีมค่อนข้างที่จะอายุมาก ระหว่างการแข่งขันก็มีฝนโปรยลงมา ทำให้เกิดการล้มลุกคลุกคลานเป็นที่สนุกสนานของกองเชียร์ตลอดการแข่งขัน ซึ่งทีมเรดพีซสามารถยิงขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรกถึง 4 ประตูต่อ 1
ยิงเป็นโหล 10 ต่อ 7
  ขณะที่ครึ่งหลังเตะกันต่อ โดยทั้ง 2 ทีมพยายามป้อนบอลให้สมเด็จฮุน เซน และนายสมชาย หัวหน้าของแต่ละทีมทำประตู จนทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะสมเด็จจฮุน เซน สุดท้ายฝ่ายสีแดงที่มีสมเด็จฮุน เซน เป็นหัวหน้าทีม เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 10-7 ประตู ท่ามกลางบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัยชื่นมื่นเป็นกันเอง
  อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ลูกฟุตบอลอยู่ในเท้าของสมเด็จฮุน เซน ไม่มีใครกล้าเข้าแย่ง มีแต่คุมเชิงและปล่อยให้สมเด็จฮุน เซน เลี้ยงลูกไปเรื่อยๆ จนยิงเข้าไปลูกหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเฮของกองเชียร์ไทยและเขมร
 นายสมชายกล่าวก่อนร่วมเตะฟุบอลกระชับมิตรไทย-กัมพูชา ว่า การแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย และกัมพูชา ซึ่งกล่าวได้ว่าไทยและกัมพูชานั้นมีความสัมพันธ์อันดีกันมาช้านาน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
 "หลังการแข่งขันฟุตบอลนัดนี้เสร็จแล้วปัญหาทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือประชาชนต่อประชาชน จะหมดสิ้นไปทันที ซึ่งผมนั้นได้ถือความปรารถนาดีจากท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์มาถึงสมเด็จฮุน เซน และประชาชนชาวกัมพูชา และขอเชิญสมเด็จฮุน เซน เดินทางไปยังประเทศไทยเพื่อลงเตะฟุตบอลนัดกระชับมิตรรูปแบบนี้ด้วย" น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
  ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการไปเยือนประเทศกัมพูชาว่า ในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร สมเด็จฮุน เซน  ฝากบอกว่าจะไม่มีทีมใดแพ้หรือชนะ เพราะจะนำนักฟุตบอลของทั้ง 2 ทีมมาผสมกันแล้วแบ่งออกเป็น 2 ทีม จึงจะมีทั้งไทยและกัมพูชาร่วมกันอยู่ในทีม ดังนั้นหากไทยแพ้ กัมพูชาก็แพ้ หากไทยชนะ กัมพูชาก็ชนะ
 รมว.กลาโหมยังกล่าวว่า ในการหารือนอกรอบกับ พล.อ.เตีย บัณห์  เห็นว่าควรทำตามมติของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อให้ปัญหาคลี่คลาย ประชาชนทั้ง 2 ประเทศมีชีวิตที่ดี มีการพัฒนาในด้านท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เราจะเร่งประชุมให้ได้ก่อน 21 พ.ย.นี้ ก่อนเป็นวันสุดท้ายที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีมติให้ปรับกำลังทหาร
ดินแดนไม่สำคัญ
  "สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาท่านบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีมานานก่อนที่พวกเราจะเกิด เราควรจะมาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มารบกัน เรื่องดินแดนไม่สำคัญเท่ากับว่าเราจะทำอย่างไรให้เราสามารถทำพื้นที่ที่มี ปัญหาให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้ ประชาชนตามแนวชายแดนจะได้มีความสุข เราจะได้มีการลาดตระเวนร่วมกันในการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย"
 รมว.กลาโหมบอกว่า สมเด็จฮุน เซน จะขอเปิดด่านตรงตอนใต้ของปอยเปต เพื่อให้การค้าขายระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปด้วยดี เพราะเราขายของให้กัมพูชา 90% แต่กัมพูชาขายของเราแค่ 10%
 พล.อ.ยุทธศักดิ์เผยว่า ในการปรับกำลังมีการหารือกันว่าจะปรับจากทหารเป็นตำรวจ และในพื้นที่ดังกล่าวจะปลอดจากอาวุธสงครามให้มีได้แค่อาวุธประจำกายขนาดเล็ก เท่านั้น และเห็นว่าควรมีประเทศอินโดนีเซียเป็นตัวแทนสังเกตการณ์ ส่วนรายละเอียดต่างๆ มอบให้กองเลขานุการของ 2 ประเทศไปกำหนดกรอบการประชุม ซึ่งจะได้ข้อยุติตอนประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)
 พล.อ.ยุทธ ศักดิ์กล่าวว่า ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน เรื่องการนิรโทษกรรมนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี  รวมถึงนักโทษ 37 คนที่ถูกควบคุมในเรือนจำของกัมพูชา และเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้เข้าพบสมเด็จฮุน  เซน และหยิบประเด็นดังกล่าวมาหารือถึงการช่วยเหลือนักโทษทั้งหมด โดยให้ทางกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมส่งเจ้าหน้าที่มาหารือแลกเปลี่ยน นักโทษกัน เพราะขณะนี้มีนักโทษกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายมาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนนักโทษกันก็ยินดีทุกอย่าง โดยตนจะรับเรื่องนี้ไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบแนวความคิดของสมเด็จ ฮุน เซน
 วันเดียวกันนี้ นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ออกแถลงการณ์ประณามว่าควรจะอยู่กับบ้านดูแลตัวเอง ทำหน้าที่ให้คนไทยว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วในการออกมาพูดเช่นนี้ เพราะสิ่งที่ตนทำมาตลอดเวลาคือการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ สมเด็จฮุน เซน ไม่ต้องมาเตือน เพราะตนทำมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว
 เขากล่าวว่า ในแถลงการณ์ที่สมเด็จฮุน เซน ระบุว่าไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยนั้น อยากให้สมเด็จฮุน เซน ได้ไปดูกฎบัตรอาเซียนที่ท่านได้ลงนามและผูกมัดตัวเอง ประชาชนชาวกัมพูชา และผูกมัดต่อประชาคมอาเซียนอีก 9 ประเทศ แต่พฤติกรรมที่สมเด็จฮุน เซน ได้ทำมาตลอด โดยเฉพาะช่วงเวลารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นั้น เป็นการแทรกแซงกิจการภายในและถือหางกลุ่มการเมืองอีกฝ่ายหรือไม่ ซึ่งท่านต้องตอบกับประชาคมอาเซียนให้ได้ นอกจากนี้ ตนขอเรียกร้องให้ท่านปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนด้วย
"กษิต" ปลุกโลกโซเชียล
 "อยากฝากไปยังประชาชนทั้งชายไทยและกัมพูชา ให้ช่วยส่งข้อมูลมาทางโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ว่าพฤติกรรมของสมเด็จฮุน เซน ต่อสังคมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานั้น แทรกแซงและบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาหรือไม่ ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาบริเวณชายแดนในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ นั้น ที่มากล่าวหาว่าไทยเป็นคนเริ่มก่อน แต่ทางแม่ทัพก็ออกมาปฏิเสธนั้น ผมก็เชื่อตามที่แม่ทัพพูดว่าเป็นเช่นนั้น ท่านทำมาเพื่อหาเรื่องฟ้องสหประชาชาติ ศาลโลก คณะกรรมการมรดกโลก และอาเซียน องค์กรทั้งหมดก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่สมเด็จฮุน เซน พยายามฟ้องร้องไทยนั้นเป็นเรื่องไม่จริง โดยเฉพาะล่าสุดที่ศาลโลกมีคำสั่งให้ถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และให้ถอนทหารออกจากตัวปราสาทพระวิหาร ท่านคือผู้ที่บ่อนทำลายความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และบ่อนทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนด้วย ดังนั้น จึงอยากให้ช่วยกันส่งข้อมูลเข้ามาว่าสมเด็จฮุน เซน มีพฤติกรรมแทรกแซงหรือไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย เพราะที่ผ่านมาไทยไม่เคยไปแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชาหรือของใครในสังคม โลก"
 อดีต รมว.การต่างประเทศกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ในแถลงการณ์ของสมเด็จฮุน เซน ระบุว่าอยากคบหากับคนไทย โดยเฉพาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือบางคนที่มีข้อหาคดีอาญานั้น ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของท่าน แต่ก็อยากให้กลับไปอ่านกฎบัตรของอาเซียนว่าผู้นำประเทศต้องเคารพซึ่งกฎหมาย เป็นสำคัญ การคบโจรเป็นสิ่งที่ผู้นำของประเทศพึงกระทำหรือไม่
 “สังคมไทยไม่ใช่สังคมเผด็จการประชาธิปไตย เรามีความหลากหลายในสังคมไทย การที่เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแล้วจะญาติดีด้วย เพื่อให้ได้พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปฟรีๆ นั้น หรือสามารถดำเนินการทำแผนบริหารจัดการตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการมรดกโลกในส่วน ที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารจะทำโดยไม่มีความสะเทือนต่อสังคมไทยคงเป็นไปไม่ ได้ ไม่ใช่ญาติดีกับคุณยิ่งลักษณ์หรือทักษิณแล้วจะได้พื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวตาม ความปรารถนานั้นคงเป็นไปไม่ได้"
 อดีต รมว.การต่างประเทศยังกล่าวว่า ส่วนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน หลักการ และเราประสงค์ให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ประพฤติด้วยความถูกต้อง การโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาที่มี ความซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
 “การคิดว่ามีพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลแล้วจะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง การเตะฟุตบอล หรือการเชิญอดีตนายกฯ ไปกล่าวสุนทรพจน์ให้คำแนะนำว่าจะพัฒนาระบบเศรษฐกิจอย่างไรนั้น ทั้งหมดไม่ได้นำไปสู่การจะได้มาโดยมิชอบเป็นอันขาด ยังมีคนไทยอีก 60 กว่าล้านคนที่รักความถูกต้อง เขาคือเจ้าของทรัพยากรทั้งบนบกและทางทะเล ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ในฐานะที่รู้จักสมเด็จฮุน เซนมา ขอเตือนว่า อย่าคิดทำอะไรที่คิดแต่ว่าเสียงข้างมากในสภาไทยเขาดีด้วยแล้วจะอำนวยผล ประโยชน์ให้ได้ ทรัพย์สมบัติของกัมพูชาเป็นของคนกัมพูชา ส่วนทรัพย์สมบัติของประเทศไทยก็เป็นของคนไทย ไม่ใช่เป็นทรัพย์สมบัติของสองครอบครัวที่จะมาปู้ยี่ปู้ยำกันได้ ไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ว่าตนจะสวมหมวกใบใดก็จะไม่ยอมให้ทรัพย์สมบัติของประเทศชาติสูญหายเป็นอัน ขาด” นายกษิตกล่าว
 ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลดนายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา และปลดนายวีรชัย พลาศรัย ออกจากที่ปรึกษากรรมาธิการว่า รู้สึกประหลาดใจ เพราะบุคคลทั้งสองมีความรักชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทยอย่างชัดเจน ที่สำคัญเป็นบุคคลที่ทางกัมพูชาไม่ชอบที่จะเจรจาด้วย
 “การที่คุณสุรพงษ์ บอกว่าสาเหตุการเปลี่ยนตัวเพราะงานไม่คืบหน้า อยากถามว่าที่ว่าไม่คืบคือการขายชาติให้กัมพูชาหรือไม่ ผมไม่ทราบว่าทำไมถึงต้องโยกทั้งสองออกจากคณะกรรมาธิการฯ ทั้งที่รู้เรื่องเขตแดนที่สุด หรือเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องยากที่ทั้ง 2 คนจะทำเพื่อประโยชน์ของกัมพูชา” นายชวนนท์กล่าว.

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง