วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
จับตางานเลี้ยงใหญ่บนเขาพระวิหาร หากเงื่อนไขไม่ลงตัว
ฟิฟทีนมูฟ — แหล่งข่าวเผยมีความเคลื่อนไหวทางทหารสองฝ่ายไม่ปกติบนพื้นที่เขาพระวิหาร ฝ่ายไทยส่งราชินีสนามรบเข้าพื้นที่ พร้อมเครื่องจักรกลตั้งบังเกอร์ และเสริมกำลัง ขณะรัฐบาลมุ่งหน้าถอนทหารลูกเดียวเพื่อกินน้ำมัน ผบ.สส. ออกส่งสัญญาณ หากเงื่อนไขทหาร-รัฐบาลไม่ลงตัว ผสมปัจจัยอื่น อาจมีงานเลี้ยงใหญ่บนเขาพระวิหาร
วานนี้ เป็นครั้งแรกที่ผู้นำสูงสุดของฝ่ายทหาร พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกมาพูดอย่างชัดเจนว่า หากถอนทหารก็ถือว่าเป็นการเสียดินแดนโดยพฤตินัย และส่งนัยยะถึง “เงื่อนไข” บางประการที่ทหารต้อง “รับได้” พร้อมเปิดประเด็นว่า การเจรจาเรื่องการถอนทหารอยู่นอกกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ซึ่งหากรัฐบาลจะมอบหมาย เรื่องต้องไปผ่านสภา และให้แนวทางมา จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลต้องรี่นำเอาเรื่องการถอนทหารเข้าผ่านความเห็นชอบของ รัฐสภาโดยประชุมปกปิด
หากสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่เขาพระวิหาร แหล่งข่าวในพื้นที่และสายความมั่นคงหลายแหล่ง รายงานตั้งแต่เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนว่า มีความเคลื่อนไหวและกิจกรรมทางทหารที่ไม่ปกติของทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังทหารไม่ทราบจำนวนเข้าพื้นที่ ข่าวในทางเปิดพบว่ามีการฝึกอบรมตำรวจกว่า ๔๐๐ คน เพื่อเข้าประจำการแทนที่เมื่อมีการถอนทหาร โดยจัดกำลังมาจากตำรวจในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงจังหวัดพระวิหาร ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นทหารและครอบครัวทหารในพื้นที่เขาพระวิหารที่ไปเป็น ตำรวจ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการระดับสูงในภูมิภาคทหารของกัมพูชา มีการตรวจเยี่ยมหน่วยทหารและกองกำลังตำรวจป้องกันพรมแดน หรือ ตชด. ค่อนข้างถี่ รวมถึงการตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมของกองรถถังที่จังหวัดกำปงสปือ
ฝ่ายไทย มีรายงานว่า หลังมีการถอนทหารออกไปจำนวนมากก่อนวิกฤตน้ำท่วม เมื่อต้นเดือนมีการปรับกำลังนำหน่วยที่ได้ชื่อว่า “ราชินีแห่งสนามรบ” กลับขึ้นมาจากภาคใต้ เข้าประจำในพื้นที่ เป็นหน่วยที่ช่ำชองภูมิประเทศ มีความรู้ภาษาเขมรเป็นอย่างดี เป็นหน่วยที่ทหารเขมรเกรงกลัวเป็นที่สุด ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการส่งทหารและเครื่องจักรกลเข้าพื้นที่เพื่อทำแนวบังเกอร์ใหม่นอกเขตปลอด ทหาร และเพื่อกิจกรรมบางอย่าง และล่าสุดตลอดวันของวานนี้และวันนี้ มีการส่งทหารพร้อมยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน อ.กันทรลักษ์ ได้มีหนังสือสั่งการชะลอการปฏิบัติตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์สั่งการ ชายแดน ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติพระวิหาร ที่ออกมาตั้งแต่เมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔
แม้ว่า ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ของทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่ช่องซำแตไปจนถึงเขต จ.สุรินทร์ ค่อนข้างดี มีการติดต่ออย่างใกล้ชิดและแจ้งข่าวการลาดตระเวนต่อกันต่อเนื่อง ไม่มีการยั่วยุ โอภาปราศรัยกันค่อนข้างดี แต่ทว่าเป็นแต่เพียงสถานการณ์เหนือผิวน้ำเท่านั้น
ขณะที่ ฝ่ายนโยบาย รัฐบาลของผู้หลบหนีโทษจำคุก มีท่าที่ที่ชัดเจนว่าต้องการมุ่งหน้าสู่การถอนทหารและปฏิบัติตามมาตรการชั่ว คราวของศาลโลก “ไอ้ปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันอย่างชัดเจนหลายครั้งและล่าสุดที่รัฐสภาในการพิจารณาเรื่องการถอนทหาร
การประชุมที่ยูเนสโก กรุงปารีส ครั้งล่าสุด มีประเด็นให้ตั้งข้อสังเกต คือ รัฐบาลได้ให้นายพิทยา พุกกะมาน ที่มีตำแหน่งทางการเมืองเพียงแค่ “ผู้ช่วย” ของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย นายพิทยา เป็นอดีตทูตและที่ปรึกษารัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยนายนพดล ปัทมะ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของพรรคเพื่อไทย แหล่งข่าวจากการประชุมที่ยูเนสโกให้ข้อมูลว่า ในการพบหารือระหว่างหัวหน้าคณะฝ่ายไทยกับ นายซก อาน หัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชา ที่ทำเนียบทูตกัมพูชา มีการหยิบยกเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ “น้ำมัน” ขึ้นเป็นหัวข้อสนทนา เป็นที่ทราบว่า นายซก อาน นอกจากรับผิดชอบเรื่องมรดกโลกในฐานะประธานคณะกรรมการมรดกโลกของกัมพูชาแล้ว ยังเป็นประธานองค์การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ที่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดูแลการเจรจาการแบ่งปันผลประโยชน์น้ำมันในอ่าวไทย
เมื่อไม่นานมานี้ เคิร์ท แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิทยา พุกกะมาน ก็อยู่ร่วมด้วย นอกจากนี้ การที่ นางฮิลลารี คลินตัน เดินทางเยือนไทยก็เป็นเรื่องควรให้ตั้งข้อสังเกต แม้หน้าฉากจะพูดถึงความสัมพันธ์และความช่วยเหลือน้ำท่วม แต่ย่อมเป็นที่ทราบกันดีว่า ลมหายใจเข้าออกของสหรัฐอเมริกาคืออะไร ทั้งนี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าหลายเดือนที่ผ่านมีโฆษณาของบริษัทน้ำมันของสหรัฐในจอ โทรทัศน์ของไทยต่อเนื่อง และเป็นครั้งแรก
เป็นที่ทราบอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาต้องการทั้งปราสาทพระวิหาร เขตแดนและน้ำมัน ขณะที่ปัจจุบันของอดีตไทยรักไทย “หัวใจคือน้ำมัน” ดังนั้น ทิศทางจึงพุ่งเป้าเอาใจกัมพูชาเพื่อพากันออกทะเล เป็นเรื่องชวนจับตาว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะใช้เงื่อนไขใดต่อรองให้ทหาร “รับได้” แม้อาจมองได้ว่าการขยับของทหารระดับสูงเป็นไปเพื่อต้องการเกราะคุ้มกันตนเอง แต่แหล่งข่าวหลายสายของฟิฟทีนมูฟมองตรงกันว่า เงื่อนไขของฝ่ายทหารตั้งอยู่บนประโยชน์ของชาติ พร้อมแนะให้จับตาสภาพอากาศ ที่ร่อง “ความกดอากาศสูง” กำลังปกคลุมพื้นที่เขาพระวิหาร พร้อมสังเกตความเคลื่อนไหวของทหารอย่างใกล้ชิด หากเงื่อนไขไม่ลงตัว หรือมีปัจจัยบางอย่าง เป็นไปได้ว่าจะมี “งานเลี้ยงใหญ่” บนพื้นที่เขาพระวิหารอีกรอบ ที่คราวนี้ฝ่ายทหารไทยจะไม่ให้เขมรกินเปล่าอย่างคราวเดือนกุมภาพันธ์!
ฟิฟทีนมูฟ — สื่อเขมรอ้างเจ้าหน้าที่องค์การพระวิหาร ระบุเขมรเสริมทหารเข้าประชิดชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร ขณะไทยปรับเพิ่มกำลังเข้าประจำช่องตาเฒ่า จักจะแรง และตาเส็ม ระบุสั่งเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมตลอดเวลา
หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ของกัมพูชา วันนี้ (๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) รายงานอ้าง นายจัน ชอน เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวสารขององค์การพระวิหารแห่งชาติกัมพูชา ที่ระบุว่า กัมพูชาได้เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนในพื้นที่เขาพระวิหาร เช่นเดียวกับที่ฝ่ายไทยได้เสริมกำลังในพื้นที่ช่องตาเฒ่า จักจะแรง และตาเส็ม
นายจัน ชอน กล่าวว่า เราต้องเตรียมพร้อม และเจ้าหน้าที่องค์การพระวิหารแห่งชาติอยู่ในภาวะเฝ้าระวังตลอดเวลา หลังจากที่ฝ่ายไทยยืนยันว่าจะไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่ซึ่งเกิดกรณี พิพาท ใกล้กับปราสาทพระวิหาร
รายงานข่าวดังกล่าว สอดคล้องกับแหล่งข่าวในพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหารของฟิฟทีนมูฟ ที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ทั้งสองฝ่ายมีการเสริมกำลังเข้าพื้นที่ มีความเคลื่อนไหวและกิจกรรมทางทหารที่ไม่เป็นปกติ พร้อมให้จับตา หากการต่อรองประเด็นการถอนทหารระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายทหาร ไม่ลงตัว อาจมีการปะทะรอบใหม่ในพื้นที่ ตั้งแต่ต้นเดือน ทหารไทยได้ปรับกำลังนำหน่วยรบที่ช่ำชองภูมิประเทศกลับขึ้นมาจากภาคใต้ เข้าประจำพื้นที่ พร้อมขนเครื่องจักรกลเข้าปฏิบัติงาน และตลอดช่วงสองวันที่ผ่าน มีการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมกำลังทหารเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น