@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน สถานการณ์การเมืองการทหารในช่วงนี้ว่า สถานการณ์มีความไม่น่าไว้วางใจในปรากฎการณ์"เชื่อมต่อ"ระหว่างเหตุการณ์"ภาย ในประเทศ"และ"นอกประเทศ"โดยเฉพาะสถานการณ์กับเพื่อนบ้านกัมพูชา..ที่เชื่อม โยงสถานการณ์ภายในประเทศไทย ที่มีการขยับเคลื่อนไหวของ"ฝ่ายอำนาจเก่า"ที่ต้องการสะสมกำลังเตรียมพร้อม รับกับ"ความเปลี่ยนแปลง"ที่จะเกิดขึ้นในห้วง ๒ สัปดาห์ที่จะถึงนี้..โดยมีปฏิกริยาสอดรับกับการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปต่าง ประเทศ รวมถึงการเคลื่อน"ทุน"ของ"ฝ่ายทุน"ทั้งฝ่าย"ทุนเก่า"และ"ทุนใหม่"ที่ไม่วาง ใจสถานการณ์ในประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึง ความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลระดับสูง ที่พูดถึงเรื่องสุขภาพล่าสุดของ"ผู้ใหญ่"ระดับสูงท่านหนึ่ง.. ที่อาจส่งผลกระทบกับภาพรวมของขั้ว
อำนาจที่เกาะเกี่ยวกันทางการ เมือง..แม้ว่าฝ่าย"ขุนศึก"จะมีการเตรียมการในเรื่องดังกล่าวมานานตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ แล้วก็ตาม แต่ปัญหาแทรกซ้อนที่มี"พ.ต.ท.ทักษิณ"มาเป็น"ตัวแปร"สนับสนุน"ผู้ใหญ่"อีก ท่านหนึ่ง ทำให้เกิดปัญหา
กระบวนการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนถ่าย"อำนาจ"ไม่เป็นไปตามแพลนที่"ขุนศึก"วางไว้
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า แพลนของ"ขุนศึก"มีการต่อเชื่อมกับอำนาจของ"ผู้ใหญ่"อีกท่านหนึ่งที่เคยปราก ฎตนอย่างชัดเจนในการเคลื่อนมวลชนฝ่ายเหลืองในห้วงหลังสถานการณ์ตึงเครียดใน รัฐบาล"สมัคร สุนทรเวช"และ"
สมชาย วงศ์สวัสดิ์"..โดยมีการกำหนดความเคลื่อนไหวสนับสนุน"ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งที่ กองทัพให้การยอมรับมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและเริ่มเด่นชัดใน ปี ๒๕๕๓ ที่ให้"พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์"เป็นผู้ดำเนินการทางมวลชนเพื่อให้ฝ่ายทหาร และบุคคลระดับสูงให้การสนับสนุน"ผู้ใหญ่"ท่านนี้..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ถึง"เงื่อนเวลา"ที่ฝ่าย"ขุนศึก"กำหนดไว้ ภายใต้การคาดการณ์กับสุขภาพของ"ผู้ใหญ่ระดับสูง"ท่านหนึ่ง..อยู่ในระยะ ๑๕ วันถัดจากนี้ ซึ่งอยู่ระหว่าง"รอยต่อ"การยุบสภาของ"นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ที่จะมีขึ้นหลังวันที่ ๕ พ.ค.๕๔ โดยเฉพาะมีการจับตาการเคลื่อนกำลังของกองทัพบก ภายใต้การนำของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"ผบ.ทบ.อย่างสมเหตุสมผล ในวันเสาร์ ที่ ๓๐ พ.ค.นี้ โดยอ้างสถานการณ์ชายแดนเขมรที่กำลังมีปาระยิงปะทะกัน ที่ทำให้กองทัพสามารถเคลื่อนกำลังได้อย่างสะดวก
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า เพื่อให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งอาจนำไปสู่แนวทางการ"ควบคุม อำนาจ"ระหว่าง"สุญญากาศการเมือง" ไม่ถูกสกัดขัดขวางจาก"มวลชน"ที่ต่อต้านกองทัพ อย่าง"เสื้อแดง"ทำให้เกิดการประสาน
ระหว่าง ดีเอสไอ.,กอ.รมน. กองทัพบก ตำรวจ และ กส.ทช. เคลื่อนไหวจับกุม"สถานีวิทยุ"ของคนเสื้อแดงหลายแห่งในช่วงกลางสัปดาห์ที่ ผ่านมา..โดย"สัญญาน"การประสานงานตรงจาก"พล.อ.ประยุทธ์"ไปยัง ผบ.ทบ. มีการเชื่อมต่อกับปฎิบัติการ"สั่งย้าย"ตำรวจระดับ ผกก.และรอง ผกก.หลายโรงพักในเขตนครบาง ๑-๙ โดยอ้างประเด็นทางด้านสังคม และนโยบาย"ทำสงครามกวาดล้างยาเสพติด"ของ"นายกอภิสิทธิ์"ที่ตีคู่กันไปอย่าง เงียบๆกับข่าวการรบในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร เช่นเดียวกับการอนุมัติงบซื้ออาจำนวนมาก การสรรหา สว.สาย สนช.,คมช. และ แต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับคุมกำลังใน ทบ.ช่วงสัปดาห์ก่อน ภายใต้ข่าว"ปฏิวัติ"ที่ลือกันต่อเนื่องหลัง"ระบบสัญญานไทยคม"ล่ม(ที่มี รายงานว่าเป็นการ"ประลองกำลัง"กันเป็นครั้งแรกในเชิงเทคโนโลยีระหว่างฝ่าย กองทัพกับจนท. โดยมีเงื่อนปมสาเหตุมาจากการที่"ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งต้องการให้นำเทปของ" ผู้ใหญ่"ท่านนี้มาออกอากาศซ้ำและให้ยิงไปทุกสถานีโทรทัศน์ทั้งฟรีทีวี และดาวเทียมท้องถิ่นทั้งระบบผ่านเครือข่ายสัญญานโดยไทยคม)
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่าสถานการณ์ก่อนการเปลี่ยนแปลงใหญ่..ที่มีการ"ตระเตรียม"สะสมกำลัง มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ต้องพึ่งพาบทบาทของ"กอง ทัพ"โดยเฉพาะปฏิบัติการก่อนการปะทะ ที่มีเบื้องหลังโยงไปสู่ ประเด็น"การสร้างสถานการณ์"ภายใต้คำสั่งลับจาก"หน่วยเหนือ"ที่สอดรับกับ สถานการณ์ปัจจุบัน ที่กำลังพลแนวหน้าการรบ ถูกสั่งให้รั้งรอที่จะปฏิบัติการทำสงครามเต็มรูปแบบกับฝ่ายเขมร..ทั้งที่ ด้านกำลังอาวุธฝ่ายไทยเหนือกว่าโดยมีปืนใหญ่ยิงระยะไกล(ซีซาร์'ปืนใหญ่อัตตา จร-ผลิตจากสหรัฐ)ที่สามารถยิงตลบแนวหลังที่ตั้งยิงของ BM21(เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ขนาด 122 มม. ติดตั้งบนรถบรรทุก Ural-375D ระยะยิงหวังผล ๒๐ กม.ซึ่งผลิตจากประเทศจีน) จากฝ่ายเขมร ได้เนื่องจากมีวิถีการยิงหวังผลอย่างแม่นยำในระยะ ๔๐ กม.แต่ก็ไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึง จรวดนำวิถี ยางบูม ที่มีการพัฒนาขึ้นและติดตั้งไว้ที่ อ.สัตหีบ ซึ่งสามารถยิงหวังผลแม่นยำได้ถึงกรุงพนมเปญ
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า มีรายงานทางการทหาร อ้างว่า ทั้งฝ่ายไทยและเขมร ต่างมีอาวุธ จรวดพิสัยไกลสามารถยิงมาถึงพนมเปญ-กรุงเทพได้ โดย ในส่วนของเขมรนั้นไม่ใช่มีแต่เพียง BM21 ที่กำลังยิงปูพรมในช่วงตั้งแต่วันที่ ๒๒ เม.ย.จนถึงเที่ยงวันที่ ๒๘ เม.ย.ที่มี"ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว"ของ ๒ ฝ่าย เท่านั้น โดยกองทัพเขมรที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหลายประเทศที่เข้าไปมีผลประโยชน์ใน ทรัพยากรธรรมชาติ ยังมี PF-89 Chinese Armbrustเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง (คจตถ) ขนาด 80มม. รุ่นใหม่จากจีน ระยะยิงหวังผล 200 ม.อานุภาพสูง เทียบเท่า M136 AT-4 USA.ที่ไว้รับมือรถถังไทยทุกรุ่น เพื่อเสริมและทดแทน RPG-7 ที่เขมรยังมีอยู่จำนวนมาก, FN-6 หรือ FeiNu-6 หรือ HongYing 6 Surface to Air Missile ขีปนาวุธนำวิถี พื้นสู่อากาศ 80 มม.ล่าสุดจากจีน กองร้อยขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน ที่ผู้นำกัมพูชาเคยประกาศว่าสามารถจัดการกับเครื่องบินไอพ่นและอากาศยานทุก ลำที่ล่วงละเมิดน่านฟ้าประเทศเขมร ยังไม่นับรวม SA-7Grail, HN-5, FN12/16 จำนวนมาก และ C-125M(SA-3) ขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานอีก33ระบบ และยังมี BM-13, BM-14 ,Type63 (ซึ่ง กองทัพเขมร มีในครอบครองกว่า 20,000 ลูก (ราคาลูกละ 3,000 us$))
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า หลายฝ่ายมีความกังวลว่า สถานการณ์ชายแดนเขมรที่เกิดขึ้น อาจลุกลามบานปลายมาถึงความมั่นคงที่ศูนย์กลางอำนาจกรุงเทพฯประเทศไทย(เนื่อง จากทั้ง๒ฝ่ายต่างมีอาวุธที่มีศักยภาพทำลายล้างสูงที่แม่นยำและสามารถยิงระยะ ไกลในระดับดังกล่าว) เพราะทั้งฝ่ายการเมือง รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกองทัพ มีท่าที"แข็งกร้าว"โดยอ้างเหตุปัญหา"เขตแดน"ที่จะนำไปสู่"เงื่อนไข"ของ สงครามระหว่างสองประเทศ แต่เมื่อเกิดเหตุยั่วยุและยิงตอบโต้ระหว่างกันจนมีกำลังพลสองฝ่ายบาดเจ็บ เสียชีวิต และชาวบ้านได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งที่ตามหลักกติกา สามารถใช้มารตการปราม เพื่อนำไปสู่ การพูดคุยหรือ"เจรจาหยุดยิง"ได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีการดำเนินการ ขณะเดียวกันท่าทีที่ไม่ชัดเจน ทำให้กำลังพลฝ่ายปฏิบัติในสนามรบอยู่ในภาวะ"ตึงเครียด"กับการ"ตั้งรับ"ที่ ยืดเยื้อและสูญเสียแนวถอยร่นของตำบลกระสุนตกเข้ามาเรื่อยๆ
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า การเดินทางไปจีนของ"พล.อ.ประวิตร"มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เพราะทราบว่าเขมรมีการขอให้"จีน"ช่วยเหลืออย่าให้ไทยรุกราน ซึ่งจีนก็ต้องการใช้"เขมร"ถ่วงดุลเช่นเดียวกับกรณีพม่า ขณะ
เดียวกัน จีนก็ได้รับผลประโยชน์จากการเข้าไปขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเขมร เช่นเดียวกับ มหาอำนาจจากยุโรป ฝรั่งเศส และอังกฤษ ดังนั้นภายใต้"ผลประโยชน์"ที่เขมรนำประเทศเหล่านี้มา"ถ่วงดุล" จึงมีการประเมิน ว่า ไทยจึงยากที่จะรบกับเขมรชนะ แม้กระทั่งในการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นเวทีอาเซียน หรือเวทียุโรป ยูเอ็น ศาลโลก หรือเวทีใดๆ ทำให้มีการวิจารณ์กองทัพและรัฐบาลไทยว่า"เสียท่า"ให้กับเขมรแล้ว..ซึ่ง สถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลเองก็ทราบดี แต่ด้วยเงื่อนไข ของความเปลี่ยนแปลงทาง"อำนาจ"ที่จะเกิดขึ้นในประเทศในห้วงเดือนพฤษภาคมนี้ ทำให้ มีการยื้อสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งแพลนนี้ ทำให้"เนวิน ชิดชอบ"เปรยกับลูกพรรค"ภูมิใจไทย"ว่าอาจไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แม้จะมีการยุบสภาในห้วงต้นเดือนพฤษภาคม..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่าปฏิบัติการบุกจับยึดสถานีวิทยุชุมชนของคนเสื้อแเดง ที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญานความตึงเครียดชายแดนไทยเขมรนั้น มีสัญญาน"เอาจริง"อย่างเด็ดขาด จาก "ผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งซึ่งไม่พอใจอย่างมาก ผ่านมายัง"ขุนศึก"และส่งผ่านการปฏิบัติการไปสู่กองทัพ..ภายใต้"พล.อ. ประยุทธ์"และผบ.เหล่าทัพ โดยอ้างประเด็นการกล่าวบนเวทีของ"จตุพร พรหมพันธ์"(๑๐เม.ย.)ที่มีเนื้อหารุนแรงเข้าข่ายความผิดทางอาญา ม.๑๑๒ โดย"สัญญาน"ดังกล่าวทำให้มีการปฎิบัติการของหน่วยงาน กอ.รมน.ที่ ถูกวางโครงสร้างใหม่ขนาดใหญ่ โดย"พล.อ.ประยุทธ์"ตั้งแต่ช่วงยังเป็นเสธ.ทบ. โดยมีการส่งคน"ประกบ"แกนนำคนเสื้อแดงที่มีบทบาท..พร้อมๆกับการส่งสัญญานเอา ถึงชีวิตลามไปยัง"ลูก-หลาน"ของแกนนำบางราย จนต้องส่งบุตรหลานไปอยู่ต่างประเทศ และระวังการเคลื่อนไหวมากขึ้น
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า "ผู้ใหญ่"ท่านดังกล่าวไม่พอใจ"จตุพร"จากประเด็นการเปิด"ข้อมูลลับ"ชิ้นหนึ่ง ที่โยงใยไปถึง"อดีตผู้ใหญ่"ท่านหนึ่งซึ่งเคยลี้ภัยการเมืองไปอยู่ที่ประเทศ อังกฤษ และเสียชีวิตที่นั่น โดยประเทศอังกฤษจะมีการนำคดีต่างๆออกมาชำระเปิดเผยทุก ๕๐ ปี ซึ่งกรณีนี้ มีการนำมาเผยแพร่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่บุคคลระดับสูง ถึงเงื่อนงำแห่งคดี ที่โยงใยไปถึง"ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง"ที่"ผู้ใหญ่ท่านดังกล่าว"เคารพอย่างสูง ว่า อาจมีความเกี่ยวข้อง เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุในยุคสมัยนั้น...ซึ่งหากข้อมูลนี้ถูกขยายวงจะมีผล กระทบกับ"ผูใหญ่ท่านดังกล่าว"อย่างมาก ..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า กรณีดังกล่าว ทำให้เกิดแนวรุกอย่างดุดันของ"พล.อ.ประยุทธ์"และฝ่ายกองทัพที่มีการ"ตบเท้า" ในหน่วยทหารอย่างต่อเนื่องก่อนเกิดสถานการณ์รบกับเขมร และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้"พล.อ.ชวลิต"ผละออกจากพรรคเพื่อไทย เพื่อ"ตั้งหลัก"กับ"สัญญาน"ที่ถูกส่งตรงถึงตนเอง ว่าหากต้องการมีชีวิตในบั้นปลายในประเทศหลังจากนี้"ให้ถอนตัว"มิฉะนั้นจะไม่ ได้มีบั้นปลายในประเทศ..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ปฏิบัติการของ"เสื้อแดง"ในรูปแบบการ"รุกฐาน"มวลชน ช่วงชิงเอาชนะทางการเมืองจาก"ขั้วอำนาจเก่า"ที่มีการหยิบดึงสถาบันมีต่อสู้ ทางการเมือง ส่งผลอย่างรุนแรงและกว้างขวาง หลังจากเกิด
เหตุการณ์ พ.ค.๒๕๕๓ มาก โดย เป้าหมายของเสื้อแดง ไม่ได้แต่เพียงให้"นายกอภิสิทธิ์"ยุบสภา แต่เป้าอยู่ที่ การรวมประชาชนจำนวนมากให้นับล้านคน เพื่อเคลื่อนไหวกดดัน"ขุนศึก"และคณะจากกรณีต่างๆซึ่งถือเป็นการทำลายความน่า เชื่อถือของคณะองคมนตรีและบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงลามไปถึง"ผู้ใหญ่"..ซึ่งการ"รุกทางการเมือง"ดังกล่าวภายใต้บทบาทของ" ธิดา ถาวรเศรษฐ"ภริยา"เหวง โตจิราการ"ส่งผลสะเทือนอย่างรุนแรงมากกว่าแนวทางการต่อสู้แบบเดิมของ"คน เสื้อแดง"โดยเฉพาะ การสามารถรวมมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่แยกออกจาก"มวลชน"ที่สนับสนุนพรรคเพื่อ ไทย "พ.ต.ท.ทักษิณ"ได้อย่างชัดเจน โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวผ่านการให้"ข้อมูล"และการให้ความ รู้ด้าน"อำนาจ"ของประชาชน ผ่านโรงเรียนการเมือง แบบที่ พรรคคอมมิวนิสต์เคยดำเนินการในอดีต ซึ่งตีคู่ไปกับการเคลื่อนไหวบทความ ทางโลกออนไลน์อย่าง"ดุดัน"กระทั่งถูก"หมายหัว"ของ"อ.สมศักดิ์ เจียมสกุล"
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า จุดบรรจบของสถานการณ์ที่"เสื้อแดง"ประเมินว่าจะถึงจุด"อิ่มตัว"ของสถานการณ์ บ่มเพาะความไม่พอใจของมวลชนที่ขยายฐานผ่านการกระจายให้ความรู้ความเข้าใจ เรื่องโครงสร้างอำนาจการเมือง
การปกครองไทย นั้น ถูกเชื่อมต่อกับภาพสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถูกผลกระทบจากปัญหาน้ำมันประเทศ ตะวันออกกลาง ภัยธรรมชาติ ที่กระทบญุ่ปุ่น ประเทศที่มีกำลังซื้อรายใหญ่ และปัญหาศักยภาพการบริหารนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล"อภิสิทธิ์"ที่มี กลุ่มผลประโยชน์(ฝ่ายทุนเก่า) และบุคคลระดับสูง อินไซต์ข้อมูล ถูกสรุปเป็น"ผลกระทบ"กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่เริ่มปรากฎวาทกรรม"ข้าวยากหมากแพง..ขโมยขะโจรชุกชุม"ขยายวงไปมากขึ้น เรื่อยๆ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ฝ่ายแดงประเมินว่า เป็นจังหวะที่อาจนำไปสู่ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงโดยพลังความไม่พอใจของประชาชนที่ได้รับความเดือด ร้อน ซึ่งพลังเหล่านี้จะถูกหันเหเข้าใส่"อำนาจ"ที่อยู่เบื้องหลังของเบื้องหลัง" อำนาจ"ของรัฐบาลปัจจุบัน อย่างรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช่วงจังหวะเวลาเชิงสัญลักษณ์ความเปลี่ยน แปลงทางการเมือง ในเดือนพฤษภาคม
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงาน ว่า ตั้งแต่หลังเหตุการณ์กลางปี ๕๓ กองทัพมีความไม่เป็นเอกภาพกันระหว่างนายทหารไม่ต่ำกว่า ๕ ฝ่าย ที่มีแนวคิดจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในห้วงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น๑.ทหารที่เห็นด้วยกับพล.อ.ชวลิต ๒.พล.อ.สุจินดา ๓.จปร.๗ ๔.ตท.๑๐ ทักษิณ ๕.พล.อ.เปรม ๖.ทหารส่วนอื่นๆ ขณะที่มีการแยกออกไปอีกในส่วนของทหารที่สังกัดกับ"ขุนศึก"ว่า ขึ้นกับสายของ"ผู้ใหญ่"ท่านใดและในส่วนของกองทัพเรือ อากาศ ที่แยกเป็น ๓ พวกคือ แดง,เหลือง และฝ่ายประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม"ทหารสายบาร์"ที่มี"นายทหาร"ลูกอดีต บิ๊กทหาร ยุค รสช.ที่มีกำลังผลแฝงสะสมเป็นจำนวนมากในรูปแบบ"บริษัทยาม"ที่มีอาณาจักรคุม แหล่งสถานบันเทิงทั้งเส้นรัชดา โดยสายนี้ เคยมีการประกาศไว้กับคนใกล้ชิดว่า หากมี"ความเปลี่ยนแปลง"จะเคลื่อนไหวใหญ่ในรูปแบบของการรัฐประหาร..โดยพร้อม เข้าร่วมกับฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วม
----------------
Create Date : 29 เมษายน 2554 |
Last Update : 29 เมษายน 2554 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น