บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระวิหารกับศาลโลก 2554 โดย ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล

เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ศาลโลกหรือภาษาทางการเรียกว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้แถลงข่าวอย่างไม่เป็นทางการจากกรุงเฮกว่า ราชอาณาจักรกัมพูชาได้ยื่นคำร้องขอให้มีการตีความคำพิพากษาของศาลฯ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๕ ในคดีประสาทพระวิหาร (ระหว่างกัมพูชากับไทย) การยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นการ เปิดคดีใหม่ พร้อมกันนั้น กัมพูชาก็ได้ขอให้ศาลฯ สั่งคุ้มครองชั่วคราวและเปิดการพิจารณาคดีใหม่
ขั้นตอนและกระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
การเตรียมต่อสู้คดีต้องเริ่มโดยศึกษาคำร้องของกัมพูชาที่มีถึงศาลฯ เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งเป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

๑. เมื่อได้รับคำร้อง เจ้าหน้าที่ศาลฯ จึงแถลงข่าวให้ทราบอย่างไม่เป็นทางการ (press releases)
๒. กระบวนการต่อไปเป็นภาคคำคู่ความเป็นลายลักษณ์อักษร (written proceedings) แบ่งออกเป็น ๔ ขั้นตอนดังนี้
๒.๑ ศาลฯ จะมีคำสั่งให้กัมพูชายื่นคำฟ้อง (Memorial) โดยมีรายละเอียดในประเด็นที่ขอให้ศาลฯ ตีความคำพิพากษาเดิมเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ ภายในเวลาที่ศาลจะเป็นผู้กำหนด
๒.๒ ในคำสั่งเดียวกันนั้น ศาลฯ จะขอให้อีกฝ่ายซึ่งในกรณีนี้ ได้แก่ ไทยตอบโต้โดยส่งเอกสารแก้คำฟ้อง (Counter Memorial)
๒.๓ ขั้นตอนต่อไปคือศาลฯ ให้โอกาสกัมพูชาตอบโต้คำแก้คำฟ้องของไทย (Reply)
๒.๔ ไทยมีโอกาสยื่นคำตอบโต้เขมรอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย (Rejoinder)
๓. เมื่อผ่านขั้นตอนภาคลายลักษณ์อักษรแล้ว จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีด้วยวาจา (Oral proceedings) ซึ่งมี ๔ ขั้นตอนตามลำดับและรูปแบบเดียวกับภาคคำคู่ความเป็นลายลักษณ์อักษรในข้อ ๒.
ท่าทีของไทยและการเตรียมการต่อสู้คดี
สิ่งแรกที่ไทยควรปฏิบัติคือศึกษาคำร้องของกัมพูชาอย่างละเอียด และเตรียมต่อสู้ในชั้นแรกโดยยืนยันว่าศาลฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือตีความคำพิพากษาของศาลฯ ในคดีปราสาทพระวิหาร ตามธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ไทยต้องไม่ละเลยการคัดค้านอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งไทยมิได้มีปฎิญญาประกาศรับอำนาจพิจารณามาเป็นเวลากว่าห้าศตวรรษ ไทยต้องยืนยันสถานภาพของตน ครั้งนี้ กัมพูชาต้องการรื้อฟื้นและขยายขอบเขตคำพิพากษาเดิมที่ไทยไม่เคยยอมรับ ไทยได้คัดค้านอำนาจศาลฯ มาโดยตลอด และได้ตั้งข้อสงวนไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๕  ฉะนั้น หากมีการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ไทยก็อาจใช้เป็นเวทีขอให้ศาลฯ ยกเลิกคำพิพากษาเดิมเป็น Annulment Proceedings ในเมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายร้องขอเปิดคดีใหม่ ไทยควรใช้โอกาสนั้นขอให้ศาลฯ ยกเลิกหรือแก้ไขคำพิพากษาโดยยืนยันใหม่ว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในเขตแดน ราชอาณาจักรไทยภายใต้อธิปไตยของไทยแต่ผู้เดียว
แต่วิธีการที่แนบเนียนกว่าการต่อสู้ในสาระสำคัญคือการคัดค้านอำนาจศาลฯ ทั้งนี้ เพราะไทยมิได้เคยรับอำนาจมาช้านานแล้ว นอกจากนั้น กัมพูชายังยอมรับว่าคำร้องเป็นการริเริ่มคดีใหม่ ศาลฯ ยิ่งหมดอำนาจพิจารณาพิพากษา ฉะนั้น ในมุมมองนี้ ไทยจึงไม่ควรไปสู้คดีขั้นเนื้อหาอย่างรีบด่วน เพราะจะเป็นการยอมรับอำนาจศาลฯ โดยมิได้รับความยินยอมเห็นชอบจากรัฐสภา และโดยปราศจากประชามติ
อนึ่ง ไทยชอบที่จะยื่นคำคัดค้านอำนาจศาลฯ (Preliminary Objection to the Jurisdiction) อย่างชัดเจนและรีบด่วน
ขณะนี้กระบวนการพิจารณาของศาลฯ เพิ่งจะเริ่ม ศาลฯ อาจหารือเป็นการภายในกับคู่กรณีว่าจะกำหนดให้มีการยื่นคำคู่ความ (Written Proceedings) เป็นลายลักษณ์อักษรมากน้อยเพียงใด โดยที่กัมพูชาเพิ่งยื่นคำร้องเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔ และศาลฯ ได้ออกแถลงข่าวอย่างไม่เป็นทางการในวันเดียวกัน กระบวนการขั้นต่อไปคือ ศาลฯ ต้องมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำร้องขอของกัมพูชา และในคำสั่งเดียวกันนั้น ศาลฯ ต้องกำหนดระยะเวลาให้กัมพูชายื่นคำฟ้องในรายละเอียดเกี่ยวกับคำร้องให้ตี ความคำพิพากษาดังกล่าวเพื่อให้คู่กรณีคือไทยมีโอกาสตอบโต้เป็นลายลักษณ์ อักษรเช่นกัน
จากนั้น ศาลฯ อาจสั่งให้คู่กรณียื่นคำแก้ต่างตอบโต้กันได้อีกหนึ่งรอบ และให้ฝ่ายโจทก์คือกัมพูชาตอบคำแก้ฟ้องของไทยภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ และให้ฝ่ายไทยยื่นคำตอบแก้คำตอบของกัมพูชาภายในกำหนดเวลาที่เท่าเทียมกัน เมื่อจบกระบวนการข้างต้น ศาลฯ จึงจะนัดให้คู่กรณีฟังพิจารณาคดีด้วยวาจา
ฉะนั้น ในระยะนี้ ฝ่ายไทยจำเป็นต้องเตรียมการต่อสู้คดีในด้านอำนาจศาลฯ เป็นประเด็นแรก หากศาลฯ พิจารณาไม่รับฟ้องตั้งแต่ต้น เพราะขาดอายุความหรือขาดอำนาจพิจารณา ถือว่าสิ้นสุดคดีความเพียงนั้น หากศาลฯ พิจารณาแล้วลงข้อยุติว่ามีอำนาจพิจารณา และดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ไทยก็มีสิทธิ์เพิกเฉย ไม่ยอมขึ้นศาลฯ ดังเช่นหลายประเทศได้ปฏิบัติมาแล้ว
ในชั้นนี้ การเตรียมการต่อสู้จึงต้องเริ่มตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น ต้องกระทำการอย่างรอบคอบ แยบยลและแนบเนียน อย่าประมาทหรือเปิดเผยวิธีการต่อสู้ที่เป็นความลับให้คนชาติของคู่กรณีรู้ ระแคะระคาย ไทยพึงสำเหนียกไว้เสมอว่า คดีนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสโดยผ่านกัมพูชาซึ่งเป็นผู้สืบ สิทธิ์
ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล
วันฉัตรมงคล (๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔)

ข่าวล่าสุดจากชายแดน..กับมาตรการลองใจตะหานเกเรของกัมพูชา และจดหมายจากหน้าแนว..เสียงโอดครวญของผู้กล้

 by NN1234



 แม้ ผวจ.สุรินทร์จะสั่งการปิดศูนย์อพยพเกือบที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อันได้แก่ อ.พนมดงรัก และ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้เดินทางกลับเข้าไปอาศัยอยู่ตามบ้านเรือนของตัวเองตั้งแต่เมื่อวานซืน(2 พฤษภาคม)แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่วายที่จะต้องพากันอพยพกลับมายังศูนย์อพยพที่เคยเปิดไว้นั้นตามเดิม
 นัยะนี้สะท้อนว่า ชายแดนไทย-กัมพูชาตอนนี้นั้น ไม่ได้สงบจริง เพียงแต่ฝ่ายไทยอาจจะจำกัดระดับของความรุนแรงในการปะทะลงได้ระดับหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการเสริมกำลังและเพิ่มประสิทธิภาพการรบของอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งแน่นอนว่า กองทัพไทยต้องมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าทุกประตูรบ
 อาทิเช่น ฐานยิงจรวด บี -21 ของกัมพูชา ซึ่งตอนนี้ก็ไม่หาญกล้ายิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกอย่างไร้เป้าหมายและทิศทางดังเช่นแต่ก่อนเริ่มมีการยิงกันใหม่ๆ  เพราะ ประสิทธิภาพการรบของฝ่ายไทยที่สูงกว่า เพียงแต่ฝ่ายไทยไม่ต้องการโต้ตอบอย่างไร้มนุษยธรรม และไม่ต้องการตกเป็นฝ่ายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น ผู้ใหญ่รังแกเด็ก
 จึงยังคงมีแต่เพียงการปะทะตามแนวชายแดนของทหารพรานไทยที่อยู่ หน้าแนว(ตัวจริง)กับ ทหารเมายาบ้าของฝ่ายกัมพูชาที่มักทำตัวเกะกะระราน โดยชอบทำทีเดินดุ่ยๆ เข้ามาหาแนวบังเกอร์ของทหารไทยแล้วก็กราดปืนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง และก็ถูกสวนกลับให้กลับไปดินแดนของตัวเองอย่างไร้วิญญาณ หรือ กลางวันก็เข้ามาพูดคุยกับทหารไทยด้วยดี แต่ตกค่ำมืดก็ยิงปืนใส่อย่างไม่ยั้งมือ เป็นต้น
 .....เมื่อการเจรจา ระดับประเทศเริ่มจะมีเค้าลางเกิดขึ้นมาบ้าง ส่วนการตกลง ในระดับปฏิบัติการหรือระดับพื้นที่นั้น มีการริเริ่มตั้งแต่แมื่อเย็นวานนี้(3 พฤษภาคม) ที่ชายแดนด้านปราสาทตาควายก็ได้มีข้อตกลงที่นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลการสงบศึก ซึ่งเสมือน การลองใจว่าทหารกัมพูชา(ของนายกฯ ฮุนเซ็น)ในระดับปฏิบัติการนั้นจะยอมหยุดยิงจริงหรือไม่
 โดยให้ต่างฝ่ายจัดทหารพรานชุดละ 6 นาย ไปประจำการ(ประจันหน้ากันและพูดคุยกันเป็นการผูกมิตร) จำนวน 3 จุด ได้แก่ 1)จุดปราสาทตาควาย 2)จุดต้นไทรกลางเนิน และ 3)จุดประสานงานชั่วคราว รวมแล้วฝ่ายละ 18 นาย
 ผลการปฏิบัติการครั้งนี้ปรากฏว่า ได้ผลดีเกินคาด เหตุการณ์สู้รบเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้น จึงไม่เกิดการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย
 โดยเฉพาะตั้งแต่เริ่มมาตรการนี้ ยังไม่มีการลั่นกระสุนปืนแม้แต่เพียงนัดเดียว  ...และเมื่อเช้าวันนี้(4 พฤษภาคม)บรรยากาศการพูดคุยสนทนาก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทหารทั้งสองฝ่ายแบ่งปันอาหารแก่กันกิน ไม่ว่า อาหารเช้า ขนมขบเคี้ยว และ....เหล้าขาว (ของชื่นชอบของตะหานฮุนเซ็น)
 
 ข่าวการปะทะกันจากด้านชายแดน จ.สุรินทร์จึงถูกกลบด้วยเสียงสัมภาษณ์ของ ผบ.ทบ.แทนด้วยคำสัมภาษณ์เรื่อง การแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของกำลังพลฝ่ายไทยและประชาชนที่ถูกลูกหลงตามแนวชายแดน รวมทั้งการบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย 
 แต่เสียงโอดครวญจากทหารพรานหน้าแนว (หรือ Black Warrior )ของการปะทะจากการสู้รบนั้น เราต้องยกย่องให้พวกเขาเป็น วีรบุรุษตัวจริง เพราะนอกจากความหาญกล้าประจันหน้ากับศัตรูจอมเกเรแล้ว ...พวกเขายังเป็น นักรบราคาถูก ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักคำว่า กลัวตาย ทั้งยังไม่มีคำประกาศยกย่องอย่างสวยหรูจากผู้บังคับบัญชา และ ผบ.ทบ.อีกด้วย ...กลับไม่มีแม้เงาเสียงสะท้อนใดๆ จาก ผบ.ทบ.
 วันนี้...ราคาค่าชีวิตของพวกเขาเทียบอะไรไม่ได้เลยกับคนที่นั่งทำงานในห้องแอร์อันเย็นฉ่ำ ....แต่พวกเขา (ทหารพราน .. Black Warrior) นั้น สายตาพวกเขากลับไม่เคยละวางไปจากการจับตาดูความเคลื่อนไหวของเหล่าอริราชศัตรู ในขณะที่นิ้วมือยังคงเตรียมเหนี่ยวไกปืนอยู่ตลอดเวลา ไปยังพวกที่เข้ามารุกล้ำเขตแดน เพราะว่า นาทีชีวิตเป็นสิ่งที่เผลอไม่ได้ 
 หาก “แม่ทัพ”ที่รู้ใจกำลังพลว่าจะรบเพื่อปกป้องอธิปไตย เพื่อให้ประชาชนไทยกลับเข้าไปอยู่ในบ้านเรือนของตนเอง สามารถนอนตาหลับได้อย่างไร และซื้อใจบรรดานักรบราคาถูกเหล่านี้ได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก
 จักต้องทำให้กำลังพลเหล่านี้มีค่ามีราคาเเพงกว่า นักรบฝั่งกัมพูชาอย่างรีบด่วน..เท่านั้นเอง
 ขอสดุดีเหล่านักรบราคาถูกนี้ไปตลอดกาล ....
 หลับเถิด ทหารกล้า ...ปวงข้า "นักรบชุดดำ" จะปกป้องภัยให้ท่านเอง
.....................................................................................

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง