บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

กราบหัวใจงาม... “วีระ – ราตรี” ... โดย สำราญ รอดเพชร

กราบหัวใจงาม... 71 วันของ “วีระ – ราตรี” 44 วันการชุมนุม...
โดย สำราญ รอดเพชร 9 มีนาคม 2554 19:32 น.

“คนเรามีหลายชาติพันธุ์ผสมปนเปกัน แต่มันมีสำนึกมาตุภูมิสำนึกท้องถิ่นร่วมกัน คุณเกิดเมืองนี้ คุณจะตายเมืองนี้ แต่มันมีความหลากหลายได้ใช่ไหม คุณเกิดในประเทศไทยต้องสำนึกตรงนี้ นี่คือเรื่องธรรมดา มีความหลากหลายในเผ่าพันธุ์แต่มีความสำนึกในแผ่นดินเกิดร่วมกัน คุณเกิดบ้านไหนต้องรักบ้านเกิด นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ที่มีนักประวัติศาสตร์บางประเภทที่บอกว่าเราไปดูถูกเขมรเพราะเอาพฤติกรรมสมัยจอมพล ป. มาพูด เวลานี้มันหมดไปแล้วก็ยังไปขุดขึ้นมา คนไทยมันไม่มีพวก “ชาตินิยม” กับพวก “คลั่งชาติ” หรอก มันมีแต่พวก “รักชาติ” กับพวก “ขายชาติ” เท่านั้นเอง และผมประกาศตัวเต็มที่ว่าผมเป็นคนรักชาติรักแผ่นดินเกิด”



รศ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม/ กรุงเทพธุรกิจ (จุดประกาย) 3 มี.ค. 2554



ถึงวันนี้ (10 มี.ค. 2554) คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย (กลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดิน) ภายใต้การเริ่มต้นจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ชุมนุมปกป้องแผ่นดิน –อธิปไตยกรณีความขัดแย้งกัมพูชามาแล้ว 44 วัน (เริ่ม 25 ม.ค. 2554) แต่ 3 ข้อเรียกร้องถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงจากรัฐบาลอภิสิทธิ์



ขณะที่คุณวีระ สมความคิด กับคุณราตรี...........................ถูกกัมพูชาจับกุมคุมขัง (29 ธ.ค. 2554) มาแล้ว 71 วัน รัฐบาลยังไม่สามารถสำแดงพลังให้เห็นได้ว่าจะช่วยเหลือ “วีระ-ราตรี” ในช่องทางพิเศษได้อย่างไรบ้าง ส่วนช่องทางปกติ (ขอพระราชทานอภัยโทษ) นั้น “ฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชาบอกแล้วว่าต้องรับโทษก่อนอย่างน้อย 2 ใน 3 จึงจะทำได้....



สถานการณ์ในวันนี้ผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเชีย (ตามมติของยูเอ็นเอสซี-อาเซียน) กำลังรอวันย่างสามขุมสังเกตการณ์พื้นที่ปราสาทพระวิหารที่กองกำลังเขมรยึดครองอยู่เป็นส่วนใหญ่ด้วยกองกำลังชุมชน วัด และสิ่งปลูกสร้าง...โดยทางกายภาพถือว่าไทยเราเป็นรองกัมพูชามาก



หลังเที่ยงคืนวันอังคารหรือเริ่มวันใหม่ของวันที่ 9 มี.ค. ผมไปร่วมเป็นวิทยากรปราศรัยบนเวทีมัฆวานฯ ได้ถือโอกาสพูดเรื่อง ความสำคัญของธงชาติไทยที่เคยรักษาดินแดนบางส่วนเอาไว้ได้และกุศโลบายบางอย่างที่สามารถรักษาดินแดนของเราเอาไว้ได้ โดยการพูดมีแรงบันดาลใจมาจากอดีตข้าราชการระดับสูงท่านหนึ่งที่ได้เขียนบทความส่งอีเมลไปให้ผม แต่ไม่ทราบหลงหูหลงตาไปได้อย่างไรผมเพิ่งเห็น...ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรผมถือว่ายังเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นประโยชน์มาก ประการสำคัญที่น่าปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมากก็คือ บ้านเราเมืองเรายังมีข้าราชการที่ยังรับราชการ และเกษียณไปแล้วยังหวงแหนแผ่นดินและอธิปไตยของประเทศ



ลองอ่านดูนะครับ...



0 0 0 0 0 0 0 0 0



ธงชาติกัมพูชาบนวัดแก้วสิกขาคีรีฯ สำคัญอย่างไร



ตามที่สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพการประดับธงชาติกัมพูชาบนวัดแก้วสิกขาคีรีฯ และบางฉบับระบุเอาเป็นเอาตายกับการติดธงดังกล่าวว่า จะเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนของไทยในอนาคตในพื้นที่เขาพระวิหาร และถูกผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายการเมืองตอบโต้ว่า เป็นเพียงธงงานวัดและไม่ให้ความสำคัญนั้น



วันนี้จะเล่าเรื่องในอดีตเกี่ยวกับธงและสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตย เพื่อเป็นข้อคิดควรระวัง เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจรับอนาคตและแสวงหาทางหนีทีไล่กันต่อไป



ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในช่วงที่ประเทศเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคม และถูกอังกฤษกดดันที่จะเอาดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องดินแดนอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ในครั้งนั้น อังกฤษต้องการตัดแบ่งพื้นที่อำเภอตากใบไปเป็นส่วนหนึ่งของมลายูในบังคับของอังกฤษ แต่เดชะบุญ ที่สุดเขตชายแดนอำเภอตากใบในเวลานั้น มีวัดพุทธวัดหนึ่งชื่อ วัดชลธาราสิงเห (ซึ่งวัดดังกล่าวนี้ วันนี้ก็ยังเป็นประจักษ์พยานอยู่) และวัดดังกล่าวติดธงชาติไทยไว้ อันสาเหตุให้ทางการไทยอ้างต่ออังกฤษว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากมีวัดไทยและติดธงชาติไทย ทำให้อำเภอตากใบยังคงเป็นส่วนหนึ่งของไทย



ในเรื่องที่สอง เกี่ยวกับคุณลักษณะของความเป็นรัฐไทย ในการแบ่งแยกจังหวัดสตูลออกจากรัฐไทรบุรี (เคดะห์) ตลอดจนเกาะแก่งต่างๆ ในทะเลอันดามันนั้น ผู้ปกครองของไทยในอดีตที่มีสายตาก้าวไกล ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าและไม่ได้ละเลยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ออกไปเลย ผู้ว่าราชการจังหวัดได้อพยพโยกย้ายชาวเลจากจังหวัดกระบี่จำนวนหนึ่งให้ไปตั้งรกรากบนหมู่เกาะตะรุเตา อันเป็นข้อชี้แจงที่มีน้ำหนักมากของไทยในการไม่ยอมยกหมู่เกาะตะรุเตาให้เป็นส่วนหนึ่งของเกาะลังกาวีของมลายูที่อยู่ใกล้กับเกาะตะรุเตาอย่างมาก โดยมีข้อชี้แจง (ข้ออ้าง) ว่า หมู่เกาะตะรุเตาดังกล่าวเป็นของไทยอย่างแน่นอน เพราะว่ามีชาวเลไทอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว สายตาอันยาวไกลดังกล่าว ทำให้ไทยไม่ต้องเสียหมู่เกาะตะรุเตาให้อังกฤษ



สุดท้าย กรณีพระวิหาร หากยังจำกันได้ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จเยือนพระวิหาร ซึ่งในครั้งนั้น ฝรั่งเศสได้ทำเหมือนพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการจากข้าหลวงฝรั่งเศสของจังหวัดกัมพูชา มีการชักธงชาติฝรั่งเศส และมีการถ่ายภาพนี้ไว้และทรงประทานภาพนี้ให้เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส และภาพนี้เองได้กลายเป็นหลักฐานพยานของฝ่ายกัมพูชาในการบรรยายฟ้องและนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยแพ้ในคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลก โดนศาลโลกระบุว่า เป็นการยอมรับโดยปริยายจากฝ่ายสยามในอธิปไตยของกัมพูชาเหนือพระวิหาร โดยไม่ได้คัดค้าน หรือมีปฏิกิริยาใดๆ เพื่อยืนยันและรักษาสิทธิของไทย



ฉันใดก็ฉันนั้น กลับมาที่ธงชาติกัมพูชาบนวัดแก้วสิกขาคีรีฯ ภาพนี้จะกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่ทิ่มคนไทยในการต่อสู้เรื่องอธิปไตย และอาณาเขตเหนือพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีฯ ว่า เป็นของไทยหรือกัมพูชา ตัวอย่างที่เล่าสู่กันวันนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารได้ตระหนักไว้ว่าธงชาติไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือเรื่องเล็กๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจ รวมทั้งการที่ข้าราชการผู้ใหญ่และนักการเมืองไทยที่เดินทางไปพระวิหาร และออกข่าวทำนองว่าต้องประสานขออนุญาตกัมพูชา ทำให้น่าเป็นห่วงว่า นักการเมืองและข้าราชการบางท่านมองเห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องเล็กไปหมด แล้วจะเสียดินแดนแน่นอน



“น. เมืองนนท์”



0 0 0 0 0 0 0 0 0



ครับ นั่นคือข้อเขียนของอดีตข้าราชการระดับสูงที่เคยทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล



อีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมได้พูดจาปราศรัยในคราวเดียวกัน คือ ข้อเสนอกลางอากาศให้คณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินซึ่งบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็น “คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย” ได้นำไปพิจารณาขับเคลื่อนก็คือ...จดหมายเปิดผนึกถึงประธานอาเซียน/รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นโต้โผใหญ่ส่งคณะผู้สังเกตการณ์มาที่กัมพูชาและประเทศไทย คาดว่าจะป็นข่าวใหญ่ในอีกไม่นานนี้ และก็ดังที่ทราบๆ กันว่ากรณีผู้สังเกตการณ์ไม่น่าจะเป็นผลบวกกับประเทศไทย ดังนั้นควรจะได้กดดัน-ดักทางอินโดนีเซียไว้ด้วยความแข็งแรงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คุณต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอย่างไร ฯลฯ



อันที่จริงแง่มุมข้อเสนอดังกล่าว ผมได้มาจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนไทยซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ 2-3 คน และเราเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่าตอนเช้ามืดเมื่อวาน (9 มี.ค.) ท่านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย โทรศัพท์ไปขอบคุณผมว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอ...



ก็เล่าสู่กันฟังแก้เซ็ง ในวันที่สังคมไทยโดยเฉพาะนักการเมืองลายครามเกร็ดลายงาแตกทั้งหลายแทบจะไม่ได้นำพากับปัญหาดินแดนอธิปไตยของชาติ...เพราะในห้วงเวลาเช่นนี้ชาติและความมั่นคงของพวกเขาอาจจะอยู่ที่งานระดมทุนเพื่อการเลือกตั้ง อยู่ที่การทิ้งทวนทิ่มแทงประเทศในโครงการสำคัญๆ เท่านั้น...



ขอกราบหัวใจงาม หัวใจแห่งการยืนหยัดต่อสู้ของคุณวีระ คุณราตรี และพี่น้องที่หวงแหน “ราชอาณาจักรไทย” ทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง