บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เขมรจะรวยบ้าง สูบน้ำมันอ่าวไทยปีหน้า วาดแผนโรงกลั่นแรก


แผนที่ จัดทำขึ้นใหม่แสดงที่ตั้งแปลงสำรวจน้ำมันในเขตทะเลอ่าวไทยของกัมพูชา และ จ.กัมโป้ท ที่จะก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรก และ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย รองนายกฯ กัมพูชากล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ว่า ปีหน้าจะเริ่มสูบน้ำมันจากแปลง A อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับโรงกลั่น และ ยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยกับปริมาณน้ำมันดิบที่พบทั้งหมด.
      
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กัมพูชาจะเริ่มผลิตน้ำมันจากบ่อในอ่าวไทยในปี 2555 นี้ หลังจากมีการลงทุนไปถึง 150 ล้านดอลลาร์ในการสำรวจ และ กำลังจะต้องลงทุนอีกราว 600 ล้านดอลลาร์สำหรับก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกขึ้นใน จ.กัมโป้ท (Kampot)
      
       นายโสกอาน รองนายกฯ และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้กล่าวในวันพฤหัสบดี
      
       นายอานเปิดเผยเรื่องนี้ในพิธีเซ็นความตกลงระหว่างการปิโตรเลียมแห่ง ชาติกัมพูชา กับบริษัทปิโตรเคมีกัมพูชา เพื่อศึกษาความเป็นได้ในโครงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของประเทศ ในเนื้อที่ราว 80 เฮกตาร์ (500 ไร่) ในจังหวัดภาคใต้ สำนักข่าวกัมพูชากล่าว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการก่อสร้าง รวมทั้งแหล่งเงินทุน
      
       จ.กัมโป้ท อยู่ติดชายทะเลอ่าวไทยเช่นเดียวกับ จ.เกาะกง ทางตะวันตก พระสีหนุในตอนกลางและ จ.แก๊บ (Kep) ทางตะวันออกสุดติดชายแดนเวียดนาม มีทางรถไฟผ่านไปยังพนมเปญกับท่าเรือสีหนุวิลล์ ทั้งยังเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตซีเมนต์หลายแห่ง
      
       โรงกลั่นจะผลิตน้ำมันปีละ 5 ล้านตัน ซึ่งจะ "ตอบสนองความต้องการใช้ภายใน กัมพูชานำเข้าน้ำมันราวหนึ่งล้านตันเพื่อใช้ในประเทศ โรงกลั่นแห่งนี้จะช่วยสร้างงานให้กับประชาชนกัมพูชาอีกด้วย" นายอานกล่าว
      
       การให้สัมภาษณ์ของนายอานเป็นการกระชับเงื่อนเวลาในการผลิตน้ำมันจาก แปลงสำรวจโดยกลุ่มเชฟรอน(Chevron Corp) ร่วมกับหุ้นส่วนจากญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ยังกำหนดเอาไว้กว้างๆ ระหว่างปี 2555 กับ 2556
      
       เชฟรอนแถลงในเดือน ก.พ.2548 เกี่ยวกับการพบน้ำมันดิบปริมาณมหาศาลในแปลงสำรวจ A (A Block) ในน่านน้ำกัมพูชา แต่กล่าวว่ายังจะต้องเจาะทดสอบอีกหลายบ่อ เพื่อหาประมาณการทั้งหมด และหลังจากนั้นก็ไม่มีการแถลงรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการค้นพบอีก
      
       กลุ่มสิทธิมนุษย์ชนและองค์กรเพื่อความโปร่งใสต่างๆ ได้แสดงความกังวลว่า กัมพูชาซึ่งการคอร์รัปชั่นระบาดในทุกระดับ จะกลายเป็นประเทศที่ต้อง "คำสาปน้ำมัน" เช่นไนจีเรียกับอีกบางประเทศประสบมาแล้วโดยประชาชนจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร รายได้มหาศาลจากน้ำมันดิบจะเข้าสู่กระเป๋าของบรรดาผู้นำประเทศ
      
       ธนาคารพัฒนาเอเชียกับธนาคารโลกต่างแถลงตัวเลขต่างกันเกี่ยวกับปริมาณ น้ำมันดิบในกัมพูชาที่บริษัทน้ำมันสหรัฐฯ สำรวจพบ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ายังมีมากกว่านี้ในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างกัมพูชากับไทย ซึ่งในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไทยได้ตกกับกัมพูชาจะร่วมกันผลิตขึ้นมาใช้ประโยชน์
      
       เชฟรอนได้เปิดสำนักงานขึ้นในกรุงพนมเปญเป็นครั้งแรกปลายปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นความพร้อมของบริษัทน้ำมันจากสหรัฐฯ ที่จะเริ่มทำการผลิต.
ASTV

สุเทพยืนยันสายลับกัมพูชาไม่ได้ข้อมูลสำคัญ

รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงชี้แจงว่าทหารทำดีที่สุดแล้ว ในการป้องกันข้อมูล และการหลบหนีของสายลับกัมพูชา ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เผย ผู้ต้องหาชาวไทย รับสารภาพว่า พาสายลับกัมพูชาเข้าดูพิกัดของทหารจริง 


       
นายฟาม มินห์ ตวน เลขานุการเอกอัครราชทูตเวียดนาม ประจำประเทศไทย เข้ารับฟังการชี้แจงกระบวนการยุติธรรมของไทยจาก นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามการดำเนินคดีกับ นายเหวียง เติ้กยัง ชาวเวียดนาม ที่ร่วมกับ นายอึ้ง กิมไทย ชาวกัมพูชา และนายสุชาติ มูฮำหมัด ชาวไทย   ลักลอบเข้ามาสำรวจหาพิกัดและโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทย ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษ์  จังหวัดศรีสะเกษ

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ระบุว่าจากหลักฐานการเดินทางเข้าไทยและกัมพูชามากกว่า 20 ครั้ง เชื่อได้ว่าทั้ง 3 คนรู้จักกันแน่นอน พร้อมระบุว่า การสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยไม่มีการสั่งการจากรัฐบาลและนายสุชาติ ผู้ต้องหาก็ยอมรับสารภาพแล้ว
             
นอกจากนี้วันนี้พนักงานสอบสวนยังออกหมายจับเพิ่มเติม คือ นายยา เปา ในชื่อไทยว่า นายวิชัย โดยเชื่อเป็นหัวหน้าสายลับจากประเทศกัมพูชา มียศทหารระดับพันเอก ขณะนี้หลบหนีไปได้ โดยฝ่ายสอบสวนรายงานว่า หลบหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่เย็นวันที่ 15มิถุนายนที่ผ่านมา
 

(2) ทำใมเราต้องไปยื่นหนังสือกับ UNESCO ในวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน ??

โดย Annie Handicraft เมื่อ 16 มิถุนายน 2011 เวลา 18:40 น.
หลัง จากการให้สัมภาษณ์ของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเกี่ยวกับการประชุมนัดพิเศษ เรื่อง การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ปมปราสาทพระวิหาร ที่จะเดินทางไปประชุมกันในวันที่ 19 มิ.ย.  โดยให้คณะกรรมการได้นำร่างข้อมติที่มีอยู่ขณะนี้มากำหนดจุดยืนและ เป้าหมายหลักของไทยแล้วนั้น  ในความคิดเห็นของตัวเองวิธีคิดและการกระทำของ รัฐบาลยิ่งเพิ่มความสุ่มเสี่ยงมากขึ้นไปเสียอีก และโอกาสที่จะทำให้ประเทศไทยของเราต้องเสียดินแดนในรัชสมัยนี้ยิ่งเพิ่มสูง ขึ้น เรามาดูวิธีคิดและแนวปฎิบัติของรัฐบาลต่อการประชุมมรดกโลกในครั้งสำคัญครั้ง นี้  จากการให้สัมภาษณ์ของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และจากการแถลงของนายปณิธาน วัฒนายากร

นายปณิธาน วัฒนายากร 
1.กำชับคณะทำงาน จะต้องทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ให้ไทยเสียผลประโยชน์อธิปไตยและดินแดน
2.ชื่นชมบทบาทสำนักงานใหญ่ยูเสนโก้ ผู้แทนพิเศษและเลขาธิการสำนักงานใหญ่ยูเนสโก้ ที่พยายามทำงานอยู่บนพื้นฐานความเป็นกลาง
3.ในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก จะต้องทำตามเงื่อนไขของสำนักงานใหญ่ในฐานะเป็นประเทศสมาชิกที่ดี

นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป้าหมายหลักของไทย คือ การเลื่อนไม่ให้มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ร่างข้อมติเข้าเป็นไปในทิศทางของเรา รวมทั้งให้ดูถ้อยคำต่างๆ ให้รัดกุม

      - ถามว่า แต่ทางกัมพูชาไม่ยอมลงนามในการลงร่างข้อมติ

นายอภิสิทธิ์  ไม่ใช่เรื่องของการลงนาม เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการ 21 ประเทศ ที่จะเป็นคนลงมติ เพียงแต่ว่า การพิจารณาโดยแนวปฏิบัติ คือกรรมการจะนำตรงนี้เป็นตุ๊กตา หรือจุดเริ่มต้น

      - ถามว่า ร่างข้อมติที่ไทยกำลังจะส่งไป เกิดมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายคุยกันในวันที่ยูเนสโกเป็นคนกลาง ซึ่งถ้าร่างดังกล่าวสามารถนำไปใช้ได้เลย เหตุใดกัมพูชาจึงบอกว่ายังไม่สามารถที่จะใช้ได้

นาย อภิสิทธิ์  ร่างข้อมติไม่สามารถไปผูกมัดใครได้ ยกตัวอย่างเช่น ปีที่แล้วร่างข้อมติจะพิจารณาแผนของกัมพูชา แต่ไทยไปคัดค้าน ในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จในเรื่องการไม่ให้พิจารณา แต่ปีนี้ร่างข้อมติเริ่มต้นจากการเสนอให้เลื่อน กัมพูชาก็ต้องคัดค้านแน่นอน เราก็ต้องไปพูดคุยกับกรรมการทั้ง 21 ประเทศ ให้เห็นว่า ขณะนี้มันควรจะเลื่อนเพราะอะไร แต่ การที่ร่างข้อมติไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะเป็นที่พอใจของเราก็ถือว่าเป็นจุด เริ่มต้นที่ดี เพราะมันง่ายกว่าที่จะให้ช่วยกันรับร่างข้อมติแทนการที่จะต้องมานั่งเขียน กันใหม่

       - ถามว่า เป็นการเสนอแนวทางขึ้นทะเบียนร่วมกันใช่หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ ทำนองนั้น เพราะเส้นทางระยะยาวมันควรจะต้องเป็นอย่างนั้น

       - ถามว่า ยูเนสโกได้เสนอให้ไทยถอนทหารออกมาหรือไม่

นาย อภิสิทธิ์ ยังไม่ได้เสนออย่างนั้นแต่สิ่งสำคัญ คือ ไม่ควรจะมีทหารอยู่ในส่วนของกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาควรจะถอนทหาร และถ้าเลื่อนแผนบริหารจัดการไป ก็จะต้องมาดู เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประเทศหนึ่งเสนอแผนบริหารจัดการในขณะที่ปัญหาเส้นแบ่งเขตแดนยังไม่ได้ข้อยุติ

       - ถามว่า แสดงว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้ในการบริหารร่วมกันกับกัมพูชา หากมีการถอนทหารออกจากพื้นที่

นายอภิสิทธิ์ ตนคิดว่าต้องเริ่มเป็นขั้นเป็นตอนไป โดยขั้นแรกต้องไม่พิจารณาแผนของกัมพูชาเสียก่อน

       - ถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะถอนตัวออกจากสมาชิกยูเนสโก

นายอภิสิทธิ์ ในชั้นนี้ยังไม่มีประเด็นเนื่องจากยูเนสโกก็รับฟังทุกอย่างกับเหตุผลที่เราให้


จาก การให้สัมภาษณ์ของนายกอภิสิทธิ์ แสดงถึงความไม่เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง ไม่กล้าที่จะแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของเหนืออธิปไตยของชาติไทยเรา แต่ในขณะเดียวกันภาคประชาชนกลับมีความชัดเจนที่จะพยายามรักษาสิทธิ์และปก ป้องแผ่นดินของเราเอาไว้ ดังจะเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของภาคประชาชนเมื่อเช้าวันนี้ว่า

"นาย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปที่สำนักงานยูเนสโก หลังจากที่ทางยูเนสโกได้อนุญาตให้ตัวแทนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร 7 คนได้เข้าไปเจรจาพูดคุยปรึกษาหารือ เป็นการยื่นหนังสือแสดงเจตนารมย์คัด ค้านและถอนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารออกจากมรดกโลก เนื่องจากเป็นการทำลายกฏของยูเนสโกและละเมิดมติมรดกโลก ซึ่งจะต้องถอนวาระดังกล่าวออกจากบัญชีมรดกโลก โดยที่ไม่ปล่อยให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นมรดกโลกของฝ่ายกัมพูชา และเพื่อไปตอกย้ำว่ายูเนสโกกำลังทำความผิดในกติกาของตัวเองเพื่อทำลาย สันติภาพในภูมิภาค โดยจะนำเอกสารหลักฐานและข้อมูลเพื่อยืนยันว่าคณะกรรมการมรดกโลกก็ทำผิด ต่อมติของตัวเองด้วย เป็นการไม่รักษากฏเกณฑ์ ไม่เคารพอธิปไตยของประเทศไทย"

จากการกระทำของรัฐบาลไทยและUNESCOที่ผ่านมานั้นสุ่ม เสี่ยงให้ประเทศไทยของเราอาจเสียดินแดน การไปยื่นหนังสือแสดงเจตนารมย์จึง เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดสำหรับคนไทยที่รักชาติหวงแผ่นดิน 

หมายเหตุ ถ้ามีเวลาจะขอวิพากษ์การให้สัมภาษณ์ของนายกอภิสิทธิ์ข้างบนว่า ส่อถึงการแกล้งไม่เข้าใจปัญหาหรือไม่

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง