รู้ทัน'ฮุนเซน' : 'จิ้งจอกแห่งพนมเปญ' โดย 'เสถียร วิริยะพรรณพงศา'
จบไปแล้ว สำหรับละครฉากใหญ่ “ไทย-กัมพูชา” ชื่นมื่นรื่นรมย์ คนกัมพูชาเองก็ตื่นเต้น เป็นการเตะฟุตบอลโชว์ครั้งของ "ฮุนเซน" ในรอบ 30 ปี แห่กันเข้าสนามโอลิมปิกสเตเดี้ยมจนแน่นขนัด ขณะที่คนไทยก็ได้เห็นคนที่ไม่เคยได้เห็น เพราะเป็นคนที่กระบวนการยุติธรรมไทยต้องการตัวทั้ง 'จักรภพ เพ็ญแข' , 'ดรุณี กฤตบุญญาลัย' , 'อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง'ผลพลอยได้ที่เป็นของแถมคือ “วีระ-ราตรี” ที่จะได้กลับไทยอีกต่างหาก
แน่นอนว่า ใคร ๆ ก็ชอบที่ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่มีใครอยากจะให้เราต้องพูดกันด้วยรถถังปืนใหญ่ ลูกระเบิด เป็นแน่
แต่หลังจากเสียงหัวเราะเฮฮา ของบรรดาผู้นำของสองประเทศ แล้วกลับมาดูสิ่งที่ไทยกับกัมพูชาต้องเผชิญหน้ากันหลังจากนี้แล้วน่าตกใจ เพราะพบว่ามันไม่ได้หวานแหววเหมือนภาพที่เห็น เพราะเรากับกัมพูชายังมีประเด็นให้ต้องต่อสู้กันอีกเพียบ ล้วนเป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์ของชาติเป็นเดิมพัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อพิพาทพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ที่กัมพูชากำลังขอให้ศาลโลกตีความว่า เป็นของใคร และเรื่องสำคัญคือผลประโยชน์ใต้ทะเลก๊าซธรรมชาติ-น้ำมัน ที่อ่าวไทยในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา
ขณะที่ความเขี้ยวของ "ฮุนเซน" ก็เป็นที่ประจักษ์แจ้งไปทั่ว อดีตนักรบจากเมืองกัมปงจามคนนี้ ก้าวขึ้นเป็นรมว.ต่างประเทศกัมพูชาตั้งแต่อายุ 27 ปี นักข่าวต่างชาติเรียกเขาว่า “จิ้งจอกพนมเปญ” และชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาเพราะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวหาตัวจับยาก
"ถึงจะเป็นผู้นำรัฐเล็ก ภาษาอังกฤษพูดไม่ค่อยได้ แต่ลีลาที่ "ฮุนเซน" ต่อรองระหว่างรัฐนั้น แพรวพราว หาดูได้ยาก เวลาที่ "ฮุนเซน" เถียงมหาอำนาจจะเห็นว่าเด็ดดวง”
"นิติภูมิ นวรัตน์" คอลัมนิสต์คนดัง เคยเขียนถึงเขาเอาไว้
น่าคิดอย่างยิ่งว่า ที่นายกฯ "ฮุนเซน" เลือกที่จะคบกับ "ทักษิณ" เพราะอะไร เป็นเพราะ "ฮุนเซน" มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย ทนเห็นคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยถูกรังแกไม่ไหว จึงต้องเอื้อมมือเข้ามาช่วยใช่หรือไม่
คำตอบคือไม่ใช่ เพราะวิถีการปกครองแบบ "ฮุนเซน" ในกัมพูชา เป็นที่รับรู้กันว่า เป็น "เผด็จการตัวพ่อ" นักการเมืองฝ่ายค้านไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ต้องลี้ภัยไปเมืองนอก
เอ็นจีโอด้านสิทธิมนุษยชน ที่ทำงานรณรงค์ในกัมพูชารู้ดีถึงพิษสงของรัฐบาล "ฮุนเซน" ว่า ใช้อำนาจรัฐอย่างกว้างขวางขนาดไหน เสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนถูกลิดรอน สื่อก็ถูกยึดกุมโดยรัฐ
เจ้าของสื่อที่มีอิทธิพล เป็นของลูกสาวของนายกฯ "ฮุนเซน" เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามว่าชาวกัมพูชาจะมีโอกาสได้ยินเสียงที่แตกต่างจาก รัฐบาลได้น้อยเต็มที่
ถ้าไม่ใช่เพราะ "ฮุนเซน" มีความศรัทธาในวิถีแห่งประชาธิปไตย ฉะนั้น การคบหากับรัฐบาลไทย ความสัมพันธ์กับ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ก็เป็นไปได้ว่า ซ่อนด้วยผลประโยชน์ก้อนโตที่กำลังรอการแบ่งเค้ก
นั่นคือน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย
โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อน 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร
กระทรวงพลังงานของไทยเอง เคยระบุว่า น้ำมันและก๊าซในจุดนั้นมีมูลค่า 5 ล้านล้านบาท ที่ตอนนี้ "ฮุนเซน" เปิดให้กลุ่มทุนปิโตรเลียมสัมปทานไปบางส่วนแล้ว
นี่คือเดิมพันของชาติ ที่คนไทยจะมองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะคนเสื้อแดง ต้องหูตาสว่าง
สื่อกัมพูชาเองเคยรายงานว่า "ฮุนเซน" นั้น ยึดถือเอากลยุทธ์ของซุนวู "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" เป็นกลยุทธ์ในการบริหาร
การที่ "ฮุนเซน" แสดงความเป็นมหามิตรกับ "ทักษิณ" เลี้ยงดูเครือข่ายเสื้อแดง แม้ว่า จะทำผิดกฎหมายร้ายแรงในประเทศไทย เพราะว่า "ฮุนเซน" รู้ดีว่า "ทักษิณ" มีข้อมูลการเจรจาของฝ่ายไทย และนั่นคือผลประโยชน์ของกัมพูชา
ไม่ได้ต้องการให้ระแวง แต่คนไทยต้องรู้ทันความซับซ้อน ซ่อนเล่ห์ของอดีตนักรบเขมรแดงที่ชื่อ "ฮุนเซน" คนนี้ให้มากขึ้นกว่านี้
จิ้งจอกยังไงก็เป็นจิ้งจอกวันยังค่ำ