ไทยโพสต์
ศึกฟาดแข้งเพื่อนายใหญ่ พนมเปญแทบแตก ซัลโวกันอุตลุด
นักประชาธิปไตยเสื้อแดงกอดคอเผด็จการฮุน เซน สนุกกันสุดเหวี่ยง ดวดกันถึงตี
3 ฮือฮา! ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายปรากฏตัว "จรัล-ดารณี" กบดานในเขมร
กลับหลังหัน "ยุทธศักดิ์" เผยผลหารือสมเด็จฮุน เซน
ระบุเรื่องดินแดนไม่สำคัญเท่ากับทำอย่างไรให้สามารถทำพื้นที่ที่มีปัญหาให้
เกิดประโยชน์ร่วมกันได้
การเตะฟุตบอลระหว่าง ส.ส.พรรคเพื่อไทย
แกนนำเสื้อแดง และผู้บริหารระดับสูง
รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาของกัมพูชาที่กรุงพนมเปญเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย
หลังความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับไทยในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
มีความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน เกิดการปะทะกันหลายครั้ง มีทหารทั้ง 2
ฝ่ายและประชาชนล้มตายจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมพนมเปญ
หลังจากที่แกนนำ นปช.และคณะกว่า 100 คน
เดินทางมาพักค้างแรมก่อนแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในวันรุ่ง
ขึ้น คณะทั้งหมดได้รับประทานอาหารเย็นและสังสรรค์กันที่ Zenith Lounge
ซึ่งอยู่ภายในบริเวณโรงแรมเดียวกันเพื่อรอต้อนรับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาในครั้งนี้ในฐานะหัวหน้าทีมฟุตบอลฝ่ายไทย
ช่วงหนึ่งคณะ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์,
นพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ ได้พบปะกับ พล.อ.เตีย บัณห์
รมว.กลาโหมกัมพูชา ที่เดินทางกลับจากงานเลี้ยงรับรอง พล.อ.ยุทธศักดิ์
ศศิประภา รมว.กลาโหม
โดยทั้งสองคณะต่างเข้าทักทายและสนทนากันอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง
ยังพบ
ว่า นายจรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำ นปช.ที่ยังคงหลบหนีคดีก่อการร้าย
ได้เดินทางมาร่วมกับคณะของคนเสื้อแดงด้วย
โดยช่วงหนึ่งนายจรัลได้เดินไปหาพรรคพวกที่โต๊ะใหญ่ ทันทีที่นายจตุพร
เห็นได้โผเข้ากอดเป็นคนแรก ตามด้วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายณัฐวุฒิ
จากนั้นนายจรัลได้สนทนากับแกนนำ นปช.โต๊ะใหญ่ชั่วครู่
และเดินออกมานอกบริเวณดังกล่าวไปยังโถงล็อบบี้โรงแรมซึ่งมีอีกวงสนทนาของ
เหล่าคนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นำโดยนางธิดา, บุตรชาย ส่วน
นพ.เหวงและนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ตามมาสมทบในเวลาไม่นานนัก
นายจรัลในวันนี้นอกจากร่างกายจะซูบลงแล้ว
ตลอดการเดินทางยังมีการ์ดในชุดสีดำอย่างน้อย 2 คนตามติดตลอดเวลา
โดยนายจรัลมีท่าทีหลีกเลี่ยงต่อข้อถามผู้สื่อข่าวตลอดเวลา
เขาเปิดเผยเพียงว่า ส่วนใหญ่เดินทางไปในยุโรปเพื่อพบปะบุคคลต่างๆ
ที่ยังไม่เดินทางกลับไทย เพราะยังไม่เคลียร์เรื่องคดี
เมื่อพยายามถามย้ำว่า จะกลับเมืองไทยหรือไม่ เพราะคนอื่นๆ
ก็เคยกลับไปและเคลียร์เรื่องคดีหมดแล้ว
นายจรัลนิ่งไปสักพักก่อนย้ำถึงคำตอบเดิมคือ ขอเคลียร์คดีก่อน
และเดินหนีออกจากวงสนทนาไปทันที
ต่อมาเมื่อนายสมชายเดินทางมาถึงราว 21.30 น.
ได้นั่งสังสรรค์กับแกนนำคนเสื้อแดงครู่หนึ่ง
ก่อนขนคณะออกจากโรงแรมเดินทางไปที่โกลเดนบอสซิตี้ไนต์คลับ
สถานบันเทิงรูปแบบเต้นรำและรำวงซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อของประเทศกัมพูชา
สนุกกันสุดเหวี่ยง
บรรยากาศในคลับรำวงแห่งนี้เต็มไปด้วยแกนนำและสมาชิกคนเสื้อแดงกว่า 100
คน ที่สนุกสนานกันสุดเหวี่ยง ทั้งนายจตุพร, นายณัฐวุฒิ และ นพ.เหวง
ต่างก็จูงมือภรรยาออกมารำวงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
ใบหน้าของแกนนำและสมาชิกทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ราวกับว่ามาปลดปล่อยจากภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่เมืองไทย
ไม่เว้นแม้กระทั่งพราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ พราหมณ์
นปช.ที่ร่วมคณะมาด้วย
ในช่วงท้าย นายจตุพรและนายณัฐวุฒิได้ขึ้นเวทีร้องเพลงทั้งเพลงรำวง
เพลงแหล่ โดยเฉพาะเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา
ทำให้แกนนำและสมาชิกที่มาต่างร่วมขับร้องด้วยความรู้สึกอินในอารมณ์ของเพลง
จนกระทั่งถึงเวลาสถานบันเทิงปิดประมาณเวลา 01.00 น. ของวันที่ 24 ก.ย.
คณะจึงได้เดินทางไปรับประทานข้าวต้มรอบดึกที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง
ในขณะที่แกนนำบางส่วนยังสนุกสนานอยู่ร้องรำทำเพลงกันในภัตตาคารระหว่างทาน
อาหารกันไป กระทั่งเวลา 03.00 น.เศษจึงได้เดินทางกลับที่พัก
สำหรับการเดินทางมาประเทศกัมพูชาครั้งนี้ของคนเสื้อแดง
ได้รับการต้อนรับอย่างดีในฐานะแขกวีไอพี
เมื่อเดินทางไปไหนจะมีรถนำขบวนเคลียร์เส้นทางอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่
โดยมีนายเกียง ฮวด หรือที่เหล่าคนเสื้อแดงเรียกกันติดปาก ผอ.ฮวด
เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งเขาผู้นี้มีอิทธิพลอย่างมากในกัมพูชา เพราะเป็นเลขาฯ
ส่วนตัวสมเด็จฮุน เซน คอยให้การต้อนรับและดูแลอย่างอบอุ่นตลอดงาน
นาย
เกียง ฮวด คนนี้เป็นที่รู้กันภายในวงของ
นปช.ว่ามีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน
และยังสามารถอ่านและพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว
อีกทั้งยังเป็นคนที่รู้ข้อมูลเมืองไทยอย่างกว้างขวาง
ทราบถึงท่าทีของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องและสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละสำนักของเมือง
ไทยว่ามีจุดยืนอย่างไร จนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ย. นางวิไลวรรณ สมความคิด
มารดานายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา ได้เดินทางมาพบนางธิดาและ
นพ.เหวงที่โรงแรมพนมเปญโฮเต็ล
เพื่อขอให้แกนนำคนเสื้อแดงช่วยเจรจากับสมเด็จฮุน เซน ปล่อยตัวนายวีระ
ขอให้ช่วย "วีระ"
นางวิไลวรรณให้สัมภาษณ์ว่า
ตนและนายวีระได้ร่วมกันเขียนจดหมายเพื่อแสดงความจำนงในการที่จะลดความ
เคลื่อนไหวเรื่องการเมืองทันทีที่นายวีระได้รับการปล่อยตัวให้กลับประเทศไทย
และมีความยินดีอย่างยิ่งที่รัฐบาลมีแนวคิดในการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างไทย
และกัมพูชา เพราะแม่ต้องเดินทางมาเยี่ยมนายวีระทุกสัปดาห์
ทำให้เสียทั้งเวลาทั้งงบประมาณ และเสียสุขภาพอย่างมาก ซึ่งทาง
ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็รับปากว่าจะช่วยเหลือในการเร่งโครงการแลกเปลี่ยนนักโทษ
ให้เร็วขึ้น
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมเรดพีซของแกนนำคนเสื้อแดง
กับทีมสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ที่สนามโอลิมปิกสเตเดียมพนมเปญนั้น
เริ่มขึ้นในเวลา 14.30 น.ของประเทศกัมพูชา โดยทีมเรดพีซนั้นสวมใส่ชุดสีแดง
นำทีมโดยสมเด็จฮุน เซน ที่สวมเสื้อหมายเลข 9 และเป็นกัปตันทีมเรดพีซ,
จอมพลเตา สุขขะ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำกัมพูชา หมายเลข 7,
นายณัฐวุฒิ หมายเลข 14, นายจตุพร หมายเลข 8 และ นพ.เหวง หมายเลข 20
ส่วนทีมสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชานั้น สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสีขาว
นำทีมโดย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สวมเสื้อเลข 9
และเป็นกัปตันทีมสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา, นายเฮง สำริน ประธานรัฐสภากัมพูชา
สวมเสื้อหมายเลข 8, นายสุชาติ ลายน้ำเงิน หมายเลข 24
โดยมีแกนนำคนเสื้อแดงและนักการเมืองรวมไปถึงข้าราชการระดับสูงของ
กัมพูชาร่วมลงเตะให้ทั้งสองทีมคละกันไป
มีกองเชียร์คนเสื้อแดงที่เดินทางมาจากประเทศไทยกว่า 3,000 คน
และประชาชนชาวกัมพูชาที่เข้ามาชมจนเต็มความจุของสนามโอลิมปิกหลายหมื่นคน
นอกจากนี้ยังพบว่า ระหว่างการแข่งขัน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และ
น.ส.ดารณี กฤตบุญญาลัย อดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
ได้เดินทางมาเชียร์ฟุตบอลนัดพิเศษตลอดการแข่งขัน
สำหรับบรรยากาศในการแข่งขันค่อนข้างทุลักทุเลเนื่องจากนักฟุตบอลทั้งสอง
ทีมค่อนข้างที่จะอายุมาก ระหว่างการแข่งขันก็มีฝนโปรยลงมา
ทำให้เกิดการล้มลุกคลุกคลานเป็นที่สนุกสนานของกองเชียร์ตลอดการแข่งขัน
ซึ่งทีมเรดพีซสามารถยิงขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรกถึง 4 ประตูต่อ 1
ยิงเป็นโหล 10 ต่อ 7
ขณะที่ครึ่งหลังเตะกันต่อ โดยทั้ง 2
ทีมพยายามป้อนบอลให้สมเด็จฮุน เซน และนายสมชาย หัวหน้าของแต่ละทีมทำประตู
จนทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะสมเด็จจฮุน เซน
สุดท้ายฝ่ายสีแดงที่มีสมเด็จฮุน เซน เป็นหัวหน้าทีม เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้
10-7 ประตู ท่ามกลางบรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัยชื่นมื่นเป็นกันเอง
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ลูกฟุตบอลอยู่ในเท้าของสมเด็จฮุน เซน
ไม่มีใครกล้าเข้าแย่ง มีแต่คุมเชิงและปล่อยให้สมเด็จฮุน เซน
เลี้ยงลูกไปเรื่อยๆ จนยิงเข้าไปลูกหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงเฮของกองเชียร์ไทยและเขมร
นายสมชายกล่าวก่อนร่วมเตะฟุบอลกระชับมิตรไทย-กัมพูชา ว่า
การแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย
และกัมพูชา
ซึ่งกล่าวได้ว่าไทยและกัมพูชานั้นมีความสัมพันธ์อันดีกันมาช้านาน
และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
"หลังการแข่งขันฟุตบอลนัดนี้เสร็จแล้วปัญหาทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือประชาชนต่อประชาชน
จะหมดสิ้นไปทันที ซึ่งผมนั้นได้ถือความปรารถนาดีจากท่านนายกฯ
ยิ่งลักษณ์มาถึงสมเด็จฮุน เซน และประชาชนชาวกัมพูชา และขอเชิญสมเด็จฮุน เซน
เดินทางไปยังประเทศไทยเพื่อลงเตะฟุตบอลนัดกระชับมิตรรูปแบบนี้ด้วย"
น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการไปเยือนประเทศกัมพูชาว่า
ในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร สมเด็จฮุน เซน
ฝากบอกว่าจะไม่มีทีมใดแพ้หรือชนะ เพราะจะนำนักฟุตบอลของทั้ง 2
ทีมมาผสมกันแล้วแบ่งออกเป็น 2 ทีม
จึงจะมีทั้งไทยและกัมพูชาร่วมกันอยู่ในทีม ดังนั้นหากไทยแพ้ กัมพูชาก็แพ้
หากไทยชนะ กัมพูชาก็ชนะ
รมว.กลาโหมยังกล่าวว่า ในการหารือนอกรอบกับ
พล.อ.เตีย บัณห์
เห็นว่าควรทำตามมติของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อให้ปัญหาคลี่คลาย
ประชาชนทั้ง 2 ประเทศมีชีวิตที่ดี มีการพัฒนาในด้านท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เราจะเร่งประชุมให้ได้ก่อน 21 พ.ย.นี้
ก่อนเป็นวันสุดท้ายที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีมติให้ปรับกำลังทหาร
ดินแดนไม่สำคัญ
"สมเด็จฮุน เซน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาท่านบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีมานานก่อนที่พวกเราจะเกิด
เราควรจะมาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มารบกัน
เรื่องดินแดนไม่สำคัญเท่ากับว่าเราจะทำอย่างไรให้เราสามารถทำพื้นที่ที่มี
ปัญหาให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้ ประชาชนตามแนวชายแดนจะได้มีความสุข
เราจะได้มีการลาดตระเวนร่วมกันในการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย"
รมว.กลาโหมบอกว่า สมเด็จฮุน เซน จะขอเปิดด่านตรงตอนใต้ของปอยเปต
เพื่อให้การค้าขายระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปด้วยดี เพราะเราขายของให้กัมพูชา
90% แต่กัมพูชาขายของเราแค่ 10%
พล.อ.ยุทธศักดิ์เผยว่า
ในการปรับกำลังมีการหารือกันว่าจะปรับจากทหารเป็นตำรวจ
และในพื้นที่ดังกล่าวจะปลอดจากอาวุธสงครามให้มีได้แค่อาวุธประจำกายขนาดเล็ก
เท่านั้น และเห็นว่าควรมีประเทศอินโดนีเซียเป็นตัวแทนสังเกตการณ์
ส่วนรายละเอียดต่างๆ มอบให้กองเลขานุการของ 2 ประเทศไปกำหนดกรอบการประชุม
ซึ่งจะได้ข้อยุติตอนประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)
พล.อ.ยุทธ
ศักดิ์กล่าวว่า ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน เรื่องการนิรโทษกรรมนายวีระ
สมความคิด และ น.ส.ราตรี รวมถึงนักโทษ 37
คนที่ถูกควบคุมในเรือนจำของกัมพูชา และเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้เข้าพบสมเด็จฮุน เซน
และหยิบประเด็นดังกล่าวมาหารือถึงการช่วยเหลือนักโทษทั้งหมด
โดยให้ทางกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมส่งเจ้าหน้าที่มาหารือแลกเปลี่ยน
นักโทษกัน เพราะขณะนี้มีนักโทษกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยจำนวนเท่าใด
ทั้งนี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายมาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนนักโทษกันก็ยินดีทุกอย่าง
โดยตนจะรับเรื่องนี้ไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบแนวความคิดของสมเด็จ
ฮุน เซน
วันเดียวกันนี้ นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
และอดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน
ออกแถลงการณ์ประณามว่าควรจะอยู่กับบ้านดูแลตัวเอง ทำหน้าที่ให้คนไทยว่า
เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วในการออกมาพูดเช่นนี้
เพราะสิ่งที่ตนทำมาตลอดเวลาคือการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
สมเด็จฮุน เซน ไม่ต้องมาเตือน เพราะตนทำมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว
เขากล่าวว่า ในแถลงการณ์ที่สมเด็จฮุน เซน
ระบุว่าไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยนั้น อยากให้สมเด็จฮุน เซน
ได้ไปดูกฎบัตรอาเซียนที่ท่านได้ลงนามและผูกมัดตัวเอง ประชาชนชาวกัมพูชา
และผูกมัดต่อประชาคมอาเซียนอีก 9 ประเทศ แต่พฤติกรรมที่สมเด็จฮุน เซน
ได้ทำมาตลอด โดยเฉพาะช่วงเวลารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ
นั้น เป็นการแทรกแซงกิจการภายในและถือหางกลุ่มการเมืองอีกฝ่ายหรือไม่
ซึ่งท่านต้องตอบกับประชาคมอาเซียนให้ได้ นอกจากนี้
ตนขอเรียกร้องให้ท่านปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนด้วย
"กษิต" ปลุกโลกโซเชียล
"อยากฝากไปยังประชาชนทั้งชายไทยและกัมพูชา
ให้ช่วยส่งข้อมูลมาทางโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ว่าพฤติกรรมของสมเด็จฮุน เซน
ต่อสังคมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานั้น
แทรกแซงและบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาหรือไม่
ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาบริเวณชายแดนในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์
นั้น ที่มากล่าวหาว่าไทยเป็นคนเริ่มก่อน แต่ทางแม่ทัพก็ออกมาปฏิเสธนั้น
ผมก็เชื่อตามที่แม่ทัพพูดว่าเป็นเช่นนั้น
ท่านทำมาเพื่อหาเรื่องฟ้องสหประชาชาติ ศาลโลก คณะกรรมการมรดกโลก และอาเซียน
องค์กรทั้งหมดก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่สมเด็จฮุน
เซน พยายามฟ้องร้องไทยนั้นเป็นเรื่องไม่จริง
โดยเฉพาะล่าสุดที่ศาลโลกมีคำสั่งให้ถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6
ตารางกิโลเมตร และให้ถอนทหารออกจากตัวปราสาทพระวิหาร
ท่านคือผู้ที่บ่อนทำลายความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
และบ่อนทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนด้วย ดังนั้น
จึงอยากให้ช่วยกันส่งข้อมูลเข้ามาว่าสมเด็จฮุน เซน
มีพฤติกรรมแทรกแซงหรือไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย
เพราะที่ผ่านมาไทยไม่เคยไปแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชาหรือของใครในสังคม
โลก"
อดีต รมว.การต่างประเทศกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ในแถลงการณ์ของสมเด็จฮุน
เซน ระบุว่าอยากคบหากับคนไทย โดยเฉพาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
หรือบางคนที่มีข้อหาคดีอาญานั้น ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของท่าน
แต่ก็อยากให้กลับไปอ่านกฎบัตรของอาเซียนว่าผู้นำประเทศต้องเคารพซึ่งกฎหมาย
เป็นสำคัญ การคบโจรเป็นสิ่งที่ผู้นำของประเทศพึงกระทำหรือไม่
“สังคมไทยไม่ใช่สังคมเผด็จการประชาธิปไตย เรามีความหลากหลายในสังคมไทย
การที่เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแล้วจะญาติดีด้วย เพื่อให้ได้พื้นที่ทับซ้อน
4.6 ตารางกิโลเมตรไปฟรีๆ นั้น
หรือสามารถดำเนินการทำแผนบริหารจัดการตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการมรดกโลกในส่วน
ที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารจะทำโดยไม่มีความสะเทือนต่อสังคมไทยคงเป็นไปไม่
ได้
ไม่ใช่ญาติดีกับคุณยิ่งลักษณ์หรือทักษิณแล้วจะได้พื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวตาม
ความปรารถนานั้นคงเป็นไปไม่ได้"
อดีต รมว.การต่างประเทศยังกล่าวว่า
ส่วนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน หลักการ
และเราประสงค์ให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ประพฤติด้วยความถูกต้อง
การโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาที่มี
ความซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
“การคิดว่ามีพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลแล้วจะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
การเตะฟุตบอล หรือการเชิญอดีตนายกฯ
ไปกล่าวสุนทรพจน์ให้คำแนะนำว่าจะพัฒนาระบบเศรษฐกิจอย่างไรนั้น
ทั้งหมดไม่ได้นำไปสู่การจะได้มาโดยมิชอบเป็นอันขาด ยังมีคนไทยอีก 60
กว่าล้านคนที่รักความถูกต้อง เขาคือเจ้าของทรัพยากรทั้งบนบกและทางทะเล
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ในฐานะที่รู้จักสมเด็จฮุน
เซนมา ขอเตือนว่า
อย่าคิดทำอะไรที่คิดแต่ว่าเสียงข้างมากในสภาไทยเขาดีด้วยแล้วจะอำนวยผล
ประโยชน์ให้ได้ ทรัพย์สมบัติของกัมพูชาเป็นของคนกัมพูชา
ส่วนทรัพย์สมบัติของประเทศไทยก็เป็นของคนไทย
ไม่ใช่เป็นทรัพย์สมบัติของสองครอบครัวที่จะมาปู้ยี่ปู้ยำกันได้
ไม่ยอมเด็ดขาด
ไม่ว่าตนจะสวมหมวกใบใดก็จะไม่ยอมให้ทรัพย์สมบัติของประเทศชาติสูญหายเป็นอัน
ขาด” นายกษิตกล่าว
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลดนายอัษฎา ชัยนาม
ออกจากประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา และปลดนายวีรชัย พลาศรัย
ออกจากที่ปรึกษากรรมาธิการว่า รู้สึกประหลาดใจ
เพราะบุคคลทั้งสองมีความรักชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
และยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทยอย่างชัดเจน
ที่สำคัญเป็นบุคคลที่ทางกัมพูชาไม่ชอบที่จะเจรจาด้วย
“การที่คุณสุรพงษ์
บอกว่าสาเหตุการเปลี่ยนตัวเพราะงานไม่คืบหน้า
อยากถามว่าที่ว่าไม่คืบคือการขายชาติให้กัมพูชาหรือไม่
ผมไม่ทราบว่าทำไมถึงต้องโยกทั้งสองออกจากคณะกรรมาธิการฯ
ทั้งที่รู้เรื่องเขตแดนที่สุด หรือเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องยากที่ทั้ง 2
คนจะทำเพื่อประโยชน์ของกัมพูชา” นายชวนนท์กล่าว.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น