บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เบิกเนตร“พระสยามบุรีพิทักษ์”ชายแดน“ตาเมือนธม”-เขมรรุกคืบหนักถ่ายทำสารคดียึดปราสาทไทย



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2554 20:22 น.

สุรินทร์- “สมเด็จพระวันรัต” เบิกเนตร “พระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์” ประดิษฐานปกป้องประเทศไทยชายแดน “ตาเมือนธม” สุรินทร์ พร้อมมอบสิ่งของเป็นกำลังใจทหาร พบเขมรรุกคืบหนักหวังยึด 2 ปราสาทไทยนำชาวกัมพูชา พร้อมสื่อบุกบวงสรวง “ตาเมือนธม”ถ่ายทำสารคดีท่องเที่ยวประกาศความเป็นเจ้าของและสร้างบังเกอร์ วางกำลังจ่อบันไดขึ้นปราสาท ขณะ“ปราสาทตาควาย” ทหารเขมรนำเมียมาขายบุหรี่และสุรา ประชิดชายแดนไทย
      
       วันนี้ (7 ก.ค.) ที่กองร้อยทหารพรานที่ 961 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแนวชายแดนใกล้กับปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม, แม่กองธรรมสนามหลวง รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ เป็นประธานในการประกอบพิธีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเบิกเนตรพระประธาน ขนาดความกว้าง 3 เมตร สูง 4 เมตร ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงพระราชทานนามพระประธานว่า “พระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์” มาประดิษฐานที่กองร้อยทหารพราน ที่ 961
      
       ทั้งนี้ เพื่อเป็นพุทธบูชาและพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ แสดงถึงเอกราชและความเป็นไทย อีกทั้งเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นขวัญ กำลังใจแก่ ทหาร ตำรวจและประชาชน ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
      
       โดยมี พล.ต. ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และ ผู้บัญชาการกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) นำข้าราชการทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) ข้าราชการพลเรือน ประชาชนและพุทธศาสนิกชน เข้าร่วมประกอบพิธีเป็นจำนวนมาก
      
       จากนั้นเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต ได้เมตตานำวัตถุมงคล เครื่องอุปโภค - บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้งและน้ำดื่มสะอาด แจกจ่ายให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยบริเวณ กองร้อยทหารพรานที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารสังกัดชุดเฉพาะกิจที่ 2 , เจ้าหน้าที่ทหารพราน ปฏิบัติงานตลอดแนวชายแดน ด้านจังหวัดสุรินทร์ ติดต่อกับเขตประเทศกัมพูชา
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่บรรยากาศชายแดนฝั่งกัมพูชา ตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม ในวันนี้เป็นวันที่ทหารกัมพูชาได้รับเงินเดือน ซึ่งได้มีนายทหารมาจ่ายเงินเดือนให้แก่ เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา ที่ประจำพื้นที่ตรงข้างปราสาทตาเมือนธม ด้วยบรรยากาศคึกคักตั้งแต่เช้า และยังพบว่าทหารกัมพูชาได้นำประชาชนชาวกัมพูชา และสื่อมวลชน ชาวกัมพูชานำเครื่องเซ่นไหว้เข้ามาทำพิธีบวงสรวงกราบไหว้ที่บริเวณใจกลาง ปราสาทตาเมือนธม
      
       พร้อมทั้งถ่ายทำสารคดีเสมือนว่า บริเวณนี้ เป็นพื้นที่เขตแดนของประเทศกัมพูชา โดยการเชิญชวนชาวกัมพูชาขึ้นมาท่องเที่ยว และกราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปราสาทตาเมือนธมและใช้ถ้อยคำบรรยายว่าสิ่งที่ปรากฏในภาพ เป็นพื้นที่ของประเทศกัมพูชา แต่เมื่อพบกับผู้สื่อข่าวไทยกลับพยายามหลบเลี่ยง เมื่อถ่ายทำเสร็จทหารกัมพูชาก็เร่งรีบนำคณะสื่อมวลชนกัมพูชาเดินทางกลับ ทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารพรานของไทยร่วมสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
      
       ขณะที่ประชาชนชาวไทยจำนวนมาก ได้เดินทางมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมกันอย่างคึกคักด้วยเช่นกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารไทยคอยดูแลความปลอดภัยให้อย่างใกล้ชิด
      
       นอกจากนั้นที่บริเวณบันได ทางขึ้นปราสาทตาเมือนธมห่างจากแนวสันปันน้ำเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา ประมาณ 50 เมตร ทหารกัมพูชา ได้นำกระสอบทรายมาสร้างหลุมบังเกอร์หลบภัยอย่างแน่นหนา พร้อมวางกำลังทหารตลอดแนวทั้งฝั่งซ้ายและขวา
      
       ขณะที่ทหารไทยอนุญาตให้ผู้สื่อไทยบันทึกภาพหลุมบังเกอร์ทหารกัมพูชา ที่สร้างประชิดชายแดนไทยบริเวณบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ดังกล่าว แต่ทหารกัมพูชาได้เข้าประกบผู้สื่อข่าว และสั่งห้ามถ่ายภาพหลุมบังเกอร์เด็ดขาด แต่ผู้สื่อข่าวไทยยืนยันจะบันทึกภาพจุดใดก็ได้ที่สามารถมองเห็นจากเขตประเทศ ไทย เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้และยินยอมให้บันทึกภาพในที่สุด
      
       จากนั้นในวันเดียวกันนี้ ( 7 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณชายแดนด้าน ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งขณะนี้ทหารช่าง กองพลทหารราบที่ 6 กองกำลังสุรนารีได้ทำการปรับปรุงและสร้างเส้นทางเพื่อให้การเดินทางไปยัง ปราสาทตาควายเป็นไปด้วยความสะดวก จากที่ต้องเดินเท้าด้วยตามเส้นทางขึ้นเขาลงเขากว่า 4 กิโลเมตร (กม.) ขณะนี้เหลือการเดินเท้าเพียง 150 เมตร
      
       ในพื้นที่ปราสาทตาควายมีทหารไทยและทหารกัมพูชา เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ประสานงานในการเจรจาพูดคุยกัน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารของทั้งไทย และกัมพูชาวางกำลังอยู่ในพื้นที่ตัวปราสาทตาควาย โดยทหารของทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงตรึงกำลังในฐานที่มั่นห่างจากตัวปราสาทตาควายในระยะประชิดกันพอสมควร
      
       นอกจากนี้พบว่า ทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณปราสาทตาควายและภรรยาทหารกัมพูชา ได้นำบุหรี่ นำเข้าต่างประเทศ และสุราขาวที่ผลิตในกัมพูชามาวางขาย ใต้ต้นไทรใหญ่ ใกล้ปราสาทตาควาย ให้กับทหารกัมพูชา และนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา ที่เดินทางมาชมปราสาทตาควาย วันละ 20-70 คน ซึ่งภรรยาทหารและทหารกัมพูชาบอกว่า นำบุหรี่ และสุรามาขายเพื่อหารายได้เสริม
      
       จากการสำรวจปราสาทตาควายของผู้สื่อข่าวพบว่า ตัวปราสาทหินระดับความสูงจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร มีร่องรอยถูกกระสุนปืนหลายชนิดแตกเสียหาย เป็นบริเวณกว้าง และบางส่วนถูกกระปืนเล็กแตกเป็นจุดๆ เช่นเดียวกับกิ่งไม้ขนาดใหญ่และต้นไม้บางต้นมีรอยกระสุนปืนจากการปะทะกันของ ทหารไทย-กัมพูชาระหว่างวันที่ 22 เม.ย.-2 พ.ค. ที่ผ่านมาอยู่เป็นจำนวนมาก
      
       สำหรับขวัญและกำลังใจ ของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน ด้านจ.สุรินทร์ ตลอดแนว ยังคงมีขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยมพร้อมปกป้องพื้นที่ประเทศไทยด้วยชีวิต และฝากถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ให้เชื่อมั่นในทหารไทย และขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยเดินทางมาเที่ยวชมปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธมเพื่อแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ อย่าวางใจปล่อยให้ฝ่ายกัมพูชาเกณฑ์ประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวเพื่อพยายามอ้าง สิทธิเหนือปราสาททั้ง 2 แห่ง อยู่เช่นทุกวันนี้

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง