ถึงวันนี้แล้ว เราคงปฏิเสธกันไม่ได้ว่า มีประโยคคำถามมากมาย กำลังพุ่งเป้าไปที่ การกำเนิดเกิดขึ้นของ MOUปี43 เจ้าปัญหาฉบับนี้
ซึ่งกระบวนการหนึ่ง ที่จะใช้หาคำตอบให้ได้นั้น ย่อมเกี่ยวข้องกับการย้อนไปในมิติเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อสืบหาที่มาที่ไปของสภาพแวดล้อม เื่พื่อสืบหาปัจจัยและเงื่อนไขต่างที่นำพา และเพื่อสืบหาตัวอำนาจรัฐ หรือ รัฐบาลที่อยู่ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ที่มีศกยภาพมากพอที่จะนำพาให้เกิด บันทึกความเข้าใจ ฉบับนี้ได้
และหากได้ย้อนดูประวัติศาสตร์ ใน2-3ประเด็นที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราจะพบว่า-
1. นับแต่ก่อนการสิ้นยุคสมัยทางการเมือง ของท่านพลเอก.เปรม เมื่อ 29.4.31นั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัย แห่งความโชติช่วงชัชวาลย์ ของพลังงานในอ่าวไทยอย่างชัดเจน
2. รัฐบาลพลเอกชาติชาย ที่เข้ามารับหน้าที่ต่อนับแต่ปี31-34 ก่อนจะถูกรัฐประหารและหมดสิ้นอำนาจลง ก็ได้เริ่มต้นนโยบายเปลี่ยนสนามรบ ให้เป็น สนามการค้าแทน ค้าอะไร?กับใคร? ในยุคสมัยนั้น
3.นับแต่การเกิดรัฐประหาร ตั้งแต่ปี2 มี.ค.34 - 23 ก.ย.35 ประเทศเราก็เข้าสู่การมีแต่เพียงรัฐบาลขัดตาทัพ เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ถึง 3รัฐบาล -รัฐบาลอานันท์ - รัฐบาลพลเอกสุจินดา - และกลับมาเป็นรัฐบาลอานันท์
นับช่วงเริ่มต้น ปี2535 เป็นต้นมา เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ เพราะการเมืองเริ่มนิ่ง เริ่มเข้าสู่ "ยุคการเมืองนำการทหาร" เป็นยุคที่พรรค ปชป.ถือได้ว่าเฟื่องฟูที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดย
4.นับแต่ 23.ก.ย.35 - 19พ.ค.38 ปชป.ขึ้นกุมอำนาจทางการเมืองอย่างมีเอกภาพพอควร
5.ปลายปี 38 - 40 เรามีขั้วอำนาจใหม่... แหวกม่า่นสีม่วง ขึ้นมาเป็นพรรคเสียงข้างมาก จัดตังรัฐบาลนำประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ โดยรัฐบาลของนายบรรหาร และของพลเอกชวลิต คนละ1ปีในช่วง2ปีนี้
6.ตั้งแต่ 9.พ.ย.40 - 17 ก.พ.44 เรามี พรรคปชป. ได้กลับขึ้นมาเรืองอำนาจต่ออีกครั้งอย่างยาวนานอีก3ปีครึ่ง ก่อนที่จะพ่ายการเลือกตั้ง ให้กับนักการเมืองหัวก้าวหน้า ที่เป็นความหวังใหม่ทางการเมือง ให้กับชาวไทยจำนวนมาก นำพาเราเข้าสู่ยุคสมัยของทักษิณ
เช่นนี้แล้วหากพิจารณา จากช่วงสิ้นสุดยุคสมัยทางการเมืองของพลเอกเปรม มาจนถึง ก่อนเข้ายุคสมัยของทักษิณ หรือหลังจากที่ได้มีการยกร่าง และลงนามในบันทึกความเข้าใจ ปี2543 หรือ MOU43 เราจะพบว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรค ปชป.เรืองอำนาจมาอย่างโดดเด่น
ยาวนาน และค่อนข้างต่อเนื่อง โดย
7. จากพ.ศ.2531 - 2544 รวมเวลา 13ปี ที่มีรัฐบาล ปชป.อยู่ในอำนาจถึง 6ปีครึ่ง และยังเป็น6ปีกว่า ที่เป็นพลวัตรของการเริ่มต้นพัฒนาพลังงานในอ่าวไทยมาอย่างต่เนื่อง เริ่มต้นโดยบ.เชลล์ ที่ทั้งผมและคุณพ่อเคยเป็นผู้รับเหมาขนส่งน้ำมัน ในขณะนั้น เรื่องราวของการสำรวจขุดเจาะ จนมาถึงการนำมาใช้นำมาผลิต รวมถึงกลเม็ดเ็ด็ดพลาย ของกระบวนการต่อรองผลประโยชน์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น จึงเป็นเรื่องที่พอจะได้ยินผู้ใหญ่หลายท่านพูดคุยกัน
เช่นนี้แล้ว ช่วงระยะเวลาแห่งความโชติช่วงชัชวาลย์ ในด้านพลังงานในอ่าวไทยของเรา ตลอด12ปี ที่มีการพัฒนา การสำรวจ ต่อรอง จัดทำสัมปทาน สร้างโรงงานผลิต สร้างปตท.ให้ยิ่งใหญ่เพื่อสามารถมีกลไก และอำนาจคุมบริษัทน้ำมันข้ามชาติได้อีกที ก็ได้ถูกดำเนเนไปอย่างต่อเนื่อง แบบเงียบๆ ตามยุคสมัยการเมือง ที่ภาาคประชาชนยังไม่มี ผู้ปกครองหรือรัฐบาล อยู่ในสถานะที่ผู้ใต้ปกครองได้แต่เพียงแหงนมอง ทุกอย่างเป็นเรื่องของรัฐบาล ทุกอย่างจำต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลจัดการแต่โดยลำพัง (อย่างที่พวกหัวโบราณยังต้องการจะให้ดำรงอยู่ต่อไป แม้ในปัจจุบันนี้)
จาก12ปีในทางการเมืองที่ว่านี้ ปชป.อยู่ในฐานะพรรคเสียงข้างมาก และเป็นหัวหน้ารัฐบาลถึง6ปีกว่า พลเอกชาติชาย อยู่ในอำนาจ 2 วาระเกือบ 3 ปี อีก2-3ปีที่เหลือ ก็เป็นชุลมุนชุลเกในทางการเมือง และอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจกัน
ถามว่า MOUปี43 โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร ได้อย่างสง่างามเสียด้วยในช่วงเวลานั้น ผมไม่ทราบ แต่ถ้าปะติดปะต่อมิติเชิงประวัติศาสตร์นี้ให้ดี ก็ไม่น่ายากที่จะรู้แหล่งกำเนิดของมันได้
ถามว่า MOUปี43 เป็นผลพวงโดยตรงของการพัฒนา พลังงานใต้ทะเลของไทยที่มีและเป็นมาอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า? อันนี้ก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่าพัฒนาการทางพลังงานนั้น เกิดและมีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นไป ในหลายเขตพื้นที่ แถวจังหวัดสุราษฎ์ ที่กำลังสร้างปัญหาให้เกาะสมุย นั่นก็ด้วย
ถามว่า MOUปี43 มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเขตแดน ทางทะเลของเขมร ที่ทำขึ้นเมื่อปี2515 กับของไทยขีดตามมาเมื่อปี2516ไหม? อันนี้ก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า เนื้อหาใน MOU เป็นไปในลักษณะที่จะเอื้อให้แผนที่ของเขมร มีความชอบธรรมมากกว่าของเรา (ผมถึงได้เตือนให้เฝ้าระวังหลักเขตที่ 73 นี้ด้วยชีวิต ถ้าหลักนี้ยังอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ พื้นที่ทางทะเลนั้นคงยากที่เสีย)
ข้อสันนิษฐาน มันตั้งกันได้ต่างๆนาๆนะขอรับ แต่การไล่เรียงเรื่องราวในทางประวัติศาสตร์นั้น หาใช่ข้อสันิษฐานไม่ แต่สามารถนำมาเป็นข้อเท็จจริง ประกอบเรื่องราวนั้นๆได้เสมอ
ซึ่งกระบวนการหนึ่ง ที่จะใช้หาคำตอบให้ได้นั้น ย่อมเกี่ยวข้องกับการย้อนไปในมิติเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อสืบหาที่มาที่ไปของสภาพแวดล้อม เื่พื่อสืบหาปัจจัยและเงื่อนไขต่างที่นำพา และเพื่อสืบหาตัวอำนาจรัฐ หรือ รัฐบาลที่อยู่ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ที่มีศกยภาพมากพอที่จะนำพาให้เกิด บันทึกความเข้าใจ ฉบับนี้ได้
และหากได้ย้อนดูประวัติศาสตร์ ใน2-3ประเด็นที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราจะพบว่า-
1. นับแต่ก่อนการสิ้นยุคสมัยทางการเมือง ของท่านพลเอก.เปรม เมื่อ 29.4.31นั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัย แห่งความโชติช่วงชัชวาลย์ ของพลังงานในอ่าวไทยอย่างชัดเจน
2. รัฐบาลพลเอกชาติชาย ที่เข้ามารับหน้าที่ต่อนับแต่ปี31-34 ก่อนจะถูกรัฐประหารและหมดสิ้นอำนาจลง ก็ได้เริ่มต้นนโยบายเปลี่ยนสนามรบ ให้เป็น สนามการค้าแทน ค้าอะไร?กับใคร? ในยุคสมัยนั้น
3.นับแต่การเกิดรัฐประหาร ตั้งแต่ปี2 มี.ค.34 - 23 ก.ย.35 ประเทศเราก็เข้าสู่การมีแต่เพียงรัฐบาลขัดตาทัพ เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ถึง 3รัฐบาล -รัฐบาลอานันท์ - รัฐบาลพลเอกสุจินดา - และกลับมาเป็นรัฐบาลอานันท์
นับช่วงเริ่มต้น ปี2535 เป็นต้นมา เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ เพราะการเมืองเริ่มนิ่ง เริ่มเข้าสู่ "ยุคการเมืองนำการทหาร" เป็นยุคที่พรรค ปชป.ถือได้ว่าเฟื่องฟูที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดย
4.นับแต่ 23.ก.ย.35 - 19พ.ค.38 ปชป.ขึ้นกุมอำนาจทางการเมืองอย่างมีเอกภาพพอควร
5.ปลายปี 38 - 40 เรามีขั้วอำนาจใหม่... แหวกม่า่นสีม่วง ขึ้นมาเป็นพรรคเสียงข้างมาก จัดตังรัฐบาลนำประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ โดยรัฐบาลของนายบรรหาร และของพลเอกชวลิต คนละ1ปีในช่วง2ปีนี้
6.ตั้งแต่ 9.พ.ย.40 - 17 ก.พ.44 เรามี พรรคปชป. ได้กลับขึ้นมาเรืองอำนาจต่ออีกครั้งอย่างยาวนานอีก3ปีครึ่ง ก่อนที่จะพ่ายการเลือกตั้ง ให้กับนักการเมืองหัวก้าวหน้า ที่เป็นความหวังใหม่ทางการเมือง ให้กับชาวไทยจำนวนมาก นำพาเราเข้าสู่ยุคสมัยของทักษิณ
เช่นนี้แล้วหากพิจารณา จากช่วงสิ้นสุดยุคสมัยทางการเมืองของพลเอกเปรม มาจนถึง ก่อนเข้ายุคสมัยของทักษิณ หรือหลังจากที่ได้มีการยกร่าง และลงนามในบันทึกความเข้าใจ ปี2543 หรือ MOU43 เราจะพบว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรค ปชป.เรืองอำนาจมาอย่างโดดเด่น
ยาวนาน และค่อนข้างต่อเนื่อง โดย
7. จากพ.ศ.2531 - 2544 รวมเวลา 13ปี ที่มีรัฐบาล ปชป.อยู่ในอำนาจถึง 6ปีครึ่ง และยังเป็น6ปีกว่า ที่เป็นพลวัตรของการเริ่มต้นพัฒนาพลังงานในอ่าวไทยมาอย่างต่เนื่อง เริ่มต้นโดยบ.เชลล์ ที่ทั้งผมและคุณพ่อเคยเป็นผู้รับเหมาขนส่งน้ำมัน ในขณะนั้น เรื่องราวของการสำรวจขุดเจาะ จนมาถึงการนำมาใช้นำมาผลิต รวมถึงกลเม็ดเ็ด็ดพลาย ของกระบวนการต่อรองผลประโยชน์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น จึงเป็นเรื่องที่พอจะได้ยินผู้ใหญ่หลายท่านพูดคุยกัน
เช่นนี้แล้ว ช่วงระยะเวลาแห่งความโชติช่วงชัชวาลย์ ในด้านพลังงานในอ่าวไทยของเรา ตลอด12ปี ที่มีการพัฒนา การสำรวจ ต่อรอง จัดทำสัมปทาน สร้างโรงงานผลิต สร้างปตท.ให้ยิ่งใหญ่เพื่อสามารถมีกลไก และอำนาจคุมบริษัทน้ำมันข้ามชาติได้อีกที ก็ได้ถูกดำเนเนไปอย่างต่อเนื่อง แบบเงียบๆ ตามยุคสมัยการเมือง ที่ภาาคประชาชนยังไม่มี ผู้ปกครองหรือรัฐบาล อยู่ในสถานะที่ผู้ใต้ปกครองได้แต่เพียงแหงนมอง ทุกอย่างเป็นเรื่องของรัฐบาล ทุกอย่างจำต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลจัดการแต่โดยลำพัง (อย่างที่พวกหัวโบราณยังต้องการจะให้ดำรงอยู่ต่อไป แม้ในปัจจุบันนี้)
จาก12ปีในทางการเมืองที่ว่านี้ ปชป.อยู่ในฐานะพรรคเสียงข้างมาก และเป็นหัวหน้ารัฐบาลถึง6ปีกว่า พลเอกชาติชาย อยู่ในอำนาจ 2 วาระเกือบ 3 ปี อีก2-3ปีที่เหลือ ก็เป็นชุลมุนชุลเกในทางการเมือง และอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจกัน
ถามว่า MOUปี43 โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร ได้อย่างสง่างามเสียด้วยในช่วงเวลานั้น ผมไม่ทราบ แต่ถ้าปะติดปะต่อมิติเชิงประวัติศาสตร์นี้ให้ดี ก็ไม่น่ายากที่จะรู้แหล่งกำเนิดของมันได้
ถามว่า MOUปี43 เป็นผลพวงโดยตรงของการพัฒนา พลังงานใต้ทะเลของไทยที่มีและเป็นมาอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า? อันนี้ก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่าพัฒนาการทางพลังงานนั้น เกิดและมีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นไป ในหลายเขตพื้นที่ แถวจังหวัดสุราษฎ์ ที่กำลังสร้างปัญหาให้เกาะสมุย นั่นก็ด้วย
ถามว่า MOUปี43 มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเขตแดน ทางทะเลของเขมร ที่ทำขึ้นเมื่อปี2515 กับของไทยขีดตามมาเมื่อปี2516ไหม? อันนี้ก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า เนื้อหาใน MOU เป็นไปในลักษณะที่จะเอื้อให้แผนที่ของเขมร มีความชอบธรรมมากกว่าของเรา (ผมถึงได้เตือนให้เฝ้าระวังหลักเขตที่ 73 นี้ด้วยชีวิต ถ้าหลักนี้ยังอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ พื้นที่ทางทะเลนั้นคงยากที่เสีย)
ข้อสันนิษฐาน มันตั้งกันได้ต่างๆนาๆนะขอรับ แต่การไล่เรียงเรื่องราวในทางประวัติศาสตร์นั้น หาใช่ข้อสันิษฐานไม่ แต่สามารถนำมาเป็นข้อเท็จจริง ประกอบเรื่องราวนั้นๆได้เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น