บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รัฐธรรมนูญ มาตรา๖๙ โดย อาจารย์ไก่ Tanond

รัฐธรรมนูญ มาตรา๖๙

บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งกระทำการใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

อ.บุญช่วย -ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง
ผู้ทราบการกระทำดังกล่าว ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว
แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว

ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการ ให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม
ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารของพรรคการเมือง ที่ถูกยุบในขณะที่กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว

มาตรา ๖๙ บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มา
ซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

บัดนี้ ปรากฏชัดแล้วว่า นักการเมืองสมัยประชุมนี้รวมหัวกันคิดร้ายต่อบ้านเมือง
ก่อให้เกิดการผูกขาดอำนาจรัฐและการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม

การดำเนินการทางการเมืองที่ขาดความโปร่งใส ไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม ระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ล้มเหลว และการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ยังไม่ได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมอย่างเต็มท และเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองกำลังย้อนมาอีกครั้งหนึ่ง องค์กรตามรัฐธรรมนูญ
องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้น ประชาชนหวังว่าจะช่วยกันจรรโลงรัฐธรรมนูญให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์
ไม่ดำเนินการตามมาตรา ๓ วรรคสอง เพื่อให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมแต่อย่างใด

การทำงานที่ผ่านมาเป็นไปแบบ
“ ชงเองกินเอง”
เครื่องมือสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ คือ พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒
ปรากฎว่า ครม. ไม่รู้จักใช้เป็นเวลา ๑๐ กว่าปี
จึงเป็นต้นเหตุให้ประเทศชาติเสียหาย ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงและสิ้นหวังนักการเมืองที่ผ่านมา ต่างให้ฉายาว่า สภากะหรี่– สภาโกหก – สภาจกเปรต – สภาสัตว์นรก – สภาควายห้าร้อย
สภาโจรห้าร้อยปล้นบ้านปล้นเมือง และบอกว่ามากกว่านี้เกินคำบรรยาย
จึงมีความจำเป็นต้องรวมกลุ่มกันก่อตั้ง “ ชมรมคนกวาดบ้าน “
สนับสนุนกิจกรรมทางเมืองเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อไป

ข้อคิด ปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา โดย พล.อ.อ.อรุณ พร้อมเทพ

เท่าที่ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด เกิดมีคำถามขึ้นมากมายซึ่งล้วนเป็นจุดอ่อนของเรา
      
       1. เรื่องสำคัญยิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันสองวันข้างหน้านี้ คือ การประชุมรัฐสภาเพื่อรับรองบันทึกประชุม JBC 3 ฉบับด้วยกัน ถ้าสมาชิกรัฐสภาลงมติรับรองไป ผลที่จะตามมาคือการสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่ไทยเราจะสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดน 4.6 ตร.กม.ของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ประเทศไทยเราจะถูกลดทอนอำนาจอธิปไตยที่เราเคยมีสมบูรณ์ ลงมาเหลือเพียงเป็น 1 ใน 7 ของคณะกรรมการนานาชาติที่กัมพูชาเป็นผู้เลือกมา ถ้ามีข้อขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น ไทยเราก็จะแพ้ทุกทีไป
      
       2. ในการประชุม JBC ครั้งหนึ่ง นายวาร์คิมฮง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกัมพูชา ได้กล่าวหาไทยเราอย่างร้ายแรงว่า ไทยส่งทหารรุกรานเข้าไปเขตแดนกัมพูชา แต่ทั้งประธานและคณะกรรมการฝ่ายไทยนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้หรือชี้แจงแต่ประการใด ไม่ทราบว่าท่านเหล่านี้โดน “นะจังงัง มนต์ดำเขมร” หรืออย่างไร??? สมาชิกรัฐสภาไทยควรจะรับรองให้ความเห็นชอบหรือ???
      
       3. ตั้งแต่มี MOU 2543 เป็นต้นมา กัมพูชาได้ล่วงละเมิดรุกล้ำดินแดนไทยมาโดยต่อเนื่อง ไทยเราก็เอาแต่ “ประท้วง ประท้วงมาแล้วร้อยกว่าครั้ง ทั้งระดับรัฐบาล และระดับท้องถิ่น (กองทัพภาค 2)” จนบัดนี้จะยังคงประท้วงต่อไปอีกกี่ร้อยครั้ง ยังไม่คิดหามาตรการอื่นที่จะหยุดยั้งการรุกคืบของกัมพูชาบ้างหรือ???
      
       4. “อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” เป็นผลประโยชน์แห่งชาติอันสูงสุด ที่ทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้ เขาก็ยึดถือกันเช่นนี้ ของเราก็มีกำหนดในรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ได้พร่ำสอนอบรมนักศึกษาทุกคนให้รู้จักผลประโยชน์แห่งชาติ และให้สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ชาติในการปกป้องรักษา และพัฒนาผลประโยช์แห่งชาติ ด้วยการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน (การเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา การทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี) อย่างบูรณาการ ผสมกลมกลืนอย่างเหมาะสมกับสภาวะแวดล้อม ซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของบุคคลชั้นนำของประเทศ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหารเกือบทุกคน ก็ได้เรียนจบจาก วปอ. ท่านทั้งหลายที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ฝ่ายข้าราชการประจำขณะนี้ ถูกมนต์ดำเขมรจนลืมเลือนไปหมดแล้วหรือว่า ผลประโยชน์แห่งชาติของเราคืออะไร??? จึงมิได้ทำการชี้แจง เสนอแนะต่อรัฐบาลและรัฐสภาให้เข้าใจ และช่วยกันรักษาผลประโยชน์แห่งชาติเอาไว้ให้ลูกหลานในอนาคต
      
       5. ผมมีข้อสงสัยว่า “ในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีมานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านทรงต้องตัดสินพระทัย ยอมเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต เพราะเราไม่มีแสนยานุภาพที่จะต่อสู้กับฝรั่งเศสได้ ต้องยอมเสียดินแดนไปหลายครั้ง เป็นพื้นที่มหาศาล” บัดนี้เวลาล่วงเลยมาแล้วร้อยกว่าปีนี้ ประเทศไทยได้พัฒนามาจนมีศักยภาพในกำลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน เหนือกว่ากัมพูชาอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้
      
       แต่ทำไม??? “เราจึงกลายมาเป็นลูกไล่ของกัมพูชาในทุกเวที ทั้งการเมืองระหว่างประเทศที่ UN ที่คณะกรรมการมรดกโลกของ UNESCO และที่ ASEAN แม้กระทั่งด้านการทหาร เราก็ยอมถอนทหารออกจากดินแดนของเราเอง” ใครรู้บ้าง ช่วยตอบผมที


ลิงค์ไปยังแหล่งที่มาข้อความ
นายกแจง JBC











    

กดที่นี่        กดที่นี่ เพื่อดูวิดีโอ  อาจารย์เทพมนตรี

กดที่นี่         กดที่นี่ เพื่อดูวิดีโอ อาจารย์ปานเทพ

นช.แม้วส่งสัญญาณปลุกแดงลุกฮือ ขู่จุดไฟเผาเมืองรอบใหม่หลังเลือกตั้ง

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง