เท่าที่ได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด เกิดมีคำถามขึ้นมากมายซึ่งล้วนเป็นจุดอ่อนของเรา
1. เรื่องสำคัญยิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันสองวันข้างหน้านี้ คือ การประชุมรัฐสภาเพื่อรับรองบันทึกประชุม JBC 3 ฉบับด้วยกัน ถ้าสมาชิกรัฐสภาลงมติรับรองไป ผลที่จะตามมาคือการสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่ไทยเราจะสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดน 4.6 ตร.กม.ของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ประเทศไทยเราจะถูกลดทอนอำนาจอธิปไตยที่เราเคยมีสมบูรณ์ ลงมาเหลือเพียงเป็น 1 ใน 7 ของคณะกรรมการนานาชาติที่กัมพูชาเป็นผู้เลือกมา ถ้ามีข้อขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น ไทยเราก็จะแพ้ทุกทีไป
2. ในการประชุม JBC ครั้งหนึ่ง นายวาร์คิมฮง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกัมพูชา ได้กล่าวหาไทยเราอย่างร้ายแรงว่า ไทยส่งทหารรุกรานเข้าไปเขตแดนกัมพูชา แต่ทั้งประธานและคณะกรรมการฝ่ายไทยนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้หรือชี้แจงแต่ประการใด ไม่ทราบว่าท่านเหล่านี้โดน “นะจังงัง มนต์ดำเขมร” หรืออย่างไร??? สมาชิกรัฐสภาไทยควรจะรับรองให้ความเห็นชอบหรือ???
3. ตั้งแต่มี MOU 2543 เป็นต้นมา กัมพูชาได้ล่วงละเมิดรุกล้ำดินแดนไทยมาโดยต่อเนื่อง ไทยเราก็เอาแต่ “ประท้วง ประท้วงมาแล้วร้อยกว่าครั้ง ทั้งระดับรัฐบาล และระดับท้องถิ่น (กองทัพภาค 2)” จนบัดนี้จะยังคงประท้วงต่อไปอีกกี่ร้อยครั้ง ยังไม่คิดหามาตรการอื่นที่จะหยุดยั้งการรุกคืบของกัมพูชาบ้างหรือ???
4. “อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” เป็นผลประโยชน์แห่งชาติอันสูงสุด ที่ทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้ เขาก็ยึดถือกันเช่นนี้ ของเราก็มีกำหนดในรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ได้พร่ำสอนอบรมนักศึกษาทุกคนให้รู้จักผลประโยชน์แห่งชาติ และให้สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ชาติในการปกป้องรักษา และพัฒนาผลประโยช์แห่งชาติ ด้วยการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน (การเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา การทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี) อย่างบูรณาการ ผสมกลมกลืนอย่างเหมาะสมกับสภาวะแวดล้อม ซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของบุคคลชั้นนำของประเทศ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหารเกือบทุกคน ก็ได้เรียนจบจาก วปอ. ท่านทั้งหลายที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ฝ่ายข้าราชการประจำขณะนี้ ถูกมนต์ดำเขมรจนลืมเลือนไปหมดแล้วหรือว่า ผลประโยชน์แห่งชาติของเราคืออะไร??? จึงมิได้ทำการชี้แจง เสนอแนะต่อรัฐบาลและรัฐสภาให้เข้าใจ และช่วยกันรักษาผลประโยชน์แห่งชาติเอาไว้ให้ลูกหลานในอนาคต
5. ผมมีข้อสงสัยว่า “ในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีมานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านทรงต้องตัดสินพระทัย ยอมเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต เพราะเราไม่มีแสนยานุภาพที่จะต่อสู้กับฝรั่งเศสได้ ต้องยอมเสียดินแดนไปหลายครั้ง เป็นพื้นที่มหาศาล” บัดนี้เวลาล่วงเลยมาแล้วร้อยกว่าปีนี้ ประเทศไทยได้พัฒนามาจนมีศักยภาพในกำลังอำนาจแห่งชาติทุกด้าน เหนือกว่ากัมพูชาอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้
แต่ทำไม??? “เราจึงกลายมาเป็นลูกไล่ของกัมพูชาในทุกเวที ทั้งการเมืองระหว่างประเทศที่ UN ที่คณะกรรมการมรดกโลกของ UNESCO และที่ ASEAN แม้กระทั่งด้านการทหาร เราก็ยอมถอนทหารออกจากดินแดนของเราเอง” ใครรู้บ้าง ช่วยตอบผมที
ลิงค์ไปยังแหล่งที่มาข้อความ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น