บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วา กิมฮง เผยไทยลงนามบันทึกเจบีซี ๓ ฉบับ การประชุมบรรลุ ๓ ประเด็น


นายวา กิมฮง ระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่สนามบินกรุงพนมเปญ เมื่อประมาณ ๑๙.๐๐ น. วันที่ ๑๔ ก.พ. ๕๕ ภายหลังกลับจากการประชุมเจบีซี ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ ก.พ. ที่ประเทศไทยฟิฟทีนมูฟ – วา กิมฮงเผยไทยกล้าลงนามในบันทึกเจบีซี ๓ ฉบับเดิม โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา นำไปปฏิบัติได้ทันที สองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ๓ ประเด็น คือ สำรวจหลักเขตที่ ๑-๒๓ จากช่องจอมถึงปราสาทตาเมือน พร้อมเตรียมเปิดด่านหนองเอี่ยน-สตึงบต มอบหมายทีมเทคนิคร่วมคัดเลือกบริษัทจากประเทศที่สามทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มาตราส่วน ๑:๒๕,๐๐๐ การให้ความเห็นชอบหลักเขตที่ค้นพบแล้ว ส่วนการประชุมครั้งหน้าจัดที่เขมรแต่ยังไม่กำหนดวัน
ซีอีเอ็นของกัมพูชา รายงานการให้สัมภาษณ์ของนายวา กิมฮง รัฐมนตรีอาวุโส ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ฝ่ายกัมพูชา ภายหลังเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ เมื่อช่วงค่ำ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) ว่า บันทึกการประชุมเจบีซีทั้งสามฉบับก่อนหน้าที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาได้เห็นชอบ ร่วมกัน และมีปัญหายืดเยื้อนั้น ครั้งนี้ฝ่ายไทยกล้าลงนามโดยไม่จำเป็นต้องผ่านรัฐสภาอย่างก่อนหน้า นี่เป็นประเด็นที่เป็นเชิงบวก

นายวา กิมฮง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ กุมภาพันธ์ ดำเนินไปโดยไม่มีอุปสรรค เพราะฝ่ายไทยมีสิทธิ์ตัดสินใจในทุกข้อตกลง และลงนามในข้อตกลงร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องผ่านรัฐสภาไทย ข้อตกลงร่วมนี้สามารถนำไปปฏิบัติต่อเพื่อดำเนินกิจการชายแดนได้ทันที ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาและบรรลุผลใน ๓ ประเด็นสำคัญ คือ
๑. การสำรวจหลักเขตที่ด่านช่องจอม อ.อันลงแวง จ.อุดรมีชัย จากหลักเขตที่ ๑ –๒๓ ใกล้ปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ สองฝ่ายเห็นชอบที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมลงไปดำเนินการ หลังจากที่สองฝ่ายดำเนินการเกี่ยวกับด่านสตึงบตเรียบร้อยแล้ว ต่อข้อเสนอของกัมพูชาในการเปิดด่านสตึงบต (ด่านบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบต) สองฝ่ายได้ให้ความเห็นชอบด้วย และสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะส่งทีมเทคนิคร่วมลงไปดำเนินการในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๕ เพื่อตรวจสอบที่ตั้งที่ชัดเจน
๒. การทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ สำหรับทำแผนที่ขนาดใหญ่ คือขนาด ๒๕,๐๐๐ (แผนที่มาตราส่วน ๑:๒๕,๐๐๐) สองฝ่ายเห็นชอบและอนุญาตให้ทีมเทคนิคร่วมไปทำการคัดเลือกบริษัทจาก ๓ ประเทศ เพื่อจัดทำแผนที่ โดยไม่อนุญาตให้ประเทศไทยเป็นผู้จัดทำแผนที่นี้อีก หลังจากได้บริษัทจากประเทศที่สามแล้ว ต้องส่งมาให้คณะอนุกรรมการเทคนิคร่วม และคณะกรรมาธิการร่วม ตัดสินคัดเลือกบริษัทนั้นอีกครั้ง
๓. สองฝ่ายเห็นชอบนำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจหลักเขตจำนวน ๔๘ หลัก ที่พบแล้ว จากทั้งหมด ๗๓ หลัก ขึ้นมาพิจารณา แล้วทั้งสองฝ่ายให้ความเห็นชอบร่วมกันจำนวน ๓๓ หลัก ไม่เห็นชอบ ๑๕ หลัก และอีก ๑๙ หลัก ค้นพบแล้วแต่ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบอย่างเป็นทางการ หลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามีทั้งสิ้น ๗๓ หลัก จัดทำโดยคณะกรรมการปักปันผสมสยาม-ฝรั่งเศส ใน ค.ศ. ๑๙๐๘ – ๑๙๐๙ และครั้งที่ ๒ ค.ศ. ๑๙๑๙-๑๙๐๒
นายวา กิมฮง กล่าวว่า เอกสารเขตแดนทางบกทุกอย่างระหว่างกัมพูชากับไทย จัดทำเป็น ๓ ภาษา คือ ภาษาเขมร ไทยและอังกฤษ เพื่อให้เป็นมรดกไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานในภายหลัง และมอบให้ทีมเทคนิคร่วมใช้สำหรับการปักและซ่อมแซมหลักเขต นายวา กิมฮง กล่าวอีกว่า การประชุมเจบีซีครั้งถัดไป ซึ่งเป็นครั้งที่ ๖ จะจัดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ส่วนวันเวลายังไม่กำหนดแน่ชัด



อาร์พีจีร่วงหน้าวัดแก้วฯ ไทยถอนกำลังกลับอีกหย่อม

แฟ้มภาพ: ทหารเขมรที่ทางขึ้นหน้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เมื่อกรกฎาคม ๒๕๕๑ฟิฟทีนมูฟ — แหล่งข่าวรายงานเขมรบนปราสาทพระวิหารอ้างไทยทำอาร์พีจีร่วงหน้าวัดแก้วฯ ถามฝ่ายทหารไทยไม่มีคำตอบ แหล่งข่าวชี้เด็กน้อยเขมรทำร่วงกันเอง ค่ำวานนี้ทหารไทยขนกำลังทหาร ปรส. และสัมภาระ กลับออกจากชายแดนเขาพระวิหารอีกหลายคันรถ หลายระลอก
รายงานจากแหล่งข่าวระบุว่าเมื่อประมาณ ๑๗.๓๐ น. วานนี้ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) นายทหารใหญ่หัวหน้าชุดประสานงานของกัมพูชาบนปราสาทพระวิหาร แจ้งเหตุอาร์พีจีจำนวน ๒ ลูก ตกที่บริเวณถนนคอนกรีตทางขึ้นเขาหน้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ สงสัยว่าเกิดจากฝ่ายไทย แต่เมื่อสอบถามมายังฝ่ายไทยก็ไม่มีคำตอบให้ ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุฝ่ายกัมพูชาไม่มีการตอบโต้ แต่อย่างใด

แหล่งข่าวสายความมั่นคงกล่าวถึงกรณีนี้ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากทหารไทย เนื่องจากไทยไม่มีอาวุธป่าเถื่อนอย่างอาร์พีจี มีเพียงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) ปืน ค. และ เอ็ม ๘๐ ขณะปัจจุบันไทยถอนทหารและอาวุธหนักลงมาหมดแล้ว เหลือเฉพาะกองกำลังผสมตำรวจตระเวนชายแดน-ทหาร แหล่งข่าวยืนยันด้วยว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เหตุอาร์พีจีตกหน้าวัดแก้วฯ เกิดจากทหารเด็ก ๆ กัมพูชาเอง ที่หัดยิงหัดใช้กันบนนั้นแล้วพลาด เนื่องจากก่อนขึ้นประจำการไม่ได้รับการฝึกที่จริงจังและเข้มงวด ได้รับการฝึกเพียงระเบียบคำสั่งพื้นฐาน นอกจากนี้ รายงานในทางการข่าวระบุด้วยว่า ปัจจุบันบนปราสาทฯ มีแต่เด็กน้อย ทหารตัวเก่ง ๆ รุ่นเก่าในพื้นที่ถูกดึงตัวไปช่วยงานคุ้มครองอารักขานายฮุน เซน นายกรัฐมนตรี เพราะเกรงกระแสข่าวรัฐประหาร แม้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎชัด แต่ในทางเปิดเมื่อเดือนที่แล้ว ฮุน เซน ได้แต่งตั้ง พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งดูและพื้นที่ปราสาทพระวิหารมาอย่างยาวนาน ไปนั่งตำแหน่งเจ้ากรมจารกรรมทหารของกองบัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา พร้อมให้ฮุน มานิต ลูกชาย นั่งตำแหน่งรองฯ จึงมีความเป็นไปได้ที่เจีย ดารา จะนำลูกน้องเก่าติดตัวไปช่วยงานด้วย
ความเคลื่อนไหวทางทหารฝั่งไทย เมื่อช่วงค่ำวานนี้ เวลาประมาณ ๑๙.๔๕ น. มีขบวนรถอาวุธเล็กซึ่งคาดว่าเป็น ปรส. ประมาณ ๗-๘ คัน กลับจากชายแดนเขาพระวิหารมุ่งหน้าเข้าเมือง จากนั้นประมาณ ๒๐.๐๐ น.ขบวนรถจีเอ็มซี ๕ คัน บัส ๑ คัน ขนทหารกลับลงมา ต่อมาเมื่อเวลา ๒๑.๐๐ น. มีขบวนรถจีเอ็มซี ขนสัมภาระอีก ๖ คัน กลับลงมาจากบนเขา แหล่งข่าวคาดว่าเป็นการถอนกำลังมากกว่าจะเป็นการสับเปลี่ยนกำลัง เนื่องจากก่อนหน้าไม่มีการส่งกำลังขึ้นไปทดแทน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง