บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

“นพดล” ชี้คำสั่งศาลโลกไทยสุดเสียเปรียบ สับ “มาร์ค” ทิ้งบอมบ์ รบ.ใหม่

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ สุดงง เขมร-ไทย พอใจคำสั่งศาลโลก ชี้ สยามสุดเสียเปรียบ พื้นที่เพื่อนบ้านมีแต่ภูเขา พื้นที่ไทยเราเป็นพื้นราบ ซ้ำไม่ได้สั่งไล่ตลาด วัด แถมบังคับให้ผู้สังเกตการณ์เข้าเขตแดน สับทิ้งภาระให้รัฐบาลใหม่ แนะ รมต.ใหม่ อย่าใจเสาะ ปอดแหก
      
       วันนี้ (24 ก.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีการตัดสินคดีเขาพระวิหารของศาลโลก เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ให้ไทยและกัมพูชาถอนทหารจากพื้นที่ทับซ้อน ว่า เรื่องนี้ทุกคนแปลกใจหรือไม่ว่า ทั้ง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ รวมถึงนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ทั้งคู่พอใจในคำตัดสิน การที่ทั้งคู่พอใจในคำตัดสินย่อมมีเรื่องแปลกๆ อยู่ในเรื่องนี้แน่นอน ซึ่งอยากเรียนว่าคำตัดสินนี้ในมาตรการคุ้มครองชั่วคราว มีประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อไทยมีเพียงประเด็นเดียว คือ ทำให้บรรยากาศในการเจรจากันสองฝ่ายเป็นไปด้วยดี นอกจากนั้น ประเทศไทยเสียเปรียบทั้งสิ้น
      
       นายนพดล กล่าวว่า เริ่มตั้งแต่กัมพูชาได้ตามที่ขอ คือ ให้ไทยถอนทหารจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6ตาราง กม.ประเด็นที่นายกฯบอกกับประชาชน ว่า กัมพูชาถอน 8.5 ไทยถอน 8.3 ไร้สาระโดยสิ้นเชิง ซึ่งพื้นที่ของกัมพูชาเต็มไปด้วยภูเขา แต่ของไทยเป็นที่ราบ ซึ่งกองทหารของไทยต้องถอนมาก และที่เสียเปรียบมากกว่านั้น คือ ศาลไม่ได้สั่งให้ตลาด วัด พลเรือนกัมพูชา ออกไป
      
       นายนพดล กล่าวว่า ประเด็นต่อมา คือ ไทยพยายามขัดขวางไม่ให้กัมพูชาใช้พื้นที่ หรือถนนที่ผ่านมายังพื้นที่ทับซ้อนไปใช้ประโยชน์ปฏิสังขรณ์พระวิหาร แต่ในคำตัดสินข้อหนึ่งห้ามไทยขัดขวางการเข้าถึงตัวปราสาทโดยอิสระ เพราะฉะนั้นข้อนี้ตีความได้ว่ากัมพูชาสามารถใช้พื้นที่ทับซ้อนที่เป็นถนน เข้าไปยังตัวปราสาทได้ นี่คือ ความสุ่มเสี่ยงที่สำคัญของประเทศไทยที่เสียเปรียบ
      
       นายนพดล กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลอภิสิทธิ์ ท่องคาถาทวิภาคี สองฝ่ายๆ แต่เรื่องนี้ไปหลายฝ่ายเรียบร้อยโรงเรียนกัมพูชา ซึ่งมีข้อหนึ่งที่บอกว่าไทยและกัมพูชาต้องร่วมมือในกรอบของอาเซียน อาเซียน คือ เวทีพหุภาคี เพราะฉะนั้นที่ไม่พูดความจริงกับประชาชนที่บอกว่าสองฝ่ายๆ ต่อไปนี้จะต้องท่องคาถาว่าหลายฝ่ายๆ เพราะโลกเปลี่ยนไปแล้วหลังจากวันที่ 18 ก.ค.นอกจากนั้น ศาลโลกยังบังคับให้ไทยรับเอาผู้สังเกตการณ์ทางการทหารจากอาเซียนเข้ามาใน พื้นที่เขตปลอดทหารชั่วคราวด้วย
      
       นายนพดล กล่าวว่า ดังนั้น วันนี้จึงสรุปได้ว่าไทยเสียเปรียบทุกประเด็น ทีนี้ภาระที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ทิ้งไว้ให้รัฐบาลใหม่เป็นภาระที่หนักมาก ตนสงสัยในวิจารณญาณและสติของนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศของไทย ว่า ไปพอใจในมาตรการคุ้มครองชั่วคราวนี้ได้อย่างไร มันไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้ประเทศไทยพอใจเลย เพราะมีแต่ทำให้หนักใจกังวลใจในอนาคต และอนาคตเราไม่รู้ว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตาราง กม.ซึ่งเกิดขึ้นจากการตีความของศาลโลกในรัฐบาลอภิสิทธิ์ จะเป็นอย่างไร
      
       นายนพดล กล่าวว่า อยากเรียนว่าในหนึ่งหรือสองปีที่คดีจะถูกตัดสินเราไม่รู้ เราอยู่บนความไม่แน่นอน ซึ่งสุ่มเสี่ยงทั้งคู่ แน่นอนว่าถ้าดูคะแนนที่ศาลโลกลงคะแนนศาลโลกปฏิเสธข้อโต้แย้งของไทย 16 เสียงต่อ 0 ที่ให้จำหน่ายคดีออกจากระบบความ ซึ่ง 16 ต่อ 0 พอจะบอกอะไรได้หรือไม่ ซึ่งศาลบอกว่ามีอำนาจจะตีความ 15 ต่อ 1 ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศอยู่ฝ่ายกัมพูชา บางประเทศอยู่ฝ่ายไทย ตนไม่แน่ใจว่าการตัดสินจะเป็นอย่างไร แต่มีความสุ่มเสี่ยงอยู่ เราคาดการณ์อยู่แล้วว่าวันนี้จะมาถึง คือ วันที่กัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปตีความที่ศาลโลกจึงประคับประคองมาตลอด แต่ก็มาเกิดขึ้นในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นคำแนะนำถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ต้องหา รมว.ต่างประเทศ ที่เป็นสุภาพชน รู้ประเด็นเรื่องต่างประเทศบ้าง ต้องเอาคนที่ไม่ใจเสาะ และปอดแหก เพราะ รมว.ต่างประเทศ จะเป็น รมว.ที่มีแรงเสียดทานมากที่สุดในรัฐบาลหน้า

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง