ศาลออกหมายจับหัวโจกสปายเขมร ยศ“พ.อ.” - ผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพหมดเปลือก
  
    | 
      
        | 
| โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 15 มิถุนายน 2554 20:44 น. |  |  
        | 
 |  | 
| 
 
| 
| ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ 
จ.ศรีสะเกษ ออกหมายจับ นายวิชัย  หรือ นายญา เปา  ชื่อภาษาอังกฤษ   “YA  
POV” หรือ  “CHEA  POV” หัวหน้า 3 สายลับกัมพูชาที่ถูกจับกุมก่อนหน้า 
ระบุเป็นทหารกัมพูชา ยศ “พ.อ.” วันนี้ ( 15 มิ.ย.) |  |  | 
|  | 
| 
| 
| 
| 
| 
| คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |  
 
 
 
 |  |  |  | 
| 
| ศรีสะเกษ - 
ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อนุมัติออกหมายจับหัวโจกสปายเขมร ยศ “พ.อ.”แล้ว 
พบเผ่น ออกไทยเข้าเขมร 9 มิ.ย. เผยผู้ต้องหาที่ 1 
รับสารภาพขับรถพากลุ่มสายลับตระเวนตรวจสอบพิกัดที่ตั้งทหารไทยและบังเกอร์
ทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษจริง ด้าน เลขาฯรมว.ต่างประเทศ 
เตรียมนำเรื่องจับ 3 สายลับเขมร แจงเวทีโลก ทั้ง กก.มรดกโลกและศาลโลก 
ส่วนเลขาฯทูตเขมรเตรียมขอเข้าพบ 3 ผู้ต้องหาเพื่อช่วยเหลือ 
 จากกรณีทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ 
ร่วมกับ ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมผู้ต้องหา 3 
สายลับชาวกัมพูชา , เวียดนามและชาวไทยมุสลิม คือ นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี
 สัญชาติกัมพูชา เชื้อชาติกัมพูชา ศาสนาพุทธ ,นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 
ปี สัญชาติเวียดนาม เชื้อสายเวียดนาม ศาสนาพุทธ และ นายสุชาติ มูฮำหมัด 
อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม 
ขณะลักลอบเข้ามาสำรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดน
ไทย-กัมพูชา ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 
คนไว้ที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ และ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ 
ได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม 
ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
 
 วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 
(นายกษิต ภิรมย์) ได้โทรศัพท์ประสานงานขอทราบข้อเท็จจริงและความคืบหน้าจาก 
พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กรณีที่ตำรวจ และทหารจับกุม 3 
ผู้ต้องหาสายลับชาวกัมพูชา ชาวเวียดนามและชาวไทยดังกล่าว
 
 โดย ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 
ได้รายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า การสอบสวนคดีนี้ ได้ร่วมกับ 
พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 
และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ 
จนเกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ท.เดชาวัตร รามสมภพ 
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ 3) และ พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงษ์ 
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ 
ได้กำชับให้ตนและพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ 
ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและให้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบ
ถ้วนและถูกต้อง
 
 พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ประกอบด้วย 
พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย รอง ผกก.(สส.) สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ต.สังวร 
วันทะวี พงส.(สบ.2) ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองทหาร ไปทำการสอบปากคำ
 3 ผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ 
ซึ่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 
คนได้ให้การที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนีอยู่ 
รวมทั้งได้ทำการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของนายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี 
สัญชาติกัมพูชา และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี พบว่า 
ข้อมูลในพาสปอร์ตของทั้ง 2 คน มีการประทับตราผ่านเข้าออกประเทศไทย 
และประเทศเวียดนามหลายสิบครั้งด้วยกัน
 
 และจากการสอบสวนเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสุชาติ มูฮำหมัด 
อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 ชาวไทยศาสนาอิสลาม ได้ยอมรับสารภาพว่า 
ได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน ชว
 1901 กทม. พาผู้ต้องหาที่ 2 และผู้ต้องหาที่ 3 และ นายวิชัย 
กับพวกที่ยังหลบหนีอยู่อีก 3 คน ไปตรวจสอบหาพิกัดตามสถานที่ต่าง ๆ 
ที่เป็นที่ตั้งทางการทหารและบังเกอร์หลุมหลบภัยของชาวบ้านภูมิซรอลและทุก
หมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ
 
 โดยแต่ละแห่งจะใช้เวลาในการลงไปหาพิกัดทางทหารแห่งละ 5 - 10 นาที 
จากนั้น จะเคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ 
ทุกพื้นที่มีฐานที่ตั้งทางทหารและแหล่งชุมชน โดยมี นายวิชัย หรือ “ญา เปา” 
ที่ยังหลบหนีอยู่เป็นหัวหน้าคณะ และจะมีอุปกรณ์ในการล็อกพิกัดต่าง ๆ 
ซึ่งอุปกรณ์ทุกอย่างรวมทั้งแผนที่ทางทหารที่ทำพิกัดเสร็จแล้วจะอยู่กับ 
นายวิชัย หรือ ญา เปา ทั้งหมด 
และได้นำเอกแผนที่ที่หาพิกัดทางทหารที่สมบูรณ์แล้วหลบหนีไปได้
 
 ส่วน นายสุชาติ เป็นเพียงคนรับจ้างขับรถได้ค่าจ้าง 5,000 
บาท ส่วนรถยนต์คันที่ขับขี่มานั้น เป็นของ นายวิชัย หรือ “ญา เปา” 
ซึ่งได้ซื้อไว้ใช้ในประเทศไทยโดยใช้ชื่อของชาวไทยคนหนึ่งเป็นผู้ซื้อ
 
 พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวอีกว่า จากพยานหลักฐานที่ชัดเจนทั้งหมด 
ตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้ทราบแล้วและได้ขออนุมัติศาลจัง
หวัดกันทรลักษ์ออกหมายจับ นายวิชัย หรือ นายญา เปา 
มีชื่อในภาษาอังกฤษตามหนังสือเดินทาง ว่า YA POV 
หรือชื่อภาษาอังกฤษในการประกอบธุรกิจ ว่า CHEA - POV หมายเลขหนังสือเดินทาง
 เลขที่ 0978812 เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2506 หรือ 19630101 อายุ 48 ปี 
ชาวกัมพูชา ตามหมายจับของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ที่ จ.50/2554 ลงวันที่ 15 
มิ.ย. 2554 ในข้อหาร่วมกันกระทำการใดๆ 
ให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ โดย นายญา เปา 
ประกอบอาชีพที่เชื่อได้ว่า รับราชการทหารยศ “พันเอก” และ 
ประกอบธุรกิจส่วนตัวในประเทศกัมพูชา
 
 จากการที่ได้ตรวจสอบจากด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่งแล้ว ปรากฏว่า 
นายวิชัย หรือ นายญา เปา ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยเข้าไปในประเทศกัมพูชา 
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2554 ที่ผ่านมา 
โดยผ่านเข้าไปในประเทศกัมพูชาที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.อรัญประเทศ 
จ.สระแก้ว
 
 สำหรับ นายเหวียง เติ้งยัง ชาวเวียดนาม เข้ามาในเขตประเทศไทย 
ทางด่านคลองใหญ่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 54 และ นายอึ้ง กิมไทย 
ชาวกัมพูชา เข้ามาในเขตประเทศไทย ทางด่าน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี 
โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้มารวมตัวกันและดำเนินการลักลอบตรวจหาพิกัดที่ตั้งทาง
ทหารของไทย
 
 ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวด้วยว่า ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 
คนได้ดำเนินการตามพยานหลักฐาน มีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบทันที 
และแจ้งให้ผู้ต้องหาทุกคนได้รับทราบสิทธิต่าง ๆ 
ของผู้ต้องหาทั้งในการพบกับทนายความ 
การได้รับสิทธิในการเยี่ยมญาติโดยไม่มีการกีดกันแต่อย่างใด
 
 ทางด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ 
รมว.กระทรวงการต่างประเทศ (นายกษิต ภิรมย์) เปิดเผย ว่า 
ในส่วนนี้ได้เรียนกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง 
ส่วนใดที่เป็นประโยชน์ทางกระทรวงการต่างประเทศก็จะนำไปใช้ในการเจรจาชี้แจง
กับเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นทางคณะกรรมการมรดกโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
 
 ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่นั้นทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังดำเนิน
การออกหมายจับแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาอีก 2 
คน 
และพบว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทเป็นหัวหน้าที่ที่มีการนำกลุ่มสายลับเข้ามาใน
ครั้งนี้ ดังนั้นเอกสารหลักฐานต่างๆ 
ก็น่าที่จะอยู่กับนายคนนี้ขณะนี้เราทราบเบาะแสแล้วว่าเป็นใครที่ไหน
 
 นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของท่าทีของกัมพูชานั้น 
ในเรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามหน้าที่เรื่องนี้เป็นเรื่องของการรักษาผล
ประโยชน์ของชาติเรากำลังดำเนินการเรื่องการปกป้องผืนแผ่นดิน 
ดังนั้นในสัปดาห์หน้านั้นตนจะนำเรื่องนี้ไปชี้แจงกับคณะกรรมการมรดกโลกด้วย
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด 
เลขานุการเอกอัครราชทูตกัมพูชา เตรียมขอเข้าพบ 3 
ผู้ต้องหาเพื่อหาทางช่วยเหลือเป็นการด่วนต่อไป
 
 |  |  |  |  | 
 
 
 
          
      
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น