บทสรุปพลังงานอ่าวไทย-กัมพูชาของใคร???

โดย ดร.รักไทย บูรพ์ภาค
 | 
 | ดร.รักไทย บูรพ์ภาค : ที่ ปรึกษาประจำสำนักงานใหญ่ธนาคารโลกด้านนโยบายพลังงาน/สิ่งแวดล้อม  และรองผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลด้านพลังงานมหาวิทยาลัย MIT  สหรัฐอเมริกา 
 สวัสดี อีกครั้งทุกๆ ท่าน อาทิตย์นี้ผมอยู่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี.  มีเหตุการณ์ภัยธรรมชาติมากมาย ไหนจะแผ่นดินไหว ไหนจะพายุเฮอริเคนเข้า  ก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ทุกๆ  ท่านก็ต้องรักษาตัวด้วยเพราะตอนนี้ที่เมืองไทยก็เหมือนว่าจะเข้าช่วงฤดูฝน แล้ว รักษาตัวด้วยนะครับทุกท่าน
 
 กลับมาเรื่องที่ผมสัญญาว่าจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่อง แหล่งพลังงานพื้นที่ทับซ้อนนี้  ก่อนอื่นบอกก่อนว่าทุกท่านต้องทำใจเป็นกลางแล้วมองตามภาพข้างล่าง สองภาพนี้
 |   | มองกันตามข้อมูลนี้ ผมได้มาจากกระทรวงพลังงานภายในของสหรัฐอเมริกา  (U.S. Department of the Interior ซึ่งดูแลด้านนี้)  ข้อมูลอันนี้ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับแหล่งพลังงานในภูมิภาคของเราตาม รูปเลย ถ้ามองคร่าวๆ  ตามตะเข็บชายแดนบริเวณไทย-กัมพูชาจะเห็นว่ามันอยู่ในแหล่งพลังงานใต้พิภพที่ เรียกว่า (Thai Cenozoic Basins)??? หมายความว่ายังไง  หมายความว่าแหล่งพลังงานบนพื้นที่ทับซ้อนถ้าดูจากข้อมูลทางธรณีวิทยาที่เห็น ก็ต้องบอกว่าเป็นแหล่งพลังงานของไทย  ท่านผู้อ่านพอจะเห็นภาพหรือยังว่าคราวนี้ถ้าเรามองย้อนกลับแล้วจะเกี่ยวอะไร กับเหตุการณ์พื้นที่ทับซ้อนในช่วง 2-3 ปีนี้ หรือไม่ขอตั้งข้อสังเกตว่า 
 1.  ถ้าการที่จะมีข้อมูลของสหรัฐอเมริกามาตีพิมพ์เรื่องนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นไป ได้ หรือไม่ว่าข้อมูลดิบน่าจะมีก่อนหน้านี้ถึง 3-4 ปีแล้ว
 
 2. เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหรือเปล่าที่ทางกัมพูชาพยายามทำให้พื้นที่ 4.6   ตารางกิโลเมตรกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนแล้วทางเขาจะได้ผลประโยชน์ด้วยซึ่งทาง ฝั่งเขาไม่น่าจะมีสิทธิแต่แรก
 
 คราวนี้เพื่อความชัดเจน  ผมเขียนจดหมายไปถึงผู้ที่จัดทำข้อมูลชุดนี้ที่ทำงานอยู่ที่กระทรวงพลังงาน ภายในของสหรัฐอเมริกา ผลปรากฏว่าทางเขาไม่ตอบอะไรเลย  (ปกติติดต่ออะไรเขาตอบเสมอ)  อาจจะเป็นเพราะว่าทางอเมริกาไม่อยากยุ่งหรือว่ามีบริษัทน้ำมันสัญชาติ อเมริกาเข้าไปเอี่ยวกับทางฝั่งกัมพูชารึป่าวอันนี้ผมไม่ทราบ...  แล้วจากข้อมูลที่ได้ประเด็นข้อตกลงเรื่องนี้ควรจะเป็นอย่างไรซึ่งก่อนหน้า นี้มีผู้ใหญ่ประจำกระทรวงบอกว่า “แบ่งพลังงานอ่าวไทยเขมรวิน-วิน 50:50 ตรงพื้นที่ทับซ้อนใกล้ฝั่งใครเอาไป 80:20” วิน-วินจริงรึครับ??
 
 ถ้าจากข้อมูลชุดนี้  ท่าทางว่าฝั่งกัมพูชาเขาจะวินอย่างเดียวละครับเนี่ย  เพราะทางเขาไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่แรกแล้วมันควรจะเป็นอย่างไรละ  ถ้าถามผมโดยยึดผลประโยชน์ของชาติไทบเป็นหลักและอิงตามสากลควรจะเป็นอย่างนี้
 
 1. แหล่งน้ำมันฝั่งใครของประเทศนั้น เราก็คงไม่อยากไปเอาของเขาอยู่แล้ว
 
 2. บนพื้นที่ทับซ้อนไทยต้องไม่ต่ำกว่า 80%  เพราะเป็นแอ่งพลังงานของเราแต่แรก  แต่เข้าใจว่ากลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนเราอาจจะต้องให้เขาบ้างเพื่อจะได้มีการ นำพลังงานมาใช้ทั้งสองฝ่าย โดยต้องเปิดเผยข้อมูลการขุดเจาะทั้งสองฝ่าย  (ในกรณีที่เรามีข้อมูลทุกอย่างพร้อม และตัดสินใจจะนำพลังงานมาใช้)
 
 3. แหล่งน้ำมันบริเวณฝั่งกัมพูชาเนื่องจากว่าอยู่ในแอ่งเดียวกับเรา  (Thai Cenozoic Basins)  เขาต้องรายงานข้อมูลการขุดเจาะรวมถึงวันที่จะเจาะในรัศมี 4-5  กิโลเมตรนับจากเขตแดนทางกัมพูชาไปในประเทศกัมพูชา  และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากเราในกรณีที่หลุมเจาะใกล้เขตแดนระหว่างประเทศ ในระยะ 4-5 กิโลเมตรทำไมต้องเป็นแบบนี้???  เพราะป้องกันทางฝั่งกัมพูชาใช้เทคโนโลยีในการเจาะมาลักลอบเอาน้ำมันของเรา  เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีการเจาะแบบแนวนอน (Horizontal Drilling)  ซึ่งแต่ก่อนมีแบบแนวตั้งแบบเดียว (Vertical Drilling)  และช่วงท่อแนวนอนนี้สามารถยึดไปได้ประมาณ 3-4 กิโลเมตร  ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีบางประเทศนำไปใช้ในการลักลอบน้ำมันใต้ดิน  (บางแหล่งชั้นน้ำมัน Connect กันหมด)  และรัฐบาลเรารวมไปถึงคนไทยเราต้องรู้ทันด้วย ตามรูปประกอบจาก Internet  ข้างล่าง
 |   | ซึ่งข้อตกลงนี้ก็ต้องให้นักกฎหมายและนักธรณีวิทยามาดูด้วย  เพราะผมพูดในเชิงนโยบายและประสบการณ์ของผมด้านพลังงานและขุดเจาะน้ำมัน  สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่าถ้าคนไทยเราสามัคคีกันผลประโยชน์ต้องตกเป็นของคนไทยแน่ นอน ดูอย่างทีมวอลเลย์บอลหญิงของเราสิเป็นตัวบอกได้ดีเลยครับ  ผมขอฝากข้อมูลหรือบทความนี้ไปถึงคนไทยทุกคนและรัฐบาลใหม่ด้วย ขอขอบคุณครับ |  | 
 
 
 
 
          
      
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น