ฟิฟทีนมูฟ – กุน กีม เสนาธิการทหารเขมรเพิ่งโผล่เยี่ยมและตรวจสถานการณ์ตาเมือน ตาควาย เนียก วงส์ ต้อนรับคุยฟุ้งเขมรอดทนที่สุดแล้วจึงตอบโต้ด้วย BM-21 จนทหารไทยตายและบาดเจ็บ ส่วนเขมรรักษาที่มั่นไว้ได้ ขณะกุน กีม ยกย่องทหารและน้ำลายแตกฟองบอกไทยแพ้หมดรูป ทิ้งศพทหารเน่าเกลื่อน
พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและนายทหารเสนาธิการร่วม ระหว่างตรวจเยี่ยมทหารและสถานการณ์ปราสาทตาเมือนและตาควาย
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ศูนย์ข่าวนครวัตของกัมพูชา รายงานการเดินทางลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ของผู้บัญชาการระดับสูงกองทัพแห่งชาติกัมพูชา โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ ๗ พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและเป็นนายทหารเสนาธิการร่วม กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ในนามคณะผู้บัญชาการสมรภูมิพรมแดนกัมพูชา-สยาม ตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของนายทหารและพลทหาร พร้อมทั้งตรวจสอบสถานการณ์สู้รบ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปะทะกันด้วยอาวุธกับทหารไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ที่ผ่านมา
ในการเดินทางตรวจเยี่ยมดังกล่าว พล.ท. เนียก วงส์1 รองผู้บัญชาการและเป็นเสนาธิการกองพลน้อย ที่ ๔๒ ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน ระบุว่า ตั้งวันที่ ๒๒ เมษายน เวลา ๖.๓๐ น. จนถึงวันที่ ๒ พฤษภาคม ทหารไทยจำนวนมากได้ทำการโจมตีอย่างหนักต่อกองทัพกัมพูชาที่รักษาปราสาทตาเมือนธม2 และปราสาทตาควาย3 โดยใช้อาวุธใหญ่น้อยจำนวนมาก ประกอบด้วย ปรส. ๗๕ (DK-75), ปรส.๘๕, ๑๐๕ และ ๑๕๕ ม.ม. ยิงเข้ามาในปราสาทและลึกเข้ามาในดินแดนกัมพูชาประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ในพื้นที่หมู่บ้านโคกมน4 อ.บันเตียอำปึล5 เขตอุดรมีชัย เป็นผลให้ครอบครัวราษฎรต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน และแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น กองทัพกัมพูชาได้อดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งวันที่ ๒๖ เมษายน กัมพูชาใช้สิทธิป้องกันตนเองทำการตอบโต้โดยการยิงอาวุธ BM21-40 ทำให้ทหารไทยตายและได้รับบาดเจ็บในสมรภูมิรถเกราะและปืนใหญ่ ในระหว่างการสู้รบกับทหารไทยเป็นเวลา ๑๒ วัน นั้น กองทัพกัมพูชาได้ยืนหยัดป้องกันที่ตั้งได้เป็นอย่างดี
พล.อ.กุน กีม ได้กล่าวยกย่องความองอาจกล้าหาญของทหาร ต่อต้านการรุกรานได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ และทำให้ทหารไทยพ่ายแพ้หมดรูป ทิ้งศพเน่าเปื่อยในสมรภูมิ
พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและนายทหารเสนาธิการร่วม ระหว่างตรวจเยี่ยมทหารและสถานการณ์ปราสาทตาเมือนและตาควาย
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ศูนย์ข่าวนครวัตของกัมพูชา รายงานการเดินทางลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ของผู้บัญชาการระดับสูงกองทัพแห่งชาติกัมพูชา โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ ๗ พฤษภาคม ที่ผ่านมา พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและเป็นนายทหารเสนาธิการร่วม กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ในนามคณะผู้บัญชาการสมรภูมิพรมแดนกัมพูชา-สยาม ตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของนายทหารและพลทหาร พร้อมทั้งตรวจสอบสถานการณ์สู้รบ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปะทะกันด้วยอาวุธกับทหารไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ที่ผ่านมา
ในการเดินทางตรวจเยี่ยมดังกล่าว พล.ท. เนียก วงส์1 รองผู้บัญชาการและเป็นเสนาธิการกองพลน้อย ที่ ๔๒ ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน ระบุว่า ตั้งวันที่ ๒๒ เมษายน เวลา ๖.๓๐ น. จนถึงวันที่ ๒ พฤษภาคม ทหารไทยจำนวนมากได้ทำการโจมตีอย่างหนักต่อกองทัพกัมพูชาที่รักษาปราสาทตาเมือนธม2 และปราสาทตาควาย3 โดยใช้อาวุธใหญ่น้อยจำนวนมาก ประกอบด้วย ปรส. ๗๕ (DK-75), ปรส.๘๕, ๑๐๕ และ ๑๕๕ ม.ม. ยิงเข้ามาในปราสาทและลึกเข้ามาในดินแดนกัมพูชาประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ในพื้นที่หมู่บ้านโคกมน4 อ.บันเตียอำปึล5 เขตอุดรมีชัย เป็นผลให้ครอบครัวราษฎรต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน และแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น กองทัพกัมพูชาได้อดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งวันที่ ๒๖ เมษายน กัมพูชาใช้สิทธิป้องกันตนเองทำการตอบโต้โดยการยิงอาวุธ BM21-40 ทำให้ทหารไทยตายและได้รับบาดเจ็บในสมรภูมิรถเกราะและปืนใหญ่ ในระหว่างการสู้รบกับทหารไทยเป็นเวลา ๑๒ วัน นั้น กองทัพกัมพูชาได้ยืนหยัดป้องกันที่ตั้งได้เป็นอย่างดี
พล.อ.กุน กีม ได้กล่าวยกย่องความองอาจกล้าหาญของทหาร ต่อต้านการรุกรานได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ และทำให้ทหารไทยพ่ายแพ้หมดรูป ทิ้งศพเน่าเปื่อยในสมรภูมิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น