บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หน่วยสารวัตรทหารเขมรฝึกป้องกันดินแดน



หน่วยสารวัตรทหารเขมรฝึกป้องกันดินแดน

Posted on 20 May 2011 by n/e - 22:33 น.

ฟิฟทีนมูฟ — เขมรฝึกหน่วยสนับสนุนพิเศษของหน่วยสารวัตร
ทหารเขตบันเตียเมียนเจ็บ ๖๐ นาย เป็นเวลาร่วมเดือน ไม่วายปากเสียระบุช่วยขัดขวางการรุกรานของพวกนิยมความโหดร้ายชาวไทย

การฝึกของหน่วยสนับสนุนพิเศษในหน่วยสารวัตรทหารประจำเขตบันเตียเมียนเจ็ย เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การฝึกของหน่วยสนับสนุนพิเศษในหน่วยสารวัตรทหารประจำเขตบันเตียเมียนเจ็ย เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔
การฝึกของหน่วยสนับสนุนพิเศษในหน่วยสารวัตรทหารประจำเขตบันเตียเมียนเจ็ย เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔

เมื่อ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ที่ผ่านมา หน่วยสารวัตรทหาร1 เขตบันเตียเมียนเจ็ย เปิดทำการฝึกในหน่วยสนับสนุนพิเศษ เป็นระยะเวลา ๑ เดือน พลจัตวา รัตน์ สราง2 ผู้บัญชาการหน่วยสารวัตรทหารเขตบันเตียเมียนเจ็ย เปิดเผยว่า โดยการอนุญาตของพลเอก เซา โซะคา3 รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา4 และเป็นผู้บัญชาการหน่วยสารวัตรทหาร และจากพลโท อุง เอือน5 หัวหน้าคณะบัญชาการประจำเขตบันเมียนเจ็ย พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากผู้เกี่ยวข้อง หน่วยสารวัตรทหารเขตฯ จึงได้เปิดการฝึกร่วมในหน่วยสนับสนุนพิเศษ เพิ่มเสริมความเข้มแข็งทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ที่เคยได้ทำการฝึกมาก่อนหน้า ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔

หน่วยสนับสนุนพิเศษที่เข้าทำการฝึกครั้งนี้ มีจำนวน ๖๐ คน มาจากหน่วยต่าง ๆในแต่ละอำเภอ ก่อนหน้านี้หน่วยสนับสนุนพิเศสที่ได้รับการฝึกที่กองบัญชาการหน่วยสารวัตร ทหารเขตบันเตียเมียนเจ็ย มีทั้งสิ้น ๑๗๐ คน ได้เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในหน่วยสารวัตรทหารของกองทัพแห่งชาติกัมพูชา

พลโท อุง เอือน ได้กล่าวว่า หน่วนสนับสนุนพิเศษมีภารกิจในการสนับสนุนในงานป้องกัน ช่วยเหลือยและตอบสนองคำขอต่าง ๆ จากกองกำลังและจากภาคสังคม นอกจากนี้ยังต้องมีส่วนในกิจการป้องกันพรมแดน บูรณภาพดินแดน พลโทอุง ยังกล่าวต่อว่าการฝึกของหน่วยสารวัตรทหารก็มีส่วนในการขัดขวางการรุกรานของ พวกนิยมความโหดร้ายชาวไทย

ฮวยเซงสวนเหลืองจุ้นเรื่องกองทัพเขมร ให้กลับไปดูของตัวเอง

ฮวยเซงสวนเหลืองจุ้นเรื่องกองทัพเขมร ให้กลับไปดูของตัวเอง

Posted on 20 May 2011 by n/e - 14:08 น.

ฟิฟที นมูฟ – ฮุน เซน สวนพันธมิตรฯ ประโคมข่าวทหารเขมรอดอยาก ขาดเสบียง เผยทหารเขมรทุกที่ดื่มแต่น้ำบริสุทธิ์ รับประกันไม่มีขาดแคลน เรื่องกองทัพเขมรเป็นเรื่องเขมร เรื่องกองทัพไทยก็เป็นเรื่องกองทัพไทย ให้กลับไปดูของตัว เย้ยถ้าสู้กันทหารไทยวิ่งหนี

ฮุน เซน และ บุน รานี ระหว่างเยี่ยมชาวบ้านที่เขตกำปงธม เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔

เมื่อ ช่วงเช้าวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมด้วยภริยา ท่านผู้หญิง บุน รานี เดินทางไปเยี่ยมประชาชนชาวกัมพูชาที่บ้านโ
คกตรอแบก1 ต.ซรอเลา2 อ.บาราย จ.กัมปงธม ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ติดกับทะเลสาบเขมร3 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ และ หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ วันที่ ๒๐ พฤกษาภาคม ๒๕๕๔

ฮุน เซน และ บุน รานี ระหว่างเยี่ยมชาวบ้านที่เขตกำปงธม เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔

ระหว่างการเยี่ยมสอบถามทุกข์สุขชาวบ้านในพื้นที่ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาตอบโต้กรณีที่กลุ่มเสื้อเหลือง4 กล่าวพาดพิงถึงกองทัพกัมพูชาว่าขาดเสบียงอาหาร และน้ำดื่ม โดย ฮุน เซน กล่าวว่า “ถ้ากองทัพของตัวเอง (ฝ่ายไทย) ก็เป็นเรื่องของตัวเอง เฉพาะกองทัพผมก็เป็นเรื่องของผม” และได้ยืนยันว่า “กองทัพตั้งแต่ปราสาทตาเมือน ตาควาย จักจแรง5 ตาเส็ม6 ภูมะเขือ7 ลานอินทรี8 ปราสาทพระวิหาร ตาเฒ่า9 ใช้แต่น้ำสะอาดจากเครื่อง ถึงเวลาสู้รบกันกองทัพใช้แต่น้ำบริสุทธิ์ ขออย่าพาลเข้าใจผิด.. ผมรับประกันว่ากองทัพกัมพูชาไม่ขาดแคลน แต่ส่วนตัวเองวิ่งทิ้งแถว ความต้องการหมดไปแล้ว ถ้ารบกับเขมรไม่รู้ยังไง สยาม แกพวกฝ่ายวิ่งหนี”

นอก จากนี้ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังกล่าวอีกว่า “เราไม่ดูแคลนอะไร แต่ก็ขออย่าดูถูกเขมร เขมรไม่ใช่ยิงเป้ายาง แล้วเขมรขอให้พวกเสื้อเหลือง พวกเสื้อสับสนประวัติศาสตร์ฝ่ายไทย คิดแต่เรื่องกองทัพของพวกตัวเอง” ต่อกรณีที่มีการปราศรัยบนเวที (พันธมิตรฯ) เมื่อวันก่อนว่า เขมรสูญเสียทหารไปหนึ่งกองร้อยนั้น ฮุน เซน กล่าวตอบโต้ว่าเป็นฝ่ายไทยที่ไม่รู้ว่าทหารจำนวนมากหายไปไหน “ไม่รู้เสียทัพ ไม่รู้ไปไหน..พวกตัวเอง”

หน่วยข่าวลับ ( โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน เพราะไม่มีแหล่งที่มา )

พ.ค.อันตราย/ยุบสภาไม่เลือกตั้ง/ปมรบเขมรเกมปฎิวัติ/๓๐เม.ย.เขียวขยับ/รับสัญญาน"ผู้ใหญ่"พลิกแผ่นดิน
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน สถานการณ์การเมืองการทหารในช่วงนี้ว่า สถานการณ์มีความไม่น่าไว้วางใจในปรากฎการณ์"เชื่อมต่อ"ระหว่างเหตุการณ์"ภาย ในประเทศ"และ"นอกประเทศ"โดยเฉพาะสถานการณ์กับเพื่อนบ้านกัมพูชา..ที่เชื่อม โยงสถานการณ์ภายในประเทศไทย ที่มีการขยับเคลื่อนไหวของ"ฝ่ายอำนาจเก่า"ที่ต้องการสะสมกำลังเตรียมพร้อม รับกับ"ความเปลี่ยนแปลง"ที่จะเกิดขึ้นในห้วง ๒ สัปดาห์ที่จะถึงนี้..โดยมีปฏิกริยาสอดรับกับการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปต่าง ประเทศ รวมถึงการเคลื่อน"ทุน"ของ"ฝ่ายทุน"ทั้งฝ่าย"ทุนเก่า"และ"ทุนใหม่"ที่ไม่วาง ใจสถานการณ์ในประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึง ความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลระดับสูง ที่พูดถึงเรื่องสุขภาพล่าสุดของ"ผู้ใหญ่"ระดับสูงท่านหนึ่ง.. ที่อาจส่งผลกระทบกับภาพรวมของขั้ว
อำนาจที่เกาะเกี่ยวกันทางการ เมือง..แม้ว่าฝ่าย"ขุนศึก"จะมีการเตรียมการในเรื่องดังกล่าวมานานตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ แล้วก็ตาม แต่ปัญหาแทรกซ้อนที่มี"พ.ต.ท.ทักษิณ"มาเป็น"ตัวแปร"สนับสนุน"ผู้ใหญ่"อีก ท่านหนึ่ง ทำให้เกิดปัญหา
กระบวนการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนถ่าย"อำนาจ"ไม่เป็นไปตามแพลนที่"ขุนศึก"วางไว้

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า แพลนของ"ขุนศึก"มีการต่อเชื่อมกับอำนาจของ"ผู้ใหญ่"อีกท่านหนึ่งที่เคยปราก ฎตนอย่างชัดเจนในการเคลื่อนมวลชนฝ่ายเหลืองในห้วงหลังสถานการณ์ตึงเครียดใน รัฐบาล"สมัคร สุนทรเวช"และ"
สมชาย วงศ์สวัสดิ์"..โดยมีการกำหนดความเคลื่อนไหวสนับสนุน"ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งที่ กองทัพให้การยอมรับมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและเริ่มเด่นชัดใน ปี ๒๕๕๓ ที่ให้"พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์"เป็นผู้ดำเนินการทางมวลชนเพื่อให้ฝ่ายทหาร และบุคคลระดับสูงให้การสนับสนุน"ผู้ใหญ่"ท่านนี้..

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ถึง"เงื่อนเวลา"ที่ฝ่าย"ขุนศึก"กำหนดไว้ ภายใต้การคาดการณ์กับสุขภาพของ"ผู้ใหญ่ระดับสูง"ท่านหนึ่ง..อยู่ในระยะ ๑๕ วันถัดจากนี้ ซึ่งอยู่ระหว่าง"รอยต่อ"การยุบสภาของ"นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ที่จะมีขึ้นหลังวันที่ ๕ พ.ค.๕๔ โดยเฉพาะมีการจับตาการเคลื่อนกำลังของกองทัพบก ภายใต้การนำของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"ผบ.ทบ.อย่างสมเหตุสมผล ในวันเสาร์ ที่ ๓๐ พ.ค.นี้ โดยอ้างสถานการณ์ชายแดนเขมรที่กำลังมีปาระยิงปะทะกัน ที่ทำให้กองทัพสามารถเคลื่อนกำลังได้อย่างสะดวก

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า เพื่อให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งอาจนำไปสู่แนวทางการ"ควบคุม อำนาจ"ระหว่าง"สุญญากาศการเมือง" ไม่ถูกสกัดขัดขวางจาก"มวลชน"ที่ต่อต้านกองทัพ อย่าง"เสื้อแดง"ทำให้เกิดการประสาน
ระหว่าง ดีเอสไอ.,กอ.รมน. กองทัพบก ตำรวจ และ กส.ทช. เคลื่อนไหวจับกุม"สถานีวิทยุ"ของคนเสื้อแดงหลายแห่งในช่วงกลางสัปดาห์ที่ ผ่านมา..โดย"สัญญาน"การประสานงานตรงจาก"พล.อ.ประยุทธ์"ไปยัง ผบ.ทบ. มีการเชื่อมต่อกับปฎิบัติการ"สั่งย้าย"ตำรวจระดับ ผกก.และรอง ผกก.หลายโรงพักในเขตนครบาง ๑-๙ โดยอ้างประเด็นทางด้านสังคม และนโยบาย"ทำสงครามกวาดล้างยาเสพติด"ของ"นายกอภิสิทธิ์"ที่ตีคู่กันไปอย่าง เงียบๆกับข่าวการรบในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร เช่นเดียวกับการอนุมัติงบซื้ออาจำนวนมาก การสรรหา สว.สาย สนช.,คมช. และ แต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับคุมกำลังใน ทบ.ช่วงสัปดาห์ก่อน ภายใต้ข่าว"ปฏิวัติ"ที่ลือกันต่อเนื่องหลัง"ระบบสัญญานไทยคม"ล่ม(ที่มี รายงานว่าเป็นการ"ประลองกำลัง"กันเป็นครั้งแรกในเชิงเทคโนโลยีระหว่างฝ่าย กองทัพกับจนท. โดยมีเงื่อนปมสาเหตุมาจากการที่"ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งต้องการให้นำเทปของ" ผู้ใหญ่"ท่านนี้มาออกอากาศซ้ำและให้ยิงไปทุกสถานีโทรทัศน์ทั้งฟรีทีวี และดาวเทียมท้องถิ่นทั้งระบบผ่านเครือข่ายสัญญานโดยไทยคม)

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่าสถานการณ์ก่อนการเปลี่ยนแปลงใหญ่..ที่มีการ"ตระเตรียม"สะสมกำลัง มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ต้องพึ่งพาบทบาทของ"กอง ทัพ"โดยเฉพาะปฏิบัติการก่อนการปะทะ ที่มีเบื้องหลังโยงไปสู่ ประเด็น"การสร้างสถานการณ์"ภายใต้คำสั่งลับจาก"หน่วยเหนือ"ที่สอดรับกับ สถานการณ์ปัจจุบัน ที่กำลังพลแนวหน้าการรบ ถูกสั่งให้รั้งรอที่จะปฏิบัติการทำสงครามเต็มรูปแบบกับฝ่ายเขมร..ทั้งที่ ด้านกำลังอาวุธฝ่ายไทยเหนือกว่าโดยมีปืนใหญ่ยิงระยะไกล(ซีซาร์'ปืนใหญ่อัตตา จร-ผลิตจากสหรัฐ)ที่สามารถยิงตลบแนวหลังที่ตั้งยิงของ BM21(เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ขนาด 122 มม. ติดตั้งบนรถบรรทุก Ural-375D ระยะยิงหวังผล ๒๐ กม.ซึ่งผลิตจากประเทศจีน) จากฝ่ายเขมร ได้เนื่องจากมีวิถีการยิงหวังผลอย่างแม่นยำในระยะ ๔๐ กม.แต่ก็ไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึง จรวดนำวิถี ยางบูม ที่มีการพัฒนาขึ้นและติดตั้งไว้ที่ อ.สัตหีบ ซึ่งสามารถยิงหวังผลแม่นยำได้ถึงกรุงพนมเปญ

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า มีรายงานทางการทหาร อ้างว่า ทั้งฝ่ายไทยและเขมร ต่างมีอาวุธ จรวดพิสัยไกลสามารถยิงมาถึงพนมเปญ-กรุงเทพได้ โดย ในส่วนของเขมรนั้นไม่ใช่มีแต่เพียง BM21 ที่กำลังยิงปูพรมในช่วงตั้งแต่วันที่ ๒๒ เม.ย.จนถึงเที่ยงวันที่ ๒๘ เม.ย.ที่มี"ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว"ของ ๒ ฝ่าย เท่านั้น โดยกองทัพเขมรที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหลายประเทศที่เข้าไปมีผลประโยชน์ใน ทรัพยากรธรรมชาติ ยังมี PF-89 Chinese Armbrustเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง (คจตถ) ขนาด 80มม. รุ่นใหม่จากจีน ระยะยิงหวังผล 200 ม.อานุภาพสูง เทียบเท่า M136 AT-4 USA.ที่ไว้รับมือรถถังไทยทุกรุ่น เพื่อเสริมและทดแทน RPG-7 ที่เขมรยังมีอยู่จำนวนมาก, FN-6 หรือ FeiNu-6 หรือ HongYing 6 Surface to Air Missile ขีปนาวุธนำวิถี พื้นสู่อากาศ 80 มม.ล่าสุดจากจีน กองร้อยขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน ที่ผู้นำกัมพูชาเคยประกาศว่าสามารถจัดการกับเครื่องบินไอพ่นและอากาศยานทุก ลำที่ล่วงละเมิดน่านฟ้าประเทศเขมร ยังไม่นับรวม SA-7Grail, HN-5, FN12/16 จำนวนมาก และ C-125M(SA-3) ขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานอีก33ระบบ และยังมี BM-13, BM-14 ,Type63 (ซึ่ง กองทัพเขมร มีในครอบครองกว่า 20,000 ลูก (ราคาลูกละ 3,000 us$))

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า หลายฝ่ายมีความกังวลว่า สถานการณ์ชายแดนเขมรที่เกิดขึ้น อาจลุกลามบานปลายมาถึงความมั่นคงที่ศูนย์กลางอำนาจกรุงเทพฯประเทศไทย(เนื่อง จากทั้ง๒ฝ่ายต่างมีอาวุธที่มีศักยภาพทำลายล้างสูงที่แม่นยำและสามารถยิงระยะ ไกลในระดับดังกล่าว) เพราะทั้งฝ่ายการเมือง รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกองทัพ มีท่าที"แข็งกร้าว"โดยอ้างเหตุปัญหา"เขตแดน"ที่จะนำไปสู่"เงื่อนไข"ของ สงครามระหว่างสองประเทศ แต่เมื่อเกิดเหตุยั่วยุและยิงตอบโต้ระหว่างกันจนมีกำลังพลสองฝ่ายบาดเจ็บ เสียชีวิต และชาวบ้านได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งที่ตามหลักกติกา สามารถใช้มารตการปราม เพื่อนำไปสู่ การพูดคุยหรือ"เจรจาหยุดยิง"ได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีการดำเนินการ ขณะเดียวกันท่าทีที่ไม่ชัดเจน ทำให้กำลังพลฝ่ายปฏิบัติในสนามรบอยู่ในภาวะ"ตึงเครียด"กับการ"ตั้งรับ"ที่ ยืดเยื้อและสูญเสียแนวถอยร่นของตำบลกระสุนตกเข้ามาเรื่อยๆ

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า การเดินทางไปจีนของ"พล.อ.ประวิตร"มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เพราะทราบว่าเขมรมีการขอให้"จีน"ช่วยเหลืออย่าให้ไทยรุกราน ซึ่งจีนก็ต้องการใช้"เขมร"ถ่วงดุลเช่นเดียวกับกรณีพม่า ขณะ
เดียวกัน จีนก็ได้รับผลประโยชน์จากการเข้าไปขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเขมร เช่นเดียวกับ มหาอำนาจจากยุโรป ฝรั่งเศส และอังกฤษ ดังนั้นภายใต้"ผลประโยชน์"ที่เขมรนำประเทศเหล่านี้มา"ถ่วงดุล" จึงมีการประเมิน ว่า ไทยจึงยากที่จะรบกับเขมรชนะ แม้กระทั่งในการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นเวทีอาเซียน หรือเวทียุโรป ยูเอ็น ศาลโลก หรือเวทีใดๆ ทำให้มีการวิจารณ์กองทัพและรัฐบาลไทยว่า"เสียท่า"ให้กับเขมรแล้ว..ซึ่ง สถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลเองก็ทราบดี แต่ด้วยเงื่อนไข ของความเปลี่ยนแปลงทาง"อำนาจ"ที่จะเกิดขึ้นในประเทศในห้วงเดือนพฤษภาคมนี้ ทำให้ มีการยื้อสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งแพลนนี้ ทำให้"เนวิน ชิดชอบ"เปรยกับลูกพรรค"ภูมิใจไทย"ว่าอาจไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แม้จะมีการยุบสภาในห้วงต้นเดือนพฤษภาคม..

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่าปฏิบัติการบุกจับยึดสถานีวิทยุชุมชนของคนเสื้อแเดง ที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญานความตึงเครียดชายแดนไทยเขมรนั้น มีสัญญาน"เอาจริง"อย่างเด็ดขาด จาก "ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งซึ่งไม่พอใจอย่างมาก ผ่านมายัง"ขุนศึก"และส่งผ่านการปฏิบัติการไปสู่กองทัพ..ภายใต้"พล.อ. ประยุทธ์"และผบ.เหล่าทัพ โดยอ้างประเด็นการกล่าวบนเวทีของ"จตุพร พรหมพันธ์"(๑๐เม.ย.)ที่มีเนื้อหารุนแรงเข้าข่ายความผิดทางอาญา ม.๑๑๒ โดย"สัญญาน"ดังกล่าวทำให้มีการปฎิบัติการของหน่วยงาน กอ.รมน.ที่ ถูกวางโครงสร้างใหม่ขนาดใหญ่ โดย"พล.อ.ประยุทธ์"ตั้งแต่ช่วงยังเป็นเสธ.ทบ. โดยมีการส่งคน"ประกบ"แกนนำคนเสื้อแดงที่มีบทบาท..พร้อมๆกับการส่งสัญญานเอา ถึงชีวิตลามไปยัง"ลูก-หลาน"ของแกนนำบางราย จนต้องส่งบุตรหลานไปอยู่ต่างประเทศ และระวังการเคลื่อนไหวมากขึ้น

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า "ผู้ใหญ่"ท่านดังกล่าวไม่พอใจ"จตุพร"จากประเด็นการเปิด"ข้อมูลลับ"ชิ้นหนึ่ง ที่โยงใยไปถึง"อดีตผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งซึ่งเคยลี้ภัยการเมืองไปอยู่ที่ประเทศ อังกฤษ และเสียชีวิตที่นั่น โดยประเทศอังกฤษจะมีการนำคดีต่างๆออกมาชำระเปิดเผยทุก ๕๐ ปี ซึ่งกรณีนี้ มีการนำมาเผยแพร่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่บุคคลระดับสูง ถึงเงื่อนงำแห่งคดี ที่โยงใยไปถึง"ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง"ที่"ผู้ใหญ่ท่านดังกล่าว"เคารพอย่างสูง ว่า อาจมีความเกี่ยวข้อง เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุในยุคสมัยนั้น...ซึ่งหากข้อมูลนี้ถูกขยายวงจะมีผล กระทบกับ"ผูใหญ่ท่านดังกล่าว"อย่างมาก ..

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า กรณีดังกล่าว ทำให้เกิดแนวรุกอย่างดุดันของ"พล.อ.ประยุทธ์"และฝ่ายกองทัพที่มีการ"ตบเท้า" ในหน่วยทหารอย่างต่อเนื่องก่อนเกิดสถานการณ์รบกับเขมร และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้"พล.อ.ชวลิต"ผละออกจากพรรคเพื่อไทย เพื่อ"ตั้งหลัก"กับ"สัญญาน"ที่ถูกส่งตรงถึงตนเอง ว่าหากต้องการมีชีวิตในบั้นปลายในประเทศหลังจากนี้"ให้ถอนตัว"มิฉะนั้นจะไม่ ได้มีบั้นปลายในประเทศ..

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ปฏิบัติการของ"เสื้อแดง"ในรูปแบบการ"รุกฐาน"มวลชน ช่วงชิงเอาชนะทางการเมืองจาก"ขั้วอำนาจเก่า"ที่มีการหยิบดึงสถาบันมีต่อสู้ ทางการเมือง ส่งผลอย่างรุนแรงและกว้างขวาง หลังจากเกิด
เหตุการณ์ พ.ค.๒๕๕๓ มาก โดย เป้าหมายของเสื้อแดง ไม่ได้แต่เพียงให้"นายกอภิสิทธิ์"ยุบสภา แต่เป้าอยู่ที่ การรวมประชาชนจำนวนมากให้นับล้านคน เพื่อเคลื่อนไหวกดดัน"ขุนศึก"และคณะจากกรณีต่างๆซึ่งถือเป็นการทำลายความน่า เชื่อถือของคณะองคมนตรีและบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงลามไปถึง"ผู้ใหญ่"..ซึ่งการ"รุกทางการเมือง"ดังกล่าวภายใต้บทบาทของ" ธิดา ถาวรเศรษฐ"ภริยา"เหวง โตจิราการ"ส่งผลสะเทือนอย่างรุนแรงมากกว่าแนวทางการต่อสู้แบบเดิมของ"คน เสื้อแดง"โดยเฉพาะ การสามารถรวมมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่แยกออกจาก"มวลชน"ที่สนับสนุนพรรคเพื่อ ไทย "พ.ต.ท.ทักษิณ"ได้อย่างชัดเจน โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวผ่านการให้"ข้อมูล"และการให้ความ รู้ด้าน"อำนาจ"ของประชาชน ผ่านโรงเรียนการเมือง แบบที่ พรรคคอมมิวนิสต์เคยดำเนินการในอดีต ซึ่งตีคู่ไปกับการเคลื่อนไหวบทความ ทางโลกออนไลน์อย่าง"ดุดัน"กระทั่งถูก"หมายหัว"ของ"อ.สมศักดิ์ เจียมสกุล"

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า จุดบรรจบของสถานการณ์ที่"เสื้อแดง"ประเมินว่าจะถึงจุด"อิ่มตัว"ของสถานการณ์ บ่มเพาะความไม่พอใจของมวลชนที่ขยายฐานผ่านการกระจายให้ความรู้ความเข้าใจ เรื่องโครงสร้างอำนาจการเมือง
การปกครองไทย นั้น ถูกเชื่อมต่อกับภาพสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถูกผลกระทบจากปัญหาน้ำมันประเทศ ตะวันออกกลาง ภัยธรรมชาติ ที่กระทบญุ่ปุ่น ประเทศที่มีกำลังซื้อรายใหญ่ และปัญหาศักยภาพการบริหารนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล"อภิสิทธิ์"ที่มี กลุ่มผลประโยชน์(ฝ่ายทุนเก่า) และบุคคลระดับสูง อินไซต์ข้อมูล ถูกสรุปเป็น"ผลกระทบ"กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่เริ่มปรากฎวาทกรรม"ข้าวยากหมากแพง..ขโมยขะโจรชุกชุม"ขยายวงไปมากขึ้น เรื่อยๆ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ฝ่ายแดงประเมินว่า เป็นจังหวะที่อาจนำไปสู่ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงโดยพลังความไม่พอใจของประชาชนที่ได้รับความเดือด ร้อน ซึ่งพลังเหล่านี้จะถูกหันเหเข้าใส่"อำนาจ"ที่อยู่เบื้องหลังของเบื้องหลัง" อำนาจ"ของรัฐบาลปัจจุบัน อย่างรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช่วงจังหวะเวลาเชิงสัญลักษณ์ความเปลี่ยน แปลงทางการเมือง ในเดือนพฤษภาคม

@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า ตั้งแต่หลังเหตุการณ์กลางปี ๕๓ กองทัพมีความไม่เป็นเอกภาพกันระหว่างนายทหารไม่ต่ำกว่า ๕ ฝ่าย ที่มีแนวคิดจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในห้วงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น๑.ทหารที่เห็นด้วยกับพล.อ.ชวลิต ๒.พล.อ.สุจินดา ๓.จปร.๗ ๔.ตท.๑๐ ทักษิณ ๕.พล.อ.เปรม ๖.ทหารส่วนอื่นๆ ขณะที่มีการแยกออกไปอีกในส่วนของทหารที่สังกัดกับ"ขุนศึก"ว่า ขึ้นกับสายของ"ผู้ใหญ่"ท่านใดและในส่วนของกองทัพเรือ อากาศ ที่แยกเป็น ๓ พวกคือ แดง,เหลือง และฝ่ายประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม"ทหารสายบาร์"ที่มี"นายทหาร"ลูกอดีต บิ๊กทหาร ยุค รสช.ที่มีกำลังผลแฝงสะสมเป็นจำนวนมากในรูปแบบ"บริษัทยาม"ที่มีอาณาจักรคุม แหล่งสถานบันเทิงทั้งเส้นรัชดา โดยสายนี้ เคยมีการประกาศไว้กับคนใกล้ชิดว่า หากมี"ความเปลี่ยนแปลง"จะเคลื่อนไหวใหญ่ในรูปแบบของการรัฐประหาร..โดยพร้อม เข้าร่วมกับฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วม


----------------


Create Date : 29 เมษายน 2554
Last Update : 29 เมษายน 2554

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง