โดย วีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์
โดย T-na Lertwanarin เมื่อ 10 สิงหาคม 2011 เวลา 18:38 น.
ประชุม มรดกโลก25ก.ค.นี้ กัมพูชาจะยื่นแผนพัฒนาบริเวณรอบปราสาท4.5ตร.กม. ถ้าไทยค้านไม่สำเร็จจะต้องน้ำตาตก เพราะแผนที่1:2แสนคลุมกว้างกว่าที่คิด
เรื่อง ปราสาทพระวิหารควบคู่เรื่องพิพาทดินแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ดังขึ้นอีกตั้งแต่ต้นกรกฎาคม เนื่องจากจะมีประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่บราซิล ระหว่าง 25 ก.ค.ถึง 3 ส.ค.2553 แต่ดูภาครัฐจะไม่ชัดเจนเรื่องข้อมูลหลักฐานหักล้างฝ่ายกัมพูชา นอกจากคำคัดค้านหวังแค่จะยื้อเรื่องออกไปเรื่อย ๆ
ส่วนภาคประชาสังคม นอกจากเสนอให้รัฐบาลทบทวนมติ ครม. มติสภา ที่รับรองการลงนามบันทึกความเข้าใจหลายฉบับใน 6 รัฐบาล ถึงขั้นเสนอให้ฟ้องกลับกัมพูชา ฟ้องกลับยูเนสโก้ ฟ้องศาลโลกเสียด้วย
วีร พันธุ์ มาไลยพันธุ์ อดีตคณบดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร คนที่ 7 (1 ตุลาคม 2533 – 30 กันยายน 2535) จบศิลปะบัณฑิต รุ่น 8 ถัดมาอีกสองสามรุ่น จึงเปลี่ยนเป็นศิลปศาสตร์บัณฑิต ได้ทุน ซีโต้ สกอลล่า คนแรกของไทย ไปเรียนต่อด้านโบราณคดี โดยเลือกไปประเทศปากีสถาน เป็นอีกคนร่วมขบวนการทวงคืนอธิปไตย เมื่อพบเห็นข้อมูลที่เผยแพร่อย่างมากมายในเว็บไซต์ต่างๆ ที่ระบุว่าเรากำลังเสียดินแดน
0 ทำไมจึงออกมาค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และอีกหลายเรื่องที่กัมพูชาทำกับประเทศไทย
ก่อน อื่น ผมบอกก่อน ผมเองออกจากอาจารย์ ม.ศิลปากรไปแล้ว แต่ถูกเรียกกลับมาเป็นคณบดี คือในสายผม ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ศิลปะ ผู้ก่อตั้งคณะโบราณคดี สายตรงของผมคือด้านโบราณคดี มีอาจารย์ชิน อยู่ดี กับ นายแพทย์สุด แสงวิเชียร แล้วก็รองลงมาคือผมตำแหน่งสูงสุดด้านการขุดค้น
เรื่องที่ ผมเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคมประวัติศาสตร์ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อยี่สิบปีก่อน เกาะสีชัง ถูกนายทุนฮุบที่พระราชวัง ผมก็เสนอเรื่องผ่านอธิบดีกรมศิลปากร 3 คน ไม่มีใครกล้าทวงคืน เพราะเป็นระดับคุณหญิงตระกูลหงส์ลดารมย์ จนถึงอธิบดีสมคิด จาติกวณิช เอาด้วย ยื่นฟ้องชนะถึงชั้นศาลฎีกา สั่งปรับนายทุน 500-600 ล้านบาท เอาคืนที่ราชวังบนเกาะสีชังได้
เรื่องที่สอง คือทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ผมเป็นเลขาธิการสมาคมโบราณคดีแห่งประเทศไทย ท่านสุภัทรดิศ เป็นนายกสมาคมฯ คนก็ท้วงว่าทำไปไม่ได้อะไรหรอก อ้อยเข้าปากช้างแล้ว ไปง้างได้ยังไง ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้เครดิต คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ หนังสือพิมพ์มติชน ที่ตีข่าวเรื่องที่ท่านสุภัทรดิศไปพบทับหลังนารายณ์ฯ ที่พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะชิคาโก้ แล้วเราก็มีหลักฐานภาพถ่ายของ อาจารย์มานิต วัลลิโภดม คุณพ่อของอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ถ่ายไว้เมื่อ 2503 ก็เป็นผลสำเร็จ
เรื่องต่อมา หลังคุณสืบ นาคะเสถียร เสียชีวิตไป 3-4 วัน (หัวหน้ารักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพักเช้ามืด 1 ก.ย.33) ลงหนังสือพิมพ์แล้วก็เงียบหายไป เหมือนไร้ค่า เรื่องอย่างนี้คนดี ๆ ตายเปล่าไม่ได้ ผมก็ทำใจใหญ่ควักเงินตัวเองเป็นต้นทุนก่อน 1 หมื่นบาท แล้วเที่ยวบอกลูกศิษย์ อาจารย์ จนถึงอธิการบดี เรี่ยไรได้รวม 3 หมื่นบาท จากนั้นก็ไปกับ แสงจันทร์ จำนามสกุลไม่ได้ ประธานชมรมอนุรักษ์โบราณคดี ไปพบท่านคึกฤทธิ์ ท่านก็บอกผมจะช่วย แต่คงช่วยน้อยไม่ได้ ท่านเซ็นเช็คเงินสด 1 แสนบาท ที่สำคัญท่านเอาเรื่องนี้เขียนลงคอลัมน์ซอยสวนพลู ต้องให้เครดิตท่านหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ผมเองกำเงินที่เรี่ยไรได้ไปหาท่านชวน หลีกภัย ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงประชุมกันจะตั้งกองทุนด้วยก้อนแรก 5 ล้านบาท และเมื่อออกทีวีขอรับบริจาคแล้วได้ถึง 15 ล้านบาท จึงตั้งเป็นมูลนิธิ ส่วนผมไม่ขอรับตำแหน่งกรรมการมูลนิธิตั้งแต่แรก
เรื่องที่ 4 กรณีนิกายมอร์มอน พิมพ์ใบปลิวโจมตีศาสนาพุทธเสียหาย กล่าวหาประเพณีสำคัญๆ ของพุทธว่า งี่เง่า ในสายตาเขาเปรียบเป็นผีห่าซาตาน ทางกรมการศาสนาก็ไม่ทำอะไร ผมก็ไปฟ้องกองปราบปราม ก็จับฝรั่งประธานลัทธิมอร์มอนในประเทศไทย จำคุก 6 เดือน
0 เรื่องปราสาทเขาพระวิหารนี่เริ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอน เรียนจบใหม่ ผมทำงานกับอาจารย์สรรพศิริ วิรยสิริ เป็นช่างภาพ และเป็นหัวหน้าช่างภาพถ่ายภาพนิ่ง ท่านสอนผมด้านถ่ายภาพยนตร์ให้ผม ผมได้นำมาใช้ในการทำสารคดีเขาพระวิหารตอนนี้อีก หลังจากศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร ตอนนั้นผมอายุยี่สิบต้นๆ ก็ติดตามเรื่องอยู่ และก็แกะรอยมาเรื่อย เพราะท่านสรรพสิริ เป็นบุตรชายคนเล็กของ พระยาศรีสหเทพ ราชเลขาในรัชกาลที่ 5 และท่านสรรพสิริก็เก็บข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับบันทึกต่างๆ ของคุณพ่อไว้มากมาย ถามว่าจังหวะไหนจะร้องเรียนได้ เปรียบกับสมัยก่อนโน้นจะมารำมวยจีนตามสวนสาธารณะ โดนหาว่าบ้า ตอนนี้อาจารย์สรรพสิริ แก่มากแล้วและป่วยเป็นอัลไซเมอร์ แต่ลูกชายท่านยังจำได้เคยพบบันทึกของปู่เกี่ยวกับสนองงานให้พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้า สื่อมวลชนยังต้องไปขอจากท่าน เช่น บันทึกพระราชนิพนธ์ไกลบ้านเสด็จยุโรปครั้งที่ 1
ที่นี้พระยาศรีสหเทพ ทำอะไร มีความสำคัญอย่างไร ก่อนนั้นท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาสฤษดิ์พจนกร ทำหน้าที่ราชเลขาบันทึกงาน ร.5 นั่นเอง และท่านที่มีส่วนร่วมทำแผนที่ประเทศสยาม ซึ่งหน่วยงานระดับกรมแผนตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถือเป็นชั้นความลับสุดยอดเปรียบเทียบเดี๋ยวนี้ก็คือเทคโนโลยีนิวเคลียร์ นั่นหมายความว่าสยามเราตั้งแต่สมัย ร.5 มีศักยภาพทำแผนที่ได้แล้ว แต่ฝรั่งเศสไม่รู้ ที่เราทำเช่นนี้ก็เพราะฝรั่งเศสส่อสันดานไม่ซื่อกับไทยเป็นการใหญ่ เพราะแค่เรื่องน้ำขึ้นน้ำลงป่าชายเลนก็นำมาหาเรื่อง และมีข้อมูลว่าฝรั่งเศสเรียกร้องดินแดนมาถึงนครราชสีมา ท่านพระยาศรีสหเทพนี่เองไปเจรจาต่อรองให้ยึดถือร่องแม่น้ำโขง และสันปันน้ำ หม่อมราชวงศ์ศุภวัฒน์ เกษมศรี ประธานชำระประวัติศาสตร์ไทย สำนักนายกรัฐมนตรี เล่าบอกผมไว้
ผมถามว่า ทำไมรัชกาลที่ 5 จึงไม่ส่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระเทววงศ์วโรปกรณ์ เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ ไปเจรจากับฝรั่งเศส ทำไมไม่ส่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระอนุชาไปเจรจาเรื่องดินแดน ก็เพราะไม่ใช่แค่ไว้วางใจ แต่ต้องเก่งเรื่องแผนที่ด้วย พระยาศรีสหเทพท่านเรียนแผนที่กับ เจมส์ แมคคาร์ธี หรือพระวิภาคภูวดล ร.5 ขอตัวมาจากอังกฤษ เป็นมือสองทำแผนที่อยู่อินเดีย ดังนั้นแผนที่สยามที่ส่งไปพิมพ์ลอนดอนเมื่อ พ.ศ.2430-2431 เป็นฝีมือของสองคู่หูนี่แหละเดินส่องกล้องวัดสำรวจทำแผนที่ จนสำเร็จออกมาได้ เรียกว่าใช้ถูกคน หรือฝรั่งว่า put the right man on the right job
0 แสดงว่าเป็นกุศโลบายของรัชกาลที่ 5 ที่ไม่ส่งคนไปร่วมสำรวจทำแผนที่กับฝรั่งเศส จนกระทั่งคนในประเทศ นักวิชาการสมัยนี้คิดว่าคนไทยสมัยนั้นโง่ ทำแผนที่ไม่เป็น
พระ วิภาคภูวดล นี่แหละเป็นคนก่อตั้งกรมทำแผนที่ ก่อนจะมาเป็นกรมแผนที่ทหารในปัจจุบัน ลองไปอ่านประวัติกำเนิดกรมแผนที่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องทำชุ่ยๆ แบบสุกเอาเผากิน เพราะแผนที่สยาม พ.ศ.2431 ได้ผ่านการใช้งานตรวจสอบแล้วมีคุณภาพ หลายปีต่อมาจึงได้รับรางวัลจาก เดอะ รอยัล จีโอกราฟิคัล โซไซตี้ ออฟ ลอนดอน สมาคมภูมิศาสตร์แห่งลอนดอน แสดงถึงพระปรีชาญาณ คมในฝักของพระองค์ท่าน ก่อนจะเกิดกรณีพิพาทเรือรบฝรั่งเศสบุกถึงเจ้าพระยา รศ. 112(พ.ศ.2436) และก่อนจะสูญเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส
0 อาจารย์อ้างถึง อาจารย์ก่องแก้ว วีระประวัตร ไปพบอะไรที่ปราสาทพระวิหาร และน่าจะเป็นหลักฐานคัดค้านเขมรได้
อาจารย์ ก่องแก้ว เป็นศิษย์ก้นกุฏิของ ศาสตราจารย์แสง มนวิทูร เชี่ยวชาญภาษาโบราณ ผมก็ไปปรึกษาอาจารย์ก่องแก้วอยู่เสมอ ก็ทราบว่าท่านกับเพื่อนชื่อคุณสุคนธ์ อีกคนเป็นนักศึกษา ขึ้นปราสาทพระวิหารปี 2502 และไปพบหลักเขตแดนบนสันหน้าผา และท่านเองก็จดบันทึกไว้อย่างดี วันเวลา สถานที่ ตอนนี้หลักฐานเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว เรียกว่า เป็นฮิสตอรีเคิล เรคคอร์ด และจากการพบเห็นคือ ลิฟวิ่ง อาย วิธเนส
0 เรื่องกล้วยไม้พันธุ์เขาพระวิหารนี่มีนัยสำคัญอย่างไรต่อการเรียกร้อง
กล้วย ไม้เขาพระวิหารทางพฤกษศาสตร์เป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่น พบมากบนเขาพระวิหาร ไม่รู้คนตั้งชื่อ แต่ปรากฏอย่างเป็นทางการในหนังสือกล้วยไม้ พิมพ์นานกว่า 50 ปีแล้ว ของศาสตราจารย์ ระพี สาคริก อยู่ในสกุล Vandopsis คือคล้ายตระกูลแวนด้า ชื่อเฉพาะ Lissochiloides ขึ้นอยู่บริเวณหน้าผา ซอกหิน โตรกผา ชอบลมแรงๆ ทนแล้ง มีรากใหญ่ ลำต้นแข็งแรง เก็บอาหารได้มาก ออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม กลิ่นหอมเล็กน้อย และผสมข้ามสายพันธุ์ได้ แต่ถามคนเขมรไม่รู้จักชื่อเรียกกล้วยไม้ชนิดนี้ นั่นแสดงถึงกลุ่มคนอยู่อาศัยใช้สอยพื้นที่มาก่อนเป็นคนตั้ง ไม่ใช่คนกัมพูชาที่ไม่ได้ใช้สอยพื้นที่นี้มาก่อน
พูดถึงกลีบดอกกล้วย ไม้เขาพระวิหาร เป็นสีเหลืองกับสีแดง สวยเด่นมาก ส่อนัยของธรรมชาติของดอกไม้ว่า ดอกสีเดียวไม่สวย ต้องผสมสีกัน เรื่องเขาพระวิหารนี่คนในชาติต้องรวมสีนะ จึงจะลงตัวตามธรรมชาติ นี่ว่าตามความรู้สึกของศิลปิน อยากจะบอกอย่างนี้ประเทศชาติจึงจะอยู่รอด
0 จะเสนอแนวทางการต่อสู้เรียกร้องเรื่องนี้อย่างไร
ผม เสนอสู้ใน 3 ประเด็นต่อศาลโลก คือ หนึ่ง คว่ำแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของฝรั่งเศสทำ ที่แสดงความฉ้อฉลดินแดน พิสูจน์ได้ว่าเป็นเอกสารเท็จ เขมรยังเอามาใช้อีก แม้ศาลโลกไม่ตัดสินไม่รับแผนที่นี้ไปแล้ว แต่ปัจจุบันพยายามจะยัดเยียดให้ไทยยอมรับอีก ซึ่งภาคประชาสังคมจะต้องร้องแรกแหกกระเฌอ ผลักดันฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลไทยร้องคัดค้านต่อศาลโลก สอง เป็นการต้มตุ๋นระดับโลก โดยฝรั่งเศสอ้างว่าเชิญกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จไปบนปราสาทพระวิหาร ระหว่างตรวจราชการภาคอีสาน เบื้องหลังติดธงฝรั่งเศส แล้วบันทึกภาพไว้ไปอ้างว่าไทยยอมรับอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร เรื่องนี้พระธิดา คือ หม่อมเจ้าพูนพิสมัย ดิศกุล ได้บันทึกความเจ็บปวดไว้ที่พระบิดาโดนฝรั่งหลอก
แต่ ผมจะศอกกลับด้วยข้อมูลของพวกฝรั่งเศสเอง ศาสตราจารย์ ฌอง บวสเซอลีเย่ (Jean Boisselier) เขียนหนังสือ”เลอ แคมโบดจ์”(Le Cambodge) แห่งสำนักปลายบูรพาทิศ เขียนถึงศิลปะเขมร และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุชัดเจนว่า ตามสันปันน้ำ เขมรสูงจากฝั่งเขาพระวิหารนี้เป็นของสยาม และข้างล่างเป็นของกัมพูชา
สาม ต้องอย่าให้เกิดลักษณะกฎหมายปิดปากอีก ที่ศาลโลกต่อว่าเรา “ร้องในโอกาสที่ร้องได้ แต่ไม่ร้อง” ผมถามว่าใครจะวินิจฉัย โอกาส ไม่โอกาส ศาลวินิจฉัยไม่ได้ ต้องเป็นผู้เสียหายเท่านั้น เปรียบเหมือนกับผู้หญิงถูกข่มขืนถ้าโอกาสร้องไม่ได้ ร้องแล้วเสียเปรียบเธอก็ไม่ร้อง เหมือนกับภาพการ์ตูนฝรั่งเขียนล้อฝรั่งเศส จะข่มขืนผู้หญิงสยาม อังกฤษได้แต่ยืนดู ที่ไทยเองต้องยอมให้ล้วงให้ควัก ให้ลูบคลำได้ แต่ยังสงวนไข่แดงไว้ ยังรักษาพรหมจรรย์หรืออธิปไตยไว้ได้ ดังนั้น พอใกล้เกิดสงครามเอเชียมหาบูรพา ฝรั่งเศสอ่อนแรงลงมาก ทางไทยก็เอาคืน คือถีบตกเตียงไม่พอ เอากระโถนครอบหัวเสียด้วย แต่ถ้าร้องก่อนหน้านั้น ฝรั่งเศสมันจะก็บุกมายึดถึงสนามหลวงนะสิ และก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แผนที่ก็ยังคลุมเครือ ที่ศาลโลกมาอ้างว่า สนธิสัญญาทางทะเลมี ไทยไม่ยอมร้อง ก็ถ้าร้องไปก็โดนหมาป่าฝรั่งเศสรุกรานแน่
0 แล้วแนวทางเรียกร้องต่อสู้จะเป็นอย่างไรต่อไป
หนึ่ง ต้องประชาชนเข้าใจ ผมดีใจ มีกำลังใจ ขณะนี้นักวิชาการอาวุโสหลายท่านเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว อาจารย์ศรีศักร เองบอกให้ลุย เปิดหน้าชกได้แล้ว ผมได้ส่งเอกสารประวัติศาสตร์ให้ท่านอ่าน ก็ถึงบางอ๋อ โดยเฉพาะเอกสารแผนที่ ร.5 ตามพ.ศ.นั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ สอง รัฐบาลต้องตระหนัก สาม ยกเรื่องสู่เวทีระดับโลก ผมเชื่อว่าเราสู้ฝรั่งเศสได้ทางสื่อ อยากให้แปลข้อมูลหลักฐานโต้แย้งต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษลงเว็บไซต์
0 รัฐบาลนี้จะทำหรือ เพราะนายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ เองไปลงนามกับเขมรยอมรับ เอ็มโอยู 2543 และแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน
ผม ว่าสถานการณ์แบบ ช้างตายทั้งตัวพยายามเอาใบบัวมาปิด ก็ปิดไม่มิด ทางภาคประชาชนเอง ผมอยากให้เปิดศึกไซเบอร์ วอร์ แผนที่ข้อมูลแปลเป็นภาษาอังกฤษกระจายไปทั่วโลกให้มาก ผมว่าเราเหนือกว่ากัมพูชา และสู้ฝรั่งเศสได้ ทางการเมืองนั้น คุณชวนเองก็กลัวพรรคเสียหาย ไม่กล้าแอ่นอกรับ ส่วนคุณอภิสิทธิ์ ก็พยายามกลบสิ่งเน่าเหม็น ซึ่งมันกลบไม่มิดหรอก ซึ่งเรื่องนี้ทราบว่าคุณสาวิต โพธิวิหค รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ชงให้สมัยนั้น
0 เรื่องนี้คงไม่เร็ว
แต่ ก็จะช้าไม่ได้ ผมเกรงในหลวงจะเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกเรคคอร์ดว่ารัชกาลพระองค์ท่านต้องเสียดินแดน จึงรอไม่ได้ แม้อาจจะได้คืนในรัชกาลถัดไป แต่ก็ไม่มีทางลบบันทึกประวัติศาสตร์จารึกไปแล้วอย่างเป็นนิรันดร์กาล(ให้ สัมภาษณ์ภายหลังเพิ่มอีกว่า) ผมถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏและมีการกระจายข่าวกันตามเว็บไซต์เกี่ยวกับสูญ เสียดินแดนจำนวนมากลงว่าไทยเสียดินแดน ซึ่งผมว่าถ้าเสียดินแดนก็เท่ากับสูญเสียพระราชอาณาจักร ส่งผลต่อการสูญเสียพระบรมเดชานุภาพของในหลวงอย่างร้ายแรง ซึ่งผมไม่อยากให้เกิด
0 นักวิชาการบางกลุ่มบอกว่าเป็นเรื่องของพวกคลั่งชาติ ชาตินิยม เรื่องพรมแดน เชื้อชาติไม่เป็นปัญหา เป็นปัญหาวิธีคิดแบบเก่า
นัก วิชาการกลุ่มนี้เขาคิดไปร้อยปีข้างหน้า ถึงตอนนั้นพรมแดน เชื้อชาติคงไม่มี เป็นโลกาภิวัตน์สูงสุด แต่ตอนนี้ยังปล่อยให้ทำอย่างนั้นไม่ได้ พวกเรายังต้องยืนหยัดต่อสู้รักษาผลประโยชน์ให้ลูกหลานของเราก่อน
———-
หมายเหตุ
1.องค์การ สนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(สปอ.) หรือ Southeast Asia Treaty Organization-SEATO ก่อตั้ง 8 ก.ย.2497 ยุบเลิกพ.ศ.2520
2.ช่วง ปี 2535 ชาวเกาะสีชัง ร้องเรียนว่า บริษัท สีชังทองเทอร์มินัลฯ ของคนในตระกูลหงส์ลดารมย์ บุกรุกเขตพระราชวังจุฑาธุชราชฐาน ปี 2540 ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากการระเบิดภูเขา ทำลายสภาพแวดล้อม ปี 2548 ได้ฟ้องทางอาญาด้วย
3.สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จฯปราสาทพนมรุ้ง 26 ม.ค.2472 ถ่ายภาพทับหลังฯ แตกเป็น 2 ชิ้น เช่นเดียวกับ นายมานิต วัลลิโภดม ถ่ายภายเมื่อ 2503 ต่อมา พ.ศ.2508 กรมศิลปากร ยึดชิ้นเล็กได้จากร้านของเก่าย่านราชประสงค์ พ.ศ.2515 ศ.ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล และ ดร.ไฮแรม วูดเวิร์ด พบทับหลังชิ้นใหญ่จัดแสดงสถาบันศิลปะแห่งชิคาโก สหรัฐฯ มี.ค.2531 กระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งคกก.ทวงทับหลังฯ และได้คืนมาเมื่อ 10 พ.ย.2531
4.เจมส์ แมคคาร์ที รับราชการไทย เมื่อ 1 ก.ย.2423 ต่อมา 3 ก.ย.2426 สถาปนาเป็นกรมทำแผนที่ แยกจากกรมทหารมหาดเล็กฯ พระวิภาคภูวดลเป็นเจ้ากรมคนแรก ปัจจุบันคือกรมแผนที่ทหาร
5.The Royal Geographical Society of London สมาคมภูมิศาสตร์แห่งลอนดอน ก่อตั้ง ค.ศ.1830 เป็นสถาบันส่งเสริมความก้าวหน้าความรู้ทางภูมิศาสตร์
ที่มา บทสัมภาษณ์ จากกรุงเทพธุรกิจ