บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

สถาบันกษัตริย์ไม่เคยกดขี่คนไทย

สถาบันกษัตริย์ไม่เคยกดขี่คนไทย 

ปัญญาชนและวิญญูชนคงไม่ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่า ระดับการพัฒนาของสังคมไทยยังไม่เทียบเท่าหรือเท่าเทียมกับการพัฒนาของสังคมยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในประเด็นวัตถุและเทคโนโลยี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้หมายความว่าในการพัฒนาเชิงจิตใจและจิตวิญญาณของสังคมไทยจะด้อยไปกว่าสังคมตะวันตก


แต่ช่างเป็นเรื่องน่าพิสดารที่คนไทยบางกลุ่ม โดยเฉพาะพวกที่ชอบยกหางตัวเองว่าเป็นพวกเสรีนิยมสุดโต่งจนกลายเป็นพวกเสรีนิยมเพ้อฝัน คนพรรค์นี้มักชอบสร้างกระแส ก่อกวนสังคมให้เกิดความรู้สึกไม่ดีและมีอาการสับสนตลอดเวลา โดยการกล่าวอ้างแบบเกินเลยว่า สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการกดขี่ แล้วก็มักจะชอบประณามสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเป็นต้นแบบของการกดขี่

ถามจริง ๆ เถอะ คุณพวกเสรีนิยมเพ้อฝันแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรือว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กดขี่คนไทย แต่ถ้าหากเป็นจริงดังคำกล่าวร้ายของคุณแล้ว ช่วยตอบให้กระจ่างได้ไหมว่า เหตุใดคนไทยส่วนใหญ่จึงยอมรับตรง ๆ ว่าสังคมไทยคงไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากสถาบันสำคัญนี้ หรือคุณเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นพวกแมสโซคิสม์ (Masochism) จึงชอบความเจ็บปวดที่เกิดจากการถูกกดขี่ห่มเหง หากจะว่ากันตามความจริงแล้ว สังคมไทยมีการกดขี่กันเป็นชั้น ๆ ตลอดเวลา แต่เป็นเรื่องประหลาดที่คนส่วนหนึ่งดันสมยอมให้เกิดการกดขี่ และก็พิสดารตรงที่ผู้ถูกกดขี่กลับไม่ค่อยกล้าลุกขึ้นต่อสู้กับผู้กดขี่ตนเองโดยตรง แต่ชอบตีโพยตีพาย ตีวัวกระทบคราดไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วเหมารวมว่าสถาบันฯคือตัวการ ทั้ง ๆ ที่สถาบันฯมิได้มีส่วนรู้เห็นแม้แต่น้อย ตัวอย่างเช่น เมื่อชาวบ้านเกิดความไม่พอใจโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ก็มักจะกล่าวจนเกินเลยไปว่าสถาบันฯเป็นผู้สั่งการ หรือแม้กระทั่งเกิดการรัฐประหารเนื่องจากนักการเมืองสามานย์โกงบ้านกินเมืองจนประชาชนทนไม่ได้ ก็มีการกล่าวร้ายอีกว่าสถาบันฯเป็นผู้สั่งให้ทำรัฐประหาร





การกล่าวโทษเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายและเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้พูดไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เนื่องจากคนพรรค์นี้รู้ดีว่า ไม่มีวันที่ฟ้าจะลงมาต่อปากต่อคำด้วย เพราะฉะนั้นคนพรรค์นี้จึงได้ใจและว่าร้ายฟ้าไปเรื่อย ๆ เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ คนพวกนี้รู้ดีว่าฟ้าไม่มีวันลงโทษตนเอง ซึ่งต่างไปจากการว่าร้ายพวกมาเฟียและนายทุนการเมือง เพราะการว่าร้ายคนจำพวกหลังนั้น อาจทำให้ผู้พูดต้องประสบความเดือดร้อนสาหัสและอาจสูญหายไปจากโลกใบนี้ได้โดยง่าย

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ก็หวังว่าพวกเสรีนิยมสุดโต่งคงจะได้สติกลับคืนมาบ้าง แล้วน่าจะทบทวนพฤติกรรมของตนด้วยว่า ตนมีส่วนกดขี่สังคมบ้างหรือเปล่า ผู้เขียนเคยเห็นพวกที่ชอบยกห่างว่าตนเป็นผู้บูชาความเท่าเทียม ความเสมอภาค แต่ครั้นเมื่อเวลาได้รับเชิญไปพูดเพ้อเจ้อให้คนที่คิดไม่ทันฟัง ก็ปรากฏว่ายังมีคนคลานเข่าเอาน้ำและอาหารไปเสริฟถึงโต๊ะในห้องรับรอง แบบนี้มันแสดงถึงความเท่าเทียมกระนั้นหรือ
เราคนไทยยังรู้สึกภาคภูมิใจว่า สังคมของเรามีความอบอุ่นและมีความน่ารักมากกว่าสังคมตะวันตกหลายร้อยเท่า เรายังคงภาคภูมิใจกับยิ้มสยาม ภาคภูมิใจกับความเอื้ออารีย์ที่แต่ละคนมีให้กันและกัน และเราก็ยังมีความสุขใจเมื่อได้สัมผัสบรรยากาศฉันท์พี่ฉันท์น้อง ถึงแม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า สังคมของเรามีการแบ่งชนชั้นก็ตาม แต่ทว่าการแบ่งชนชั้นของเราก็ยังไม่เคยทำให้คนไทยลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเองเหมือนที่เกิดในบางประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง