บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

ถึงเวลาหรือยังที่จะปฏิวัติประเทศไทย

ประเทศไทยของเรามีจุดแข็งมากมายซึ่งอาจได้แก่ ทำเลที่ตั้งของประเทศที่ได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ และภูมิเศรษฐศาสตร์ของโลกตะวันออกเฉียงใต้และของโลก

เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เข้มแข็งและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติได้เป็นอย่างดียิ่ง แม้เราจะมีความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และลัทธิความเชื่อ แต่ก็ไม่มีความแตกแยกแต่อย่างใด

คนไทยโดยธรรมชาติแล้วมีศักยภาพพร้อมที่จะได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสมอยู่เสมอ เรามีขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมที่เกื้อกูลต่อการสร้างความรักและความสามัคคีกับมวลมนุษยชาติทั่วโลก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็มีจุดอ่อนที่สำคัญและพร้อมจะเป็นสาเหตุที่จะนำไปสู่การทำลายล้างจุดแข็งที่เรามีอยู่ให้ย่อยยับไปในชั่วพริบตาเดียวเช่นกัน

จุดอ่อนหรือปัญหาทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม แรงงาน หรือแม้แต่กิจการสาธารณสุขของประเทศ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาติ ความยากจนของคนส่วนใหญ่ ความเหลื่อมล้ำทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมโดยทั่วไปของประชาชน ล้วนมีสาเหตุมาจากการทุจริต คอร์รัปชันของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนที่มีอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้าง การอนุญาต การอนุมัติ การให้สัมปทานในรูปแบบต่างๆ การร่วมมือกับพ่อค้านักลงทุนเพื่อการกักตุนสินค้า การขนของหนีภาษีเข้าประเทศ และการขายชาติขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ เป็นต้น

สาเหตุหรือแรงจูงใจประการสำคัญของการทุจริตและคอร์รัปชันของฝ่ายการเมืองก็คือ การกักตุนทุนสามานย์ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการทางการเมืองทั้งการได้มาซึ่งอำนาจที่จะต้องซื้อสิทธิ์ขายเสียง การโกงการเลือกตั้งและการใช้อิทธิพลซึ่งต้องมีทุนสามานย์เป็นตัวตั้ง การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจที่ต้องใช้เงินเป็นตัวตั้งเช่นเดียวกัน

จึงอาจกล่าวได้ว่าสาเหตุหรือแรงจูงใจที่จะกระทำการมิดีต่อชาติบ้านเมืองดังกล่าวก็คือ กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยในคราบของธนาธิปไตย นั่นเอง

ตราบใดที่กระบวนการจัดการและการควบคุมการเลือกตั้งยังอ่อนแอและสามารถซื้อขายได้ดังที่เป็นมาและที่เป็นอยู่เช่นนี้ ตราบใดที่กระบวนการควบคุมการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองยังย่อหย่อนและแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกับผู้ใช้อำนาจในการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส., ส.ว. หรือแม้แต่องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทั้งหลายดังที่เป็นมา และที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็อย่าหวังว่าความมั่นคงความมั่งคั่งของประเทศชาติและความอิ่มปากอิ่มท้องของประชาชนส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นได้จริง

แม้ว่ารัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะได้กำหนดบทลงโทษไว้อย่างหนักและอย่างกว้างขวางทั้งการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจ แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ไร้ผลไม่สามารถเอาคนที่ทุจริตคอร์รัปชันมาลงโทษได้อย่างกว้างขวางและมากพอที่จะเป็นเยี่ยงอย่างจนสามารถยับยั้งการทุจริตคอร์รัปชันของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางพวกได้แต่อย่างใด

ไม่มีพรรคการเมืองใดและไม่มีการเลือกตั้งระดับใดที่จะไม่ใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ เมื่อเข้ามามีอำนาจแล้วก็จะต้องรีบตะกรุมตะกรามทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบเพื่อถอนทุนและกักตุนทุนสามานย์ไว้เพื่อการได้มาซึ่งอำนาจในโอกาสต่อไป และเมื่อจะต้องถูกตรวจสอบการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลก็จะต้องใช้ทุนสามานย์ที่ได้มาโดยทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น เพื่อปิดปาก ปิดหู ปิดตาผู้ตรวจสอบอีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าต้นตอของปัญหาทั้งหลายทั้งปวงของประเทศนั้นมาจากกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่น รวมทั้งข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคน

คำถามเชิงการวิจัยของผู้เขียนที่ต้องการแสวงหาคำตอบร่วมกันของสังคมก็คือ

1. การได้มาซึ่งอำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่นที่สุจริตและเที่ยงธรรมควรมีลักษณะอย่างไร

2. มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อสภาพการได้มาซึ่งอำนาจของฝ่ายการเมือง ทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่นที่สุจริตและเที่ยงธรรมนั้นๆ

3. การใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนที่ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันควรมีลักษณะอย่างไร

4. มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อสภาพการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนที่ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน

5. ประสิทธิผลการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนควรมีลักษณะอย่างไร

6. มีปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมือง ทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคน

ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งชาติจะต้องเข้ามาช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรจึงจะสามารถแสวงหาคำตอบคำถามเชิงการวิจัยของผู้เขียนเพื่อตัดวงจรอุบาทว์ในกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจ การใช้อำนาจและการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำบางกลุ่มบางคนได้อย่างแท้จริง

ถ้าทำได้เช่นนี้ก็จะได้ชื่อว่าเราสามารถปฏิวัติประเทศไทยได้จริง และเมื่อนั้นแหละพวกเราก็จะได้ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปว่า ประเทศของเราจะล้าหลังกว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศใดๆ ในโลก

ทั้งนี้เพราะคนไทยมีศักยภาพไม่แพ้ชนชาติใดๆ ในโลกนั่นเอง เพียงแต่รอเวลาของการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่หรือการปฏิวัติประเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสมเท่านั้น

กราบหัวใจงาม... “วีระ – ราตรี” ... โดย สำราญ รอดเพชร

กราบหัวใจงาม... 71 วันของ “วีระ – ราตรี” 44 วันการชุมนุม...
โดย สำราญ รอดเพชร 9 มีนาคม 2554 19:32 น.

“คนเรามีหลายชาติพันธุ์ผสมปนเปกัน แต่มันมีสำนึกมาตุภูมิสำนึกท้องถิ่นร่วมกัน คุณเกิดเมืองนี้ คุณจะตายเมืองนี้ แต่มันมีความหลากหลายได้ใช่ไหม คุณเกิดในประเทศไทยต้องสำนึกตรงนี้ นี่คือเรื่องธรรมดา มีความหลากหลายในเผ่าพันธุ์แต่มีความสำนึกในแผ่นดินเกิดร่วมกัน คุณเกิดบ้านไหนต้องรักบ้านเกิด นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ที่มีนักประวัติศาสตร์บางประเภทที่บอกว่าเราไปดูถูกเขมรเพราะเอาพฤติกรรมสมัยจอมพล ป. มาพูด เวลานี้มันหมดไปแล้วก็ยังไปขุดขึ้นมา คนไทยมันไม่มีพวก “ชาตินิยม” กับพวก “คลั่งชาติ” หรอก มันมีแต่พวก “รักชาติ” กับพวก “ขายชาติ” เท่านั้นเอง และผมประกาศตัวเต็มที่ว่าผมเป็นคนรักชาติรักแผ่นดินเกิด”



รศ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม/ กรุงเทพธุรกิจ (จุดประกาย) 3 มี.ค. 2554



ถึงวันนี้ (10 มี.ค. 2554) คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย (กลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดิน) ภายใต้การเริ่มต้นจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ชุมนุมปกป้องแผ่นดิน –อธิปไตยกรณีความขัดแย้งกัมพูชามาแล้ว 44 วัน (เริ่ม 25 ม.ค. 2554) แต่ 3 ข้อเรียกร้องถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงจากรัฐบาลอภิสิทธิ์



ขณะที่คุณวีระ สมความคิด กับคุณราตรี...........................ถูกกัมพูชาจับกุมคุมขัง (29 ธ.ค. 2554) มาแล้ว 71 วัน รัฐบาลยังไม่สามารถสำแดงพลังให้เห็นได้ว่าจะช่วยเหลือ “วีระ-ราตรี” ในช่องทางพิเศษได้อย่างไรบ้าง ส่วนช่องทางปกติ (ขอพระราชทานอภัยโทษ) นั้น “ฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชาบอกแล้วว่าต้องรับโทษก่อนอย่างน้อย 2 ใน 3 จึงจะทำได้....



สถานการณ์ในวันนี้ผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเชีย (ตามมติของยูเอ็นเอสซี-อาเซียน) กำลังรอวันย่างสามขุมสังเกตการณ์พื้นที่ปราสาทพระวิหารที่กองกำลังเขมรยึดครองอยู่เป็นส่วนใหญ่ด้วยกองกำลังชุมชน วัด และสิ่งปลูกสร้าง...โดยทางกายภาพถือว่าไทยเราเป็นรองกัมพูชามาก



หลังเที่ยงคืนวันอังคารหรือเริ่มวันใหม่ของวันที่ 9 มี.ค. ผมไปร่วมเป็นวิทยากรปราศรัยบนเวทีมัฆวานฯ ได้ถือโอกาสพูดเรื่อง ความสำคัญของธงชาติไทยที่เคยรักษาดินแดนบางส่วนเอาไว้ได้และกุศโลบายบางอย่างที่สามารถรักษาดินแดนของเราเอาไว้ได้ โดยการพูดมีแรงบันดาลใจมาจากอดีตข้าราชการระดับสูงท่านหนึ่งที่ได้เขียนบทความส่งอีเมลไปให้ผม แต่ไม่ทราบหลงหูหลงตาไปได้อย่างไรผมเพิ่งเห็น...ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรผมถือว่ายังเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นประโยชน์มาก ประการสำคัญที่น่าปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมากก็คือ บ้านเราเมืองเรายังมีข้าราชการที่ยังรับราชการ และเกษียณไปแล้วยังหวงแหนแผ่นดินและอธิปไตยของประเทศ



ลองอ่านดูนะครับ...



0 0 0 0 0 0 0 0 0



ธงชาติกัมพูชาบนวัดแก้วสิกขาคีรีฯ สำคัญอย่างไร



ตามที่สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพการประดับธงชาติกัมพูชาบนวัดแก้วสิกขาคีรีฯ และบางฉบับระบุเอาเป็นเอาตายกับการติดธงดังกล่าวว่า จะเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนของไทยในอนาคตในพื้นที่เขาพระวิหาร และถูกผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายการเมืองตอบโต้ว่า เป็นเพียงธงงานวัดและไม่ให้ความสำคัญนั้น



วันนี้จะเล่าเรื่องในอดีตเกี่ยวกับธงและสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตย เพื่อเป็นข้อคิดควรระวัง เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจรับอนาคตและแสวงหาทางหนีทีไล่กันต่อไป



ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในช่วงที่ประเทศเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคม และถูกอังกฤษกดดันที่จะเอาดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องดินแดนอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ในครั้งนั้น อังกฤษต้องการตัดแบ่งพื้นที่อำเภอตากใบไปเป็นส่วนหนึ่งของมลายูในบังคับของอังกฤษ แต่เดชะบุญ ที่สุดเขตชายแดนอำเภอตากใบในเวลานั้น มีวัดพุทธวัดหนึ่งชื่อ วัดชลธาราสิงเห (ซึ่งวัดดังกล่าวนี้ วันนี้ก็ยังเป็นประจักษ์พยานอยู่) และวัดดังกล่าวติดธงชาติไทยไว้ อันสาเหตุให้ทางการไทยอ้างต่ออังกฤษว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากมีวัดไทยและติดธงชาติไทย ทำให้อำเภอตากใบยังคงเป็นส่วนหนึ่งของไทย



ในเรื่องที่สอง เกี่ยวกับคุณลักษณะของความเป็นรัฐไทย ในการแบ่งแยกจังหวัดสตูลออกจากรัฐไทรบุรี (เคดะห์) ตลอดจนเกาะแก่งต่างๆ ในทะเลอันดามันนั้น ผู้ปกครองของไทยในอดีตที่มีสายตาก้าวไกล ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าและไม่ได้ละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ออกไปเลย ผู้ว่าราชการจังหวัดได้อพยพโยกย้ายชาวเลจากจังหวัดกระบี่จำนวนหนึ่งให้ไปตั้งรกรากบนหมู่เกาะตะรุเตา อันเป็นข้อชี้แจงที่มีน้ำหนักมากของไทยในการไม่ยอมยกหมู่เกาะตะรุเตาให้เป็นส่วนหนึ่งของเกาะลังกาวีของมลายูที่อยู่ใกล้กับเกาะตะรุเตาอย่างมาก โดยมีข้อชี้แจง (ข้ออ้าง) ว่า หมู่เกาะตะรุเตาดังกล่าวเป็นของไทยอย่างแน่นอน เพราะว่ามีชาวเลไทอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว สายตาอันยาวไกลดังกล่าว ทำให้ไทยไม่ต้องเสียหมู่เกาะตะรุเตาให้อังกฤษ



สุดท้าย กรณีพระวิหาร หากยังจำกันได้ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จเยือนพระวิหาร ซึ่งในครั้งนั้น ฝรั่งเศสได้ทำเหมือนพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการจากข้าหลวงฝรั่งเศสของจังหวัดกัมพูชา มีการชักธงชาติฝรั่งเศส และมีการถ่ายภาพนี้ไว้และทรงประทานภาพนี้ให้เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส และภาพนี้เองได้กลายเป็นหลักฐานพยานของฝ่ายกัมพูชาในการบรรยายฟ้องและนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยแพ้ในคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลก โดนศาลโลกระบุว่า เป็นการยอมรับโดยปริยายจากฝ่ายสยามในอธิปไตยของกัมพูชาเหนือพระวิหาร โดยไม่ได้คัดค้าน หรือมีปฏิกิริยาใดๆ เพื่อยืนยันและรักษาสิทธิของไทย



ฉันใดก็ฉันนั้น กลับมาที่ธงชาติกัมพูชาบนวัดแก้วสิกขาคีรีฯ ภาพนี้จะกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่ทิ่มคนไทยในการต่อสู้เรื่องอธิปไตย และอาณาเขตเหนือพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีฯ ว่า เป็นของไทยหรือกัมพูชา ตัวอย่างที่เล่าสู่กันวันนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารได้ตระหนักไว้ว่าธงชาติไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือเรื่องเล็กๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจ รวมทั้งการที่ข้าราชการผู้ใหญ่และนักการเมืองไทยที่เดินทางไปพระวิหาร และออกข่าวทำนองว่าต้องประสานขออนุญาตกัมพูชา ทำให้น่าเป็นห่วงว่า นักการเมืองและข้าราชการบางท่านมองเห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องเล็กไปหมด แล้วจะเสียดินแดนแน่นอน



“น. เมืองนนท์”



0 0 0 0 0 0 0 0 0



ครับ นั่นคือข้อเขียนของอดีตข้าราชการระดับสูงที่เคยทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล



อีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมได้พูดจาปราศรัยในคราวเดียวกัน คือ ข้อเสนอกลางอากาศให้คณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินซึ่งบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็น “คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย” ได้นำไปพิจารณาขับเคลื่อนก็คือ...จดหมายเปิดผนึกถึงประธานอาเซียน/รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นโต้โผใหญ่ส่งคณะผู้สังเกตการณ์มาที่กัมพูชาและประเทศไทย คาดว่าจะป็นข่าวใหญ่ในอีกไม่นานนี้ และก็ดังที่ทราบๆ กันว่ากรณีผู้สังเกตการณ์ไม่น่าจะเป็นผลบวกกับประเทศไทย ดังนั้นควรจะได้กดดัน-ดักทางอินโดนีเซียไว้ด้วยความแข็งแรงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คุณต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอย่างไร ฯลฯ



อันที่จริงแง่มุมข้อเสนอดังกล่าว ผมได้มาจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนไทยซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ 2-3 คน และเราเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่าตอนเช้ามืดเมื่อวาน (9 มี.ค.) ท่านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย โทรศัพท์ไปขอบคุณผมว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอ...



ก็เล่าสู่กันฟังแก้เซ็ง ในวันที่สังคมไทยโดยเฉพาะนักการเมืองลายครามเกร็ดลายงาแตกทั้งหลายแทบจะไม่ได้นำพากับปัญหาดินแดนอธิปไตยของชาติ...เพราะในห้วงเวลาเช่นนี้ชาติและความมั่นคงของพวกเขาอาจจะอยู่ที่งานระดมทุนเพื่อการเลือกตั้ง อยู่ที่การทิ้งทวนทิ่มแทงประเทศในโครงการสำคัญๆ เท่านั้น...



ขอกราบหัวใจงาม หัวใจแห่งการยืนหยัดต่อสู้ของคุณวีระ คุณราตรี และพี่น้องที่หวงแหน “ราชอาณาจักรไทย” ทุกท่านครับ

แผนที่ ๑:๒๐๐๐๐๐๐โดย Thepmontri Limpaphayom

แผนที่ ๑:๒๐๐๐๐๐๐โดย Thepmontri Limpaphayom ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 23:13 น.


ผมขอทำความเข้าใจให้ถ่องแท้อีกสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องแผนที่ ๑:๒๐๐๐๐๐ ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๓และบันทึกข้อความลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๓ ก่อนลงนาม MOU43 ที่กัมพูชาในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๓ มีข้อความสำคัญ กล่าวว่าพื้นฐานทางกฏหมายซึ่งผูกพันกฏหมายระว่างประเทศ ๑.อนุสัญญา ๑๙๐๔ ๒.สนธิสัญญา ๑๙๐๗และ ๓.แผนที่ที่เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปัน ความเข้าใจที่ต่อเนื่องสัมพันธ์ก็คือ แผนที่เก๊ที่ว่านั้นเป็นผลงานจากอนุสัญญาและสนธิสัญญาดังกล่าว เพราะมีการตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาล้อตามอนุสัญญาและสนธิสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ ชุดแรกได้สร้างแผนที่ ๑๑ ระวาง ชุดที่ ๒ สร้างแผนที่ ๕ ระวาง แผนที่ชุดแรก ๑๑ ระวาง พิมพ์เสร็จแล้วส่งกลับมาไม่ได้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการฯและไม่ได้ลงนาม จึงไม่สมบูรณ์ ผมเรียกว่าเก๊ ส่วนชุดที่ ๒ สร้างแผนที่ ๕ ระวาง เพื่อแสดงหลักเขต แต่เมื่อ พิมพ์เสร็จแล้วไม่มีมาตราส่วน และไม่มีสัญลักษณ์หลักเขตที่ ๑-๗๓ ในแผนที่ ดังนั้นแผนที่ทั้งหมดถือเป็นแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์หรือเก๊ เมื่อกัมพูชานำแผนที่ระวางดงรัก ในแผนที่ ๑๑ ระวาง กัมพูชาได้อ้างว่าแผนที่ชุดนี้คือผลงานของคณะกรรมการฯ นำไปฟ้องไทยเรื่องปราสาทพระวิหาร ศาลโลกไม่ได้พิจารณาแผนที่และผู้พิพากษาบางท่านลงความเห็นว่าเส้นเขตแดนที่ปรากฏบนแผนที่ไม่ถูกต้อง แถมยังไม่ได้ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการฯจึงไม่ได้มีการตรวจความถูกต้องและไม่ได้ลงนาม ด้วยเหตุนี้ใครก็ตามพยายามที่จะบิดเบือนผมถือว่าต้องทำการศึกษาให้ถ่องแท้ อนึ่งมีผู้นำหนังสือนำส่งแผนที่ ๕๐ ชุด ลงนามโดย ม.จ.จรูญศักดิ์ กฤษดากร มาทำการเผยแพร่และบอกว่าไทย/สยามยอมรับ แต่ความจริงแล้วเราต้องกลับไปดูรายงานการประชุมและความไม่สมบูรณ์ความถูกต้องของแผนที่ ตั้งแต่แรกเริ่มไม่ใช่ไปหยิบบางประเด็นในการบรรยายฟ้องของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้อธิบายแก้ฟ้องเหล่านี้ไปแล้วในการโต้แย้งกันตอนขึ้นศาลโลกปรากฏตามหลักฐานของบันทึกท้ายฟ้อง หาดูได้ในเว๊ปไซด์ ICJ ขอบคุณนะครับ ถ้าใครมีความเห็นหรือไม่เข้าใจตรงไหนถามมานะครับ


เพื่อนๆเจอใครนำแผนที่เก๊หน้าตาเป็นแบบนี้ ขอให้ใช้ยุทธวิธีในการฉีกแผนที่ ไม่มีความผิดทางกฏหมายเพราะไม่ได้ลงนามโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีน(เฉพาะฝรั่งพวกนี้ตายห่าไปหมดแล้ว) ใครมาเถียงเข้าข้างเขมร เข้าไปตบปากหรือต่อยมันถูกปรับไม่เกิน ๑๐๐๐ บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะแผนที่นี้จะทำให้เราเสียแผ่นดินของพระเจ้าอยู่หัว

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง