บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

clip แสวงหาความจริงเขาพระวิหาร


MusicPlaylistView Profile
Create a playlist at MixPod.com

เมืองใหม่กาสิโน ผุดรับมรดกโลก เขาพระวิหาร

เมืองใหม่กาสิโน ผุดรับมรดกโลก เขาพระวิหาร

เขาพระวิหาร

          การอภิปรายถามรัฐบาลกรณีเขาพระวิหาร โดยเปิดประเด็นถึงท่าทีของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิด "ช่องตาเฒ่า" ที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ในการชี้เป็นชี้ตายของการได้ประสาทพระวิหารอย่างสมบูรณ์ของกัมพูชา โดยไม่ต้องพึ่งทางขึ้นฝั่งไทย ของ พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ส.ว.พิษณุโลก ถือเป็นอีกประเด็นที่ฉายให้เห็น "ผลประโยชน์เบื้องต้น" และการเตรียมการของคณะบุคคลหลายสัญชาติ ในการผลักดันเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก

          
"ช่องตาเฒ่า" อ.กันทรลักษ์ เป็นช่องทางเข้า-ออก ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หากเดินทางเข้าเขาพระวิหารฝั่งไทย "ช่องตาเฒ่า" จะแยกไปทางด้านซ้าย และถือเป็นช่องตามแนวชายแดนที่เข้า-ออกสะดวก ที่ใกล้เขาพระวิหารมากที่สุด และประเด็นที่กัมพูชาเสนอเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ก็ด้วยการเตรียมการล่วงหน้าที่จะพัฒนาบริเวณเขาธงชัย ฝั่งตรงข้ามช่องตาเฒ่า ให้เป็นเมืองใหม่ที่เพียบพร้อม และเป็นสถานีขึ้น-ลง ของรถกระเช้าลอยฟ้าจากฝั่งกัมพูชาขึ้นตัวปราสาท
         
เรื่องนี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพและ สมช. ได้พิจารณาการเตรียมการของฝ่ายกัมพูชาในการพัฒนาบริเวณเขาธงชัย ที่จะกระทบต่อความมั่นคงของไทยโดยตรง 

เขาพระวิหาร


          ฝ่ายกัมพูชาและนักการเมืองไทย นักธุรกิจ และนายทหารบางกลุ่มที่ต้องการเปิดช่องตาเฒ่า มาตั้งแต่ปี 2546 หลังจากแนวคิดของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลการท่องเที่ยว ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เสนอแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทย-ลาว-กัมพูชา และสรุปลงตรงการสร้างจุดขาย โดยการสร้างสนามกอล์ฟบริเวณสามเหลี่ยมมรกต ในพื้นที่รอยต่อสามชาติที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นแผนการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในแหล่งอารยธรรมขอมในย่านอีสานใต้ก็ตามมา 

          แต่ฝ่ายทหารส่งสัญญาณ ไม่ตอบรับ และสุดท้ายก็มีการเปิดช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และยกฐานะเป็นด่านถาวร และมติ ครม.ของไทย วันที่ 10 มิถุนายน 2547 ได้อนุมัติงบประมาณแบบให้เปล่าแก่กัมพูชา เพื่อก่อสร้างถนนจากช่องสะงำ-อัลลองเวง-เสียมเรียบ ระยะทาง 167 กิโลเมตร (อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย 16 กิโลเมตร ในกัมพูชา 151 กิโลเมตร) จำนวนเงินรวม 229 ล้านบาท ทั้งโครงการจะแล้วเสร็จต้นปี 2552 โดย บริษัท ช.การช่าง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง 

          เส้นทางนี้เป็น โครงการเชื่อมการท่องเที่ยวระหว่างไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ และเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการเข้าถึงปราสาทนครวัด-นครธม 

เขาพระวิหาร


          แหล่งข่าวด้านความ มั่นคง ระบุว่า เรื่องการยกเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก สมช.ได้พิจารณาคู่กับผลที่จะตามมาที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยเห็นว่าหากเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก และต่อไปไทยก็มีแนวโน้มที่จะเปิด "ช่องตาเฒ่า" เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายกัมพูชาเพราะมีนักการเมือง และนายทุนฝ่ายไทยหลายคนพยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี 2546 แต่ฝ่ายความมั่นคงไม่เห็นด้วย เพราะพิจารณาตามโครงการที่เตรียมไว้ ในบริเวณตรงข้ามช่องตาเฒ่า จะมีทั้งโรงแรม กาสิโน สนามบิน และเป็นสถานีรถกระเช้าไฟฟ้า ที่มีรายงานว่ามีบริษัทต่างชาติเตรียมจะมาลงทุนสร้างขึ้นเขาพระวิหาร

          "เรา พยายามไม่ให้เปิดช่องนี้ โดยปี 2546 เราให้เปิดช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ แทน และช่องนั้นสามารถผ่านไปถึงเสียมเรียบ ได้ใกล้ที่สุด และเขาอ้างการเปิดช่องตาเฒ่าเพื่อการขนถ่ายสินค้า ก็ไม่ใช่เหตุผลเพราะบริเวณนั้นไม่มีเมืองขนาดใหญ่ที่จะรับสินค้า หรือส่งสินค้าเข้าไทย แต่จะเป็นการสร้างเมืองเพื่อการท่องเที่ยวมากกว่า จึงไม่ควรเปิดช่องตาเฒ่าเพราะไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย" แหล่งข่าวกล่าว

          แหล่งข่าวระบุอีกว่า หากมีการเปิดช่องตาเฒ่าเป็นด่านถาวร ปัญหาด้านความมั่นคงของไทยจะตามมาทันที เฉพาะเปิดช่องตาเฒ่าที่ผ่านมา ทำให้ปัญหาชายแดนด้านนี้เพิ่มความรุนแรงขึ้น ทั้งเรื่องยาเสพติด ปัญหาโจรผู้ร้าย รวมทั้งปัญหาการข้ามชายแดนเข้ามาตัดไม้ เพราะในพื้นที่กัมพูชาด้านนั้นไม่มีป่าไม้ให้ตัดอีกแล้ว และหากเปิดช่องตาเฒ่า ที่ฝั่งกัมพูชาจะมีทั้งกาสิโน โรงแรม สนามบิน และสถานีรถกระเช้าไฟฟ้า ปัญหาจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาที่ต่อเนื่องจากการพนัน การสร้างอิทธิพล
          "ที่น่าเป็นห่วงคือบ่อนกาสิโน ที่แต่ละแห่งชาวไทยต้องนำเงินไปเล่นวันละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ทำให้คนกลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อการเมืองไทย ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ที่เป็นทั้งผู้สนับสนุนทางการเงิน การฟอกเงินที่นักการเมืองคอรัปชั่น หากยิ่งขยายธุรกิจนี้มากขึ้นเท่าใด ไทยจะมีปัญหาที่แก้ไม่ตก" แหล่งข่าวกล่าว 

เขาพระวิหาร


          นายศรีวรรณ เกียรติสุรนนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการเข้าสำรวจของทีมเฉพาะกิจ เพื่อการลงทุนของหอการค้า พบว่า บริเวณฝั่งตรงข้ามช่องตาเฒ่าในพื้นที่กัมพูชา ด้านล่างเขาพระวิหาร มีการวางผังเมืองไว้เรียบร้อยแล้ว โดยในรายละเอียดเป็นการรองรับการท่องเที่ยวเขาพระวิหารโดยตรง โดยตามผังเมืองใหม่จะมีทั้งกาสิโน โรงแรม สนามบิน สถานีรถกระเช้าไฟฟ้า และโดยขนาดของเมืองถือว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่พอสมควร 

          "ถ้าการพัฒนา เมืองตามผังแล้วเสร็จ ไทยก็ไม่ได้อะไร ที่เป็นการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวก็ได้ประโยชน์เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น เพราะเป็นผังเมืองที่วางไว้เป็นเมืองท่องเที่ยว บ่อนการพนันจะสูบเงินจากคนไทยเข้าไปในกัมพูชาเหมือนที่เกิดขึ้นที่ช่องจอม" นายศรีวรรณ กล่าว

          โครงการเมืองใหม่เขา ธงชัย ฝั่งกัมพูชาที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ที่มีจุดขายคือการขึ้นปราสาทเขาพระวิหารโดยรถกระเช้าไฟฟ้า สอดคล้องกับข้อมูลที่เปิดเผยโดยแหล่งข่าวในองค์การแห่งชาติพระวิหาร ระบุว่า โครงการก่อสร้างรถกระเช้าลอยฟ้าขึ้นปราสาทพระวิหารได้ผ่านการศึกษาโครงการ เรียบร้อยแล้ว และมีการกำหนดจุดก่อสร้างที่จะขึ้นสู่หน้าผาที่สูงจากพื้นขึ้นไปประมาณ 500 เมตร และบริษัทจะลงทุนสร้างสนามบินบนเนื้อที่ 25 ตารางกิโลเมตร ห่างจากชายแดน 32 กิโลเมตร โดยใช้งบลงทุน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

          โดยบริษัทที่จะเข้า ดำเนินการในโครงการนี้เป็นบริษัทเอกชนจากอินเดีย ที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างรถกระเช้าไฟฟ้าที่ประเทศเวียดนามมาแล้ว จากการประเมินความคุ้มในการลงทุน จากฐานนักท่องเที่ยวที่ขึ้นชมปราสาทพระวิหาร จากฝั่งประเทศไทยวันละ 300-400 คน จะเพิ่มเป็น 6 เท่า ยิ่งหากปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกด้วยแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะไหลจากนครวัด นครธม จะมาที่ปราสาทพระวิหารหลายสิบเท่า และที่นี่มีทุกอย่างรองรับ

เขาพระวิหาร


          นอกจากการวางผังเมือง รองรับการท่องเที่ยวปราสาทพระวิหาร ด้านเขาธงชัย อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ฝั่งตรงข้ามช่องตาเฒ่าแล้ว พบว่ามีการขยับตัวของนายทุนในวงการบ่อนกาสิโน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณฝั่งตรงข้ามช่องจอม 2 แห่ง ที่สูบเงินคนไทยเฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาท

          ทั้งกลุ่มของ "พัด สุภาภา" คนสนิทของสมเด็จฮุน เซน และสนิทกับนักการเมืองสายพรรคพลังประชาชน เจ้าของกาสิโน "โอร์เสม็ด รีสอร์ท" และได้สัมปทานไฟฟ้าจากฝั่งไทยเข้าไปขายในกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียว เริ่มขยับเข้าเตรียมลงทุนในเขตเมืองใหม่ ขณะที่กลุ่มของ "ลึม เฮง" นายทุนจากสิงคโปร์ เจ้าของ "รอยัล ฮิลล์" บ่อน กาสิโนอีกแห่ง ได้ขยับมาสร้างโรงแรมและบ่อนกาสิโนที่บริเวณช่องสะงำ และได้สัมปทานไฟฟ้าเข้าไปจำหน่ายในกัมพูชา และจะใช้สำหรับโครงการเมืองใหม่ใต้ปราสาทเขาพระวิหาร 

          นี่เป็นผลประโยชน์เบื้องต้นอันมหาศาลที่เป็นเพียง "ของแถม" หากปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก 

          จึง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่กัมพูชายอมเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงตัวปราสาท โดยการเห็นชอบของกระทรวงการต่างประเทศของไทย หากปัญหาลุกลามจนปราสาทพระวิหารไม่ผ่านการรับรองเป็นมรดกโลก โครงการเมืองใหม่ของกัมพูชาอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ชอบธรรมในการสร้างรถกระเช้าลอยฟ้าขึ้นตัวปราสาทจากฝั่งกัมพูชาเอง 

          แต่หากปราสาทพระวิหารได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกตามแผนการแล้ว นั่นย่อมถือเป็น "โบนัส" ก้อนใหญ่ สำหรับนักธุรกิจบ่อนกาสิโนรายใหญ่ในกัมพูชา ที่มีอิทธิพลและมีบทบาทในการต่อน้ำเลี้ยงและฟอกเงินให้แก่นักการเมืองไทย

การขอให้ศาลใช้อำนาจตุลาการคานอำนาจบริหาร

กุน กีม เสนาธิการทหารเขมรเยือนตาเมือน-ตาควาย

ฟิฟทีนมูฟ – กุน กีม เสนาธิการทหารเขมรเพิ่งโผล่เยี่ยมและตรวจสถานการณ์ตาเมือน ตาควาย เนียก วงส์ ต้อนรับคุยฟุ้งเขมรอดทนที่สุดแล้วจึงตอบโต้ด้วย BM-21 จนทหารไทยตายและบาดเจ็บ ส่วนเขมรรักษาที่มั่นไว้ได้ ขณะกุน กีม ยกย่องทหารและน้ำลายแตกฟองบอกไทยแพ้หมดรูป ทิ้งศพทหารเน่าเกลื่อน
พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและนายทหารเสนาธิการร่วม ระหว่างตรวจเยี่ยมทหารและสถานการณ์พื้นที่ปราสาทตาเมือนและตาควายพล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและนายทหารเสนาธิการร่วม ระหว่างตรวจเยี่ยมทหารและสถานการณ์พื้นที่ปราสาทตาเมือนและตาควายพล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและนายทหารเสนาธิการร่วม ระหว่างตรวจเยี่ยมทหารและสถานการณ์พื้นที่ปราสาทตาเมือนและตาควาย
พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและนายทหารเสนาธิการร่วม ระหว่างตรวจเยี่ยมทหารและสถานการณ์ปราสาทตาเมือนและตาควาย

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ศูนย์ข่าวนครวัตของกัมพูชา รายงานการเดินทางลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ของผู้บัญชาการระดับสูงกองทัพแห่งชาติกัมพูชา โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ ๗ พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและเป็นนายทหารเสนาธิการร่วม กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ในนามคณะผู้บัญชาการสมรภูมิพรมแดนกัมพูชา-สยาม ตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของนายทหารและพลทหาร พร้อมทั้งตรวจสอบสถานการณ์สู้รบ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปะทะกันด้วยอาวุธกับทหารไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ที่ผ่านมา
ในการเดินทางตรวจเยี่ยมดังกล่าว พล.ท. เนียก วงส์1 รองผู้บัญชาการและเป็นเสนาธิการกองพลน้อย ที่ ๔๒ ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน ระบุว่า ตั้งวันที่ ๒๒ เมษายน เวลา ๖.๓๐ น. จนถึงวันที่ ๒ พฤษภาคม ทหารไทยจำนวนมากได้ทำการโจมตีอย่างหนักต่อกองทัพกัมพูชาที่รักษาปราสาทตาเมือนธม2 และปราสาทตาควาย3 โดยใช้อาวุธใหญ่น้อยจำนวนมาก ประกอบด้วย ปรส. ๗๕  (DK-75), ปรส.๘๕, ๑๐๕ และ ๑๕๕ ม.ม.  ยิงเข้ามาในปราสาทและลึกเข้ามาในดินแดนกัมพูชาประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ในพื้นที่หมู่บ้านโคกมน4 อ.บันเตียอำปึล5 เขตอุดรมีชัย เป็นผลให้ครอบครัวราษฎรต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน และแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น กองทัพกัมพูชาได้อดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งวันที่ ๒๖ เมษายน กัมพูชาใช้สิทธิป้องกันตนเองทำการตอบโต้โดยการยิงอาวุธ BM21-40 ทำให้ทหารไทยตายและได้รับบาดเจ็บในสมรภูมิรถเกราะและปืนใหญ่ ในระหว่างการสู้รบกับทหารไทยเป็นเวลา ๑๒ วัน นั้น กองทัพกัมพูชาได้ยืนหยัดป้องกันที่ตั้งได้เป็นอย่างดี
​​พล.อ.กุน กีม ได้กล่าวยกย่องความองอาจกล้าหาญของทหาร ต่อต้านการรุกรานได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ และทำให้ทหารไทยพ่ายแพ้หมดรูป ทิ้งศพเน่าเปื่อยในสมรภูมิ

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง