ประเทศไรพรมแดน ( copy มา กรณี ประสาทพระวิหาร )
ผมได้อ่าน ปราสาทพระวิหาร ข้อมูลและข้อคิด โดยศาสตราจารย์ ดร.สมปอง
สุจริตกุล
ผมขอเริ่มที่ปัญหาเขตแดน ไทย – กัมพูชาก่อน เพราะเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง
ไทยยึดถือเขตแดนโดยอ้างอิงสนธิสัญญา สยาม -ฝรั่งเศสเมื่อปีค.ศ. ๑๙๐๘
ระ หว่างปีค.ศ. ๑๙๐๕-๑๙๐๗ คณะกรรมการปักปันเขตแดนผสม สยาม-ฝรั่งเศสได้
ไปตรวจสอบแล้วเห็นว่า การกำหนดเขตแดนในบริเวณทิวเขาดงรักโดยใช้สันปันน้ำเป็น
หลัก ตามสนธิสัญญาทวิภาคีระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๔ นั้นชัดเจนอยู่แล้ว
เสันสันปันน้ำจึงเป็นเส้นกำหนดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นที่ยอมรับมาโดย
ตลอดและไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขมาตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๐๔ จนถึงปัจจุบันโดย
ไม่เคยมีผู้ใดโต้แย้งหรือให้ความเห็นเป็นอย่างอื่น
(สำหรับ ท่านผู้อ่านที่อาจไม่เข้าใจว่าสันปันน้ำหมายถึงอะไร ให้นึกภาพเทือกเขา
ครับ แนวสูงสุดของเทือกเขาที่เมื่อฝนตกแล้ว น้ำฝนแยกไหลลงสู่พื้นที่ที่ต่ำกว่าทั้ง
สองด้านคือสันปันน้ำ เป็นการแบ่งโดยธรรมชาติว่าด้านไหนเป็นเขตไทย ด้านไหน
เป็นเขตกัมพูชา สันปันน้ำเป็นส่วนหนึ่งของภูเขา เป็นหินที่แกร่งและอยู่ได้ตลอดไป)
ส่วนกัมพูชาใช้แผนที่ผนวก ๑ ที่ใช้แนบท้ายคำฟ้องคดีปราสาทพระวิหารเป็นแผนที่
กำหนดเขตแดน
ปัญหาของไทย-กัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนบริเวณเทือกเขาดงรักมีสองเรื่องใหญ่
สองช่วงเวลา
ช่วงแรกคดีปราสาทพระวิหาร ไทย-กัมพูชา พ.ศ. ๒๕๐๒ – ๒๕๐๕
วัน ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ กัมพูชาเป็นโจทก์ยื่นคำร้องฝ่ายเดียวเพื่อฟ้องไทยเป็น
จำเลย ขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า พื้นที่ที่ประสาทพระวิหารตั้งอยู่
นั้นอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา
(ท่าน อาจารย์สมปองหยิบยกประเด็นที่พวกเราควรทราบไว้ด้วยว่า คำฟ้องของเขมร
กล่าวถึงเฉพาะพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่พื้นที่เขาพระวิหาร จากนี้
ไปทุกครั้งเมื่อพูดถึงคดีปราสาทพระวิหาร ห้ามพูดว่าคดีเขาพระวิหาร หรือคดีปราสาท
เขาพระวิหารเป็นอันขาด)
เนื้อหาจากนี้ไปค่อนข้างจะสำคัญ
เขมรขอให้ศาลฯวินิจฉัย ๕ ประเด็นสำหรับคดีปราสาทพระวิหารครับ
๑. สถานะ ภาพของแผนที่ผนวก ๑ แนบท้ายคำฟ้อง (เป็นแผนที่ที่ทำขึ้นโดยฝรั่งเศส
และ/หรือกัมพูชาโดยไทยไม่มีส่วนร่วมด้วยเลย แม้แต่ฉบับเดียว จึงมีความผิดพลาด
โดยอำนวยประโยชน์ให้ผู้จัดทำคือฝรั่งเศสและนำความเสียหายมา สู่ประเทศไทย)
ท่านอาจารย์สมปองกล่าวด้วยว่า ไทยมิได้เคยยอมรับในอดีตและไม่สมควรอย่างยิ่งที่
จะยอมรับแผนที่ที่กัมพูชานำ มาอ้างอิงในปัจจุบันไม่ว่าในกรณีใด
๒. ความถูกต้องของเขตแดนที่ปรากฏบนแผนที่ผนวก ๑
ทั้งข้อ ๑ และ ข้อ ๒ ศาลงดเว้นการวินิจฉัยความถูกต้องของเส้นเขตชายแดน ศาล
ไม่ได้ทำหน้าที่กรรมการปักปันเขตแดนครับ
๓. ชี้ขาดว่าพื้นที่ที่ประสาทพระวิหารตั้งอยู่นั้น อยู่ภายใต้อธิปไตยกัมพูชา
ศาลวินิจฉัยด้วยคะแนนเสียง ๙ ต่อ ๓ ว่า ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ภายใต้
อำนาจอธิปไตยของกัมพูชา
๔. ให้ไทยถอนกำลังออกจากตัวปราสาทและบริเวณที่ตั้งปราสาท
ศาลวินิจฉัยด้วยคะแนนเสียง ๙ ต่อ ๓ ว่าไทยมีพันธะกรณีจะต้องถอนทหาร ตำรวจ
หรือยามรักษาการณ์ออกจากปราสาทพระวิหาร หรือบริเวณใกล้เคียงที่อยู่บนดินแดน
เขมร
๕.ให้ไทยคืนวัตถุโบราณที่สูญหายไปจากปราสาทพระวิหารเมื่อปี ค.ศ. ๑๓๕๐ –
๑๙๖๒ศาลวินิจฉัยด้วยคะแนนเสียง ๗ ต่อ ๕ ว่าไทยมีพันธะจะต้องคืนให้กัมพูชา
บรรดาวัตถุที่กัมพูชาอ้างถึง
สำหรับจุดยืนและท่าทีของประเทศไทยภายหลังคำพิพากษาของศาลฯมีดังนี้ครับ
ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฯ
โดยเห็นว่ามิได้เป็นการพิจารณาวินิจฉัยคดีตามกระบวนการที่ชอบ ขัดต่อหลักยุติ
ธรรมและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามในฐานะที่ ไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ จึงได้ปฏิบัติตาม
พันธะข้อ ๙๔ ของกฎบัตรสหประชาชาติ ทั้งนี้โดยยื่นคำประท้วงคัดค้านไปยัง
สหประชาชาติ และตั้งข้อสงวนไว้อย่างชัดเจนว่า ไทยสงวนสิทธิที่มีอยู่หรือพึงมี
ในอนาคตที่จะดำเนินการเรียกคืนซึ่งการครอบครองปราสาทพระวิหารโดยสันติวิธี
(หนังสือว่าด้วยข้อสงวน ยังมีผลบังคับจนถึงปัจจุบัน ไม่มีการขาดอายุความ)
ก่อน จะเดินหน้าต่อไปยังปัญหาที่สอง มีประเด็นที่พวกเรา (โดยเฉพาะเจ้าหน้า
ที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย) ต้องท่องกันให้ขึ้นใจครับว่า ไทยเรายืนหยัดเส้นแบ่งเขต
แดนไทย-กัมพูชาที่สันปันน้ำเท่านั้น เพราะฉะนั้นพื้นที่ทับซ้อน(ที่มีความหมายว่า
ทั้งไทยและเขมรแย่งกันเป็นเจ้า ของ) จะมีเฉพาะพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของปราสาท
พระวิหารเท่านั้น (เขมรได้ครอบครองโดยคำวินิจฉัยของศาลโลกแต่ไทยยังสงวน
สิทธิอยู่) ส่วนพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่แบ่งโดยสันปันน้ำ เราถือเป็นดินแดน
ของประเทศไทยทั้งสิ้น
ช่วงที่สองการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
ประเด็นในส่วนนี้ไม่สลับซับซ้อนมากนัก
กัมพูชา ได้ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก คำขอขึ้นทะเบียน
ของกัมพูชานี้ได้อ้างอิงคำพิพากษาของศาลในคดีปราสาทพระวิหาร อย่างผิดพลาด
โดยอ้างว่าศาลรับรองแผนที่ผนวก ๑ ท้ายคำฟ้องของกัมพูชาว่าเป็นแผนที่ที่ถูกต้อง
(ข้อเท็จจริงคือศาลโลกมิได้มีการวินิจฉัยเรื่องเขตแดน)
ซ้ำร้ายไปกว่า นั้น ในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐบาลไทยใน
ขณะนั้นโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศ และกรมแผนที่ทหาร
ได้พร้อมใจกันยอมรับนับถืออำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือ ปราสาทพระวิหาร โดย
การออกแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา
แถลงการณ์ร่วมนี้ เป็นเอกสารประกอบการเสนอขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็น
มรดกโลก โดยกัมพูชาฝ่ายเดียว โดยไทยให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่
ลงนามโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทย และรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ ลงนามย่อไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑
--------------------------------------------------------------------
อ่านทั้งหมดแล้วพอจับประเด็นสั้นๆได้ว่า
๑. ปัญหาเขตแดนไทย – กัมพูชา ไทยยึดถือสนธิสัญญา กัมพูชายึดถือแผนที่
ผนวก๑ที่ใช้แนบคำฟ้อง
๒. ศาลโลกไม่ได้วินิจฉัยปัญหาเขตแดน แต่กัมพูชานำไปใช้อ้างอิงอย่างผิดพลาด
ในคำขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก
๓. รัฐบาลไทยยุคก่อนหน้านี้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนกัมพูชาตามข้อ ๒.
เท่ากับเป็นการยอมรับเส้นแบ่งเขตดินแดนตามแผนที่ผนวก ๑ โดยปริยาย
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา เขมรใจดี เปิดให้คนไทย เข้าไปชมได้
แต่ทหารไทยก็ควร ออกมาเพื่อจะได้ส่งเสริมการท่องเทียว ขณะนี้ ทหารไทย
ก็ไม่ได้กลับเข้าไป เมื่อก่อนประจำการก็เหมือนไม่อยู่
ดูยังไงก็สันปันน้ำ ศาลโลกก็ตัดสินเข้าข้างมหาอำนาจ เป็นเหตุให้เราไม่รับ
อำนาจศาลโลกตั้งแต่นั้นมา แต่เราก็ยืนยันยกแค่ตัวประสาทให้เขาไปในวันนั้น
การตัดสินไม่ได้ตัดสิน ที่ดินตัดสินแค่ตัวประสาท แต่ฮุนเซน ทำให้มันได้ โดนตั้งธงชาติ
และ จนท.ระดับสูงมาในพื้นที่ ทั้งเมียและผัวก็มาเดินเล่นบนพื้นที่ 4.7 ตารางกิโลเมตร
แล้วตอกย้ำอำนาจเหนือดินแดน ของเราไม่เคยเข้าไปเลย ถึงเข้าไปก็ทำเรื่องขออณุญาติ
เขาอีก ก็ไม่ต่างจากการยกให้เขาดีๆ
แผ่นที่ ที่เขายืนให้มรดกโลก ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน การก่อสร้างทาง ไทยประท้วงตาม
mou 43 ก็ไม่สนสร้างจนแล้วเสร็จ
ตอนแพ้ครั้งนั้นก็ยอมตัดให้ไป ถ้ามันอยากขึ้นมาก็ให้มัน ขึ้นหน้าผามา แต่ผ่านไป
เราก็ยอมให้มันตัดถนนมาเลย นี้แหละมิตรประเทศที่ดี
เขมรเชิญทูต 20 ประเทศมาดู ว่าไม่มีทหารในพื้นที่ ปลอดภัยแล้ว มรดกโลก
มาได้เติมที่เลย ดูมันทำ ตอกหมุดจบเกมเลย พื้นที่ รอบๆประสาทก็ไม่เหลือ
ตัวประสาทมันยืนไม่ผ่าน แถมเป็นพื้นที่มีขอพิพาท และองประกอบอื่นก็อยูฝ้งเรา
เด็กเส้นจริงๆ ประเทศมหาอำนาจ หวังโครงการก่อสร้อง
ปีนี้ แผ่นการบริหารพื้นที่รอบๆ ก็คงเสร็จ ไม่สนใจเสียงประท้วงจากเราแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น