บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ปริโตรเลียมเขมรลงนามกับบริษัทร่วมทุนเขมร-จีนก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมั่น

ฟิฟทีนมูฟ — ปิโตรเลียมเขมรลงนามกับบริษัทร่วมทุนเขมร-จีน ก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันใน จ.กำปต บนพื้นที่ ๕๐๐ ไร่ คาดว่าจะผลิตน้ำมันได้ปีละ ๕๐๐ ล้านตัน โดยเริ่มการผลิตปี ๒๕๕๕ พิธีลงนามมีซก อาน และตัวแทนโรงกลั่นเข้าร่วม เผยเชฟรอนของสหรัฐกำลังสำรวจน้ำมัน ๓ แห่ง ส่วนจีนจะลงทุนอีก ๖๐๐ ล้านดอลลาร์ในกิจการน้ำมันในเขมร
พิธีลงนามกรอบความตกลงก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันระหว่างองค์การปิโตรเลียมกัมพูชาและบริษัทร่วมทุนกัมพูชา-จีน ๑๕
พิธีลงนามกรอบความตกลงก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันระหว่างองค์การปิโตรเลียมกัมพูชาและบริษัทร่วมทุนกัมพูชา-จีน ๑๕ มิ.ย. ๕๔
องค์การปิโตรเลียมกัมพูชาลงนามกรอบความตกลงก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน1 ร่วมกับบริษัทเคมบูเดีย ปิโตรเคมิคัล ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกัมพูชา-จีน ตามรายงานของสำนักข่าวซีอีเอ็น (๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔) พิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันนี้ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา  และเป็นประธานองค์การปิโตรเลียมกัมพูชา และนายฮาน เตียน2 ตัวแทนโรงกลั่นดังกล่าว เข้าร่วม

โรงกลั่นดังกล่าวจะก่อสร้างบนที่ดินขนาด ๘๐ เฮกเตอร์ (๕๐๐ ไร่) ในจังหวัดกำปต บริษัทร่วมทุนฯ ไม่ได้เปิดเผยยอดเงินลงทุน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรงกลั่นประเมินว่าค่าใช้จ่ายไม่น้อยว่า ๓ ล้านดอลลาร์
นายซก อาน เปิดเผยว่าโรงกลั่นแห่งนี้จะผลิตน้ำมันได้ปีละไม่น้อยกว่า ๕ ล้านตัน น้ำมันที่ผลิตได้มีคุณภาพดีและราคาถูกกว่าน้ำมันนำเข้า นอกจากนี้นายซก อาน ยังเปิดเผยอีกว่าบริษัทเซฟรอน (Chevron) ของสหรัฐอเมริกากำลังสำรวจแอ่งน้ำมันขนาดเล็กจำนวน ๓ แห่ง โดยใช้เงินลงทุน ๑๕๐ ล้านดอลลาร์ และกลุ่มทุนจีนมีแผนการใช้จ่ายอีก ๖๐๐ ล้านดอลลาร์ เพื่อดำเนินกิจการปิโตรเลียมทั้งหมด การผลิตน้ำมันจะเริ่มดำเนินการใน พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามการเปิดเผยของนายซก อาน กัมพูชาใช้น้ำมันปีละ ๑ ล้านตัน ดังนั้น การผลิตน้ำมันได้ปีละ ๕ ล้านตัน จะช่วยลดการนำเข้า ช่วยลดความยากจนและสร้างงานให้กับชาวกัมพูชา

ศาลออกหมายจับหัวโจกสปายเขมร ยศ“พ.อ.” - ผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพหมดเปลือก



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มิถุนายน 2554 20:44 น.


ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ออกหมายจับ นายวิชัย หรือ นายญา เปา ชื่อภาษาอังกฤษ “YA POV” หรือ “CHEA POV” หัวหน้า 3 สายลับกัมพูชาที่ถูกจับกุมก่อนหน้า ระบุเป็นทหารกัมพูชา ยศ “พ.อ.” วันนี้ ( 15 มิ.ย.)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น


ภาพถ่าย นายญา เปา ผู้ต้องหาหัวหน้าสายลับเขมร พร้อมนายทหารเขมร ขณะเข้าร่วมประชุมกับคณะนายทหารไทย กองทัพภาคที่ 2


ศรีสะเกษ - ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อนุมัติออกหมายจับหัวโจกสปายเขมร ยศ “พ.อ.”แล้ว พบเผ่น ออกไทยเข้าเขมร 9 มิ.ย. เผยผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพขับรถพากลุ่มสายลับตระเวนตรวจสอบพิกัดที่ตั้งทหารไทยและบังเกอร์ ทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษจริง ด้าน เลขาฯรมว.ต่างประเทศ เตรียมนำเรื่องจับ 3 สายลับเขมร แจงเวทีโลก ทั้ง กก.มรดกโลกและศาลโลก ส่วนเลขาฯทูตเขมรเตรียมขอเข้าพบ 3 ผู้ต้องหาเพื่อช่วยเหลือ
      
       จากกรณีทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ร่วมกับ ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมผู้ต้องหา 3 สายลับชาวกัมพูชา , เวียดนามและชาวไทยมุสลิม คือ นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา เชื้อชาติกัมพูชา ศาสนาพุทธ ,นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เชื้อสายเวียดนาม ศาสนาพุทธ และ นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม ขณะลักลอบเข้ามาสำรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไว้ที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ และ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
      
       วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายกษิต ภิรมย์) ได้โทรศัพท์ประสานงานขอทราบข้อเท็จจริงและความคืบหน้าจาก พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กรณีที่ตำรวจ และทหารจับกุม 3 ผู้ต้องหาสายลับชาวกัมพูชา ชาวเวียดนามและชาวไทยดังกล่าว
      
       โดย ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า การสอบสวนคดีนี้ ได้ร่วมกับ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนเกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ท.เดชาวัตร รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ 3) และ พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ ได้กำชับให้ตนและพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและให้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบ ถ้วนและถูกต้อง
      
       พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ประกอบด้วย พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย รอง ผกก.(สส.) สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ.2) ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองทหาร ไปทำการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ให้การที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนีอยู่ รวมทั้งได้ทำการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของนายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี พบว่า ข้อมูลในพาสปอร์ตของทั้ง 2 คน มีการประทับตราผ่านเข้าออกประเทศไทย และประเทศเวียดนามหลายสิบครั้งด้วยกัน
      
       และจากการสอบสวนเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 ชาวไทยศาสนาอิสลาม ได้ยอมรับสารภาพว่า ได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม. พาผู้ต้องหาที่ 2 และผู้ต้องหาที่ 3 และ นายวิชัย กับพวกที่ยังหลบหนีอยู่อีก 3 คน ไปตรวจสอบหาพิกัดตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นที่ตั้งทางการทหารและบังเกอร์หลุมหลบภัยของชาวบ้านภูมิซรอลและทุก หมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ
      
       โดยแต่ละแห่งจะใช้เวลาในการลงไปหาพิกัดทางทหารแห่งละ 5 - 10 นาที จากนั้น จะเคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ ทุกพื้นที่มีฐานที่ตั้งทางทหารและแหล่งชุมชน โดยมี นายวิชัย หรือ “ญา เปา” ที่ยังหลบหนีอยู่เป็นหัวหน้าคณะ และจะมีอุปกรณ์ในการล็อกพิกัดต่าง ๆ ซึ่งอุปกรณ์ทุกอย่างรวมทั้งแผนที่ทางทหารที่ทำพิกัดเสร็จแล้วจะอยู่กับ นายวิชัย หรือ ญา เปา ทั้งหมด และได้นำเอกแผนที่ที่หาพิกัดทางทหารที่สมบูรณ์แล้วหลบหนีไปได้
      
       ส่วน นายสุชาติ เป็นเพียงคนรับจ้างขับรถได้ค่าจ้าง 5,000 บาท ส่วนรถยนต์คันที่ขับขี่มานั้น เป็นของ นายวิชัย หรือ “ญา เปา” ซึ่งได้ซื้อไว้ใช้ในประเทศไทยโดยใช้ชื่อของชาวไทยคนหนึ่งเป็นผู้ซื้อ
      
       พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวอีกว่า จากพยานหลักฐานที่ชัดเจนทั้งหมด ตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้ทราบแล้วและได้ขออนุมัติศาลจัง หวัดกันทรลักษ์ออกหมายจับ นายวิชัย หรือ นายญา เปา มีชื่อในภาษาอังกฤษตามหนังสือเดินทาง ว่า YA POV หรือชื่อภาษาอังกฤษในการประกอบธุรกิจ ว่า CHEA - POV หมายเลขหนังสือเดินทาง เลขที่ 0978812 เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2506 หรือ 19630101 อายุ 48 ปี ชาวกัมพูชา ตามหมายจับของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ที่ จ.50/2554 ลงวันที่ 15 มิ.ย. 2554 ในข้อหาร่วมกันกระทำการใดๆ ให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ โดย นายญา เปา ประกอบอาชีพที่เชื่อได้ว่า รับราชการทหารยศ “พันเอก” และ ประกอบธุรกิจส่วนตัวในประเทศกัมพูชา
      
       จากการที่ได้ตรวจสอบจากด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่งแล้ว ปรากฏว่า นายวิชัย หรือ นายญา เปา ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยเข้าไปในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2554 ที่ผ่านมา โดยผ่านเข้าไปในประเทศกัมพูชาที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
      
       สำหรับ นายเหวียง เติ้งยัง ชาวเวียดนาม เข้ามาในเขตประเทศไทย ทางด่านคลองใหญ่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 54 และ นายอึ้ง กิมไทย ชาวกัมพูชา เข้ามาในเขตประเทศไทย ทางด่าน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้มารวมตัวกันและดำเนินการลักลอบตรวจหาพิกัดที่ตั้งทาง ทหารของไทย
      
       ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวด้วยว่า ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ดำเนินการตามพยานหลักฐาน มีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบทันที และแจ้งให้ผู้ต้องหาทุกคนได้รับทราบสิทธิต่าง ๆ ของผู้ต้องหาทั้งในการพบกับทนายความ การได้รับสิทธิในการเยี่ยมญาติโดยไม่มีการกีดกันแต่อย่างใด
      
       ทางด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ (นายกษิต ภิรมย์) เปิดเผย ว่า ในส่วนนี้ได้เรียนกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ส่วนใดที่เป็นประโยชน์ทางกระทรวงการต่างประเทศก็จะนำไปใช้ในการเจรจาชี้แจง กับเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นทางคณะกรรมการมรดกโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
      
       ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่นั้นทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังดำเนิน การออกหมายจับแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาอีก 2 คน และพบว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทเป็นหัวหน้าที่ที่มีการนำกลุ่มสายลับเข้ามาใน ครั้งนี้ ดังนั้นเอกสารหลักฐานต่างๆ ก็น่าที่จะอยู่กับนายคนนี้ขณะนี้เราทราบเบาะแสแล้วว่าเป็นใครที่ไหน
      
       นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของท่าทีของกัมพูชานั้น ในเรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามหน้าที่เรื่องนี้เป็นเรื่องของการรักษาผล ประโยชน์ของชาติเรากำลังดำเนินการเรื่องการปกป้องผืนแผ่นดิน ดังนั้นในสัปดาห์หน้านั้นตนจะนำเรื่องนี้ไปชี้แจงกับคณะกรรมการมรดกโลกด้วย
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด เลขานุการเอกอัครราชทูตกัมพูชา เตรียมขอเข้าพบ 3 ผู้ต้องหาเพื่อหาทางช่วยเหลือเป็นการด่วนต่อไป

นายกฯมอบ3แนวทางทีมแจงมรดกโลก

  • 15 มิถุนายน 2554 เวลา 12:40 น. |
นายกฯมอบ3แนวทางทีมชี้แจงคณะกรรมการมรดกโลก ย้ำต้องทำให้ไทยได้รับประโยชน์
เมื่อเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก โดยมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ  และกระทรวงกลาโหมได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมหารือ โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้น นายปณิธาน วัฒนายากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า นายกฯได้ให้ 3 แนวทาง คือ 1.กำชับคณะทำงาน จะต้องทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ให้ไทยเสียผลประโยชน์อธิปไตยและดินแดน 2.ชื่นชมบทบาทสำนักงานใหญ่ยูเสนโก้ ผู้แทนพิเศษและเลขาธิการสำนักงานใหญ่ยูเนสโก้ ที่พยายามทำงานอยู่บนพื้นฐานความเป็นกลาง และ 3.ในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก จะต้องทำตามเงื่อนไขของสำนักงานใหญ่ในฐานะเป็นประเทศสมาชิกที่ดี
นายปณิธาน กล่าวว่า การประชุมคณะทำงานวันนี้ (15 มิ.ย.) มีจุดยืนว่าจะมีการประชุมในวันที่ 19 มิ.ย. โดยไทยต้องทำบทสรุปเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงต่อคณะกรรมการมารดกโลก โดยก่อนการประชุม วันที่ 17-18 มิ.ย. นายสุวิทย์ จะไปหารือกับกัมพูชานอกรอบ ก่อนที่จะมีการประชุม ซึ่งจะรายงานผลให้ทางไทยทราบเป็นระยะๆ ยอมรับว่าที่ผ่านมาสำนักงานใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางของไทย และพยายามที่จะแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มน่าจะดีขึ้น
ด้านนายสุวิทย์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ อวยพรให้คณะทำงานไทยประสบความสำเร็จในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งจุดยืนไทยยืนยันต้องการให้คณะกรรมการมรดกโลก เลื่อนการพิจาณาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการปักปันเขตแดนของทั้ง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะมีการเลื่อนแผนบริหารจัดการออกไปหรือไม่ เพราะกัมพูชายืนยันไม่ยอมให้เลื่อนแผนดังกล่าวออกไป ดังนั้น จะต้องไปพูดคุยกันก่อนจะมีการประชุมในวันที่ 19 มิ.ย. อย่างไรก็ดี ในการประชุมคณะกรมการมรดกโลกครั้งนี้ ไทยจะเสนอขอตัวเป็นเจ้าภาพคณะกรรมการมรดกโลกครั้งต่อไปที่ จ.ภูเก็ต
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ส่วนที่ทางกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ว่านายกรัฐมนตรีของไทย ขอให้มีการถอนชื่อเขาพระวิหารออกจากการเป็นมรดกโลกนั้น ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยพูดเช่นนั้น ดังนั้น ขอให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวออกไป  โดยจะประชุมอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 16 มิ.ย.ที่กระทรวงทรัพยากรฯ ก่อนที่จะมีการไปประชุมคณะกรรมการมรดกโลก

เขมรปิดซ้อมยิงกระสุนจริง จ.กำปงซปือ


ฟิฟทีนมูฟ — กองทัพเขมรกำหนดปิดการฝึกรบซ้อมยิงกระสุนจริง ในหน่วยรถยานเกราะ จ.กำปงซปือ ๑๖ มิ.ย. นี้ หลังฝึกซ้อมมาร่วมเดือนนับแต่ ๑๓ พ.ค. โฆษกฯ กลาโหมเขมรเผยไม่ใช่การข่มขู่เพื่อนบ้าน แต่เสริมสมรรถภาพและเตรียมความพร้อมป้องกันดินแดน
กองรถยานเกราะของกัมพูชา ระหว่างเคลื่อนย้ายประชิดชายแดนด้านปราสาทพระวิหารเมื่อต้นปี
แฟ้มภาพ: กองรถยานเกราะของกัมพูชา ระหว่างเคลื่อนย้ายประชิดชายแดนด้านปราสาทพระวิหารเมื่อต้นปี
กระทรวงกลาโหมกัมพูชากำหนดปิดการซ้อมรบยิงกระสุนจริง ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ที่ฐานยานเกราะเอซีโอ (ACO) อ.พนมซรวจ จ.กำปงซปือ หลังจากทำการซ้อมรบมาตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามรายงานของวิทยุเอเชียเสรี (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔) การซ้อมรบดังกล่าวมีทหารเข้าร่วมจำนวน ๑,๐๐๐ นาย มาจากกองพลที่ ๙๑๑ กองพลที่ ๑๑ กองพลที่ ๑ กองพลที่ ๓๑ กองพลภูมิภาคพิเศษ และกองพลที่มาจากภูมิภาคที่ ๓ พร้อมทั้งหน่วยสารวัตรทหาร

โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พล.ท.ชุม โซะเจียต กล่าวเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ที่ผ่านมาว่การซ้อมรบดังกล่าวไม่ใช่การข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด “การซ้อมรบทั้งหมดนี้ เป็นการเสริมสมรรภาพของกองทัพแห่งชาติกัมพูชาของเรา สร้างกองทัพให้มีวินัยเข้มแข็ง ให้มีความเชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันดินแดน”
นอกจากนี้ พล.โท ชุม โซะเจียต เปิดเผยว่ากระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ส่งทหารกัมพูชา ๔๗ นาย ไปร่วมซ้อมรบกับไทยประจำปี ๒๕๕๔ (การฝึกปฏิบัติการเพื่อสันติภาพนานาชาติ “ไอยรา การ์เดียน”) ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๖ มิถุนายน
จ.กำปงซปือ อยู่ทางตอนใต้ของพนมเปญ ติดกับ จ.เกาะกง เป็นฐานรถยานเกราะและรถถังแห่งหนึ่งของกัมพูชา ใช้เป็นที่เก็บรถถัง T-55 และยานลำเลียงพลที่ซื้อจากประเทศยุโ

ก.ต่างประเทศเขมรอัดไทยอุปโลกเรื่อง"สายลับ" บอกปัดไม่คิดแลกตัว"วีระ-ราตรี"เทียบกันไม่ได้

เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงานว่าสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างนายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญคนใหม่เข้าเยี่ยมคารวะหลังรับตำแหน่งอย่าง เป็นทางการว่า ทั้งกัมพูชาและไทยต่างทราบดีถึงปัญหาในความสัมพันธ์ แต่ทั้งสองประเทศก็เป็นเหมือนลิ้นกับฟันที่แยกจากกันไม่ได้ จึงควรหาทางสลายความขัดแย้งในทุกเรื่องเพื่อประโยชน์สำหรับประชาชน อย่างไรก็ดี ยังคงมองในแง่ดีว่าการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนและการค้าขายก็ยังไปได้ดี ทั้งสองประเทศยังควรจะร่วมมือกันสร้างประชาคมอาเซียนให้สำเร็จตามเป้าหมาย ที่วางไว้
ขณะที่นายสมปองกล่าวว่า จะประสานความร่วมมือกับกัมพูชาทั้งในระดับรัฐบาลและภาคประชาชนเพื่อขยายความ ร่วมมือระหว่างสองประเทศในทุกด้าน พร้อมขอการสนับสนุนจากสมเด็จฯฮุน เซน เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย


ด้านนายกอย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ชายชาวกัมพูชาที่ถูกทางการไทยจับกุมตัวเป็นเพียงผู้รับเคราะห์จากการสร้าง เรื่องการจารกรรมข้อมูลของไทย ซึ่งไม่อาจเปรียบเทียบกับนายวีระ สมความคิด ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายได้ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ต้องการเอาเรื่องนี้ไปขยายผลในเวทีนานาชาติก็เพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้าง อำพรางความต้องการที่จะรุกรานดินแดนกัมพูชา เหมือนเอาเรื่องที่มีขนาดใหญ่เท่าเมฆมาแลกเปลี่ยนกับเรื่องเท่ายุง 


ด้านหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้จัดหาทนายความให้กับนายอึ้ง กิมไทย วัย 43 ปี ชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมในข้อหาจารกรรมข้อมูลในไทยแล้ว โดยนายกอย กวง ระบุว่า นายอึ้งซึ่งเป็นชาวเมืองเนียง เลียงใน จ.กันดาร ถูกใส่ร้ายป้ายสีเพราะเดินทางเข้าไทยเพื่อไปท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า เนื่องจากความตกลงที่กัมพูชาและไทยมีระหว่างกัน อย่างไรก็ดี ทางการกัมพูชาจะจัดเตรียมที่ปรึกษากฎหมายอีกคนหนึ่งไว้ให้นายอึ้งเมื่อเขา ถูกนำตัวขึ้นศาลไทย


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชายืนยันด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแลกเปลี่ยนตัวนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอร์กับนายอึ้ง เพราะไทยได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาร้ายในการสร้างเรื่องขึ้นเพื่อนำไปสู่การแลก เปลี่ยนตัวนักโทษไทย

จาก: มติชน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง