ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ (๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔) นายฮอ นำฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างร่วมในพิธีปิดไซต์งานบูรณะปราสาทบาปวน ว่า รัฐบาลใหม่ที่ได้จากการเลือกตั้งวันที่ ๓ กรกฎาคม อาจจะทำการแก้ปัญหาขัดแย้งเขตแดนร่วมกับกัมพูชาได้ ซึ่งรวมทั้งเขตแดนทางบกและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อให้กลุ่มทุนต่าง ๆ เข้ามาสำรวจแหล่งน้ำมัน
ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กัมพูชาโดยองค์การปิโตรเลียมกัมพูชา ได้ลงนามกับบบริษัทเคมบูเดีย ปิโตรเคมิคัล ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกัมพูชา-จีน ก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันใน จ.กำโปต บนพื้นที่ ๕๐๐ ไร่ คาดว่าจะผลิตน้ำมันได้ปีละ ๕ ล้านตัน เริ่มการผลิตปี ๒๕๕๕ นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาผู้รับผิดชอบ องค์การปิโตรเลียมกัมพูชา เปิดเผยระหว่างการลงนามว่า บริษัทเชฟรอนของสหรัฐอเมริกา กำลังสำรวจน้ำมัน ๓ แห่งในอ่าวไทย ขณะที่ประเทศจีนมีแผนจะลงทุนอีก ๖๐๐ ล้านดอลลาร์ ในกิจการน้ำมันในประเทศกัมพูชา
พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลซึ่งประเทศกัมพูชากล่าวอ้าง เป็นผลจากการลากเส้นแนวเขตทางทะเลโดยปราศจากหลักกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เป็น สากล ลากเส้นขึ้นตามอำเภอใจของกัมพูชาในสมัยรัฐบาลนายพลลอน นอน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕
ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ประเทศไทยและกัมพูชาได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาในเรื่องแบ่ง ปันผลประโยชน์ทางทะเล (MOU 2544) เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ โดยนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ในขณะนั้น กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา