เมื่อ เวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 30 พ.ค. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวในรายการ ข่าว 3 มิติ และ สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น ถึงการให้การต่อศาลโลก กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันนี้ ว่า ไทยเริ่มชี้แจง เมื่อเวลา ประมาณ 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ประมาณ 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หลักๆ ดูก่อนว่าศาลมีขอบเขตอำนาจในการที่จะพิจารณาเรื่องการออกมาตรการชั่วคราว หรือไม่ เพราะว่าสิ่งที่ทำ เราได้ยืนยันว่า คำตัดสินเมื่อปี ค.ศ.1962 หรือ ปี พ.ศ. 2505 ประเทศไทยได้ปฏิบัติไปหมดสิ้น เราไม่มีข้อขัดแย้งกันในเรื่องคำตัดสิน เพราะฉะนั้น สิ่งที่กัมพูชามาเรียกร้อง เป็นเรื่องที่มากกว่าคำตัดสินในอดีตหรือไม่
อัน ที่สอง เรื่องที่กัมพูชาอ้างว่ามีการปะทะ ไทยบุกรุกเข้าไปโดยจุดต่างๆ มีความเกี่ยวเนื่องกับพระวิหารหรือไม่ อย่างไร จริงๆ แล้ว มีการอ้างถึงการปะทะ ที่ปราสาทตาเมือน และ ตาควาย ซึ่งห่างจากพระวิหาร เราได้ชี้แจงกับผู้พิพากษาว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกัน และ ความเสียหายเกิดขึ้นกับไทยด้วย มีรูปถ่าย ที่โรงเรียนภูมิซรอล ซึ่งไม่ใช่พื้นที่พระวิหาร กัมพูชาใช้อาวุธเข้ามาในฝั่งไทยก่อน ยืนยันว่าเราไม่มีแนวคิดจะรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไทยเป็นประเทศผู้ให้ช่วยเหลือมากมาย หลังศาลตัดสิน 2505 ดังนั้น สิ่งที่กัมพูชากล่าวอ้างไม่เป็นความจริง
นาย ชวนนท์ กล่าวด้วยว่า ท่าทีของศาลโลก ตนบอกไม่ได้ แต่เราคิดว่าสิ่งที่เราต้องการจะพูด ข้อมูลที่เตรียมมาครบถ้วนสมบูรณ์ หวังว่าคำตัดสินจะเป็นประโยชน์ต่อไทย โดย ต้องรออีก3สัปดาห์ กว่าศาลจะตัดสินว่าจะออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยถอนกำลังในพื้นที่ ปราสาทพระวิหารโดยทันทีตามที่กัมพูชาร้องขอหรือไม่ ส่วนเรื่องคำขอจะต้องรอการทำคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากไทยอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ส่วน ในวันพรุ่งนี้ กัมพูชาจะมีเวลา 1 ชั่วโมง ในการสรุุปคำชี้แจง ในเวลา 10.00 น. และ ไทยมีเวลา 1 ชั่วโมงเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กัมพูชาขยายความการตัดสิน แต่กัมพูชา พยายามแอบอ้างให้ลามไปถึงแผนที่ เชื่อว่าเราจะได้รับความเข้าใจและคำตัดสินที่ดีของประเทศไทย
ไทย ชี้กัมพูชายอมรับด้วยว่าสองฝ่ายยังต้องเจรจากำหนดเส้นเขตแดนโดยลงนาม บันทึกความเข้าใจปี 2543 เพื่อจัดทำหลักเขตตลอดแนวรวมบริเวณปราสาทพระวิหาร ออท. ณ กรุงเฮกย้ำไทยปรารถนาจะอยู่ร่วมกับกัมพูชาอย่างสันติ พยายามพัฒนาความสัมพันธ์และร่วมมือ ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะสร้างความขัดแย้งกับกัมพูชา ออท. ณ กรุงเฮกชี้ไทยยึดแนวสันติ แก้ไขข้อพิพาทด้วยวิถีทางการทูต มีบทบาทร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพใน 21 ประเทศ รวมถึงในกัมพูชาเมื่อปี 2534-2536 ออท. ณ กรุงเฮกย้ำไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีกับกัมพูชาเมื่อ ก.พ. และ เม.ย.- พ.ค. แต่เป็นฝ่ายถูกโจมตี จนต้องใช้สิทธิตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ไทยแจงกัมพูชาต้องการดินแดนที่จะใช้สำหรับแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร เพื่อให้กระบวนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกสมบูรณ์ ซึ่งรุกล้ำเข้ามาในฝั่งไทย
1.ศ.ครอว์ฟอร์ด: ศาลไม่มีเขตอำนาจออกมาตรการชั่วคราวคดีนี้เพราะมิใช่เขต อำนาจที่จะพิจารณาว่าคู่ความปฏิบัติตามคำตัดสินแล้ว? ซึ่งเป็นเรื่องของ UNSC 2.ศ.ครอว์ฟอร์ด:คำพิพากษาในคดีปราสาทฯเกี่ยวข้องกับปราสาทฯ เท่านั้น ศาลปฏิเสธเมื่อ 2505 ว่าคดีพิพากษาเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือปราสาทฯ ไม่ใช่เขตแดน 3.ศ.ครอว์ฟอร์ด:คำขอมาตรการชั่วคราวอ้างความจำเป็นฉุกเฉินจากเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นห่างจากปราสาทฯและเกิดภายหลังคำพิพากษา 2505 ศาลจึงไม่มีเขตอำนาจ
1. ศ.โดนัลด์ เอ็ม แม็คเรย์นำเสนอข้อวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ศาลไม่ควรมีคำสั่งออกมาตรการชั่ว คราว 3 ประการ (ต่อ) 2. ศ.แม็คเรย์: ไทย-กพช ไม่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับคำพิพากษาในคดีเดิม มาตรการชั่วคราวไม่มีความสมดุล เพราะสั่งให้ไทยดำเนินการเพียงฝ่ายเดียว 3.ศ.แม็คเรย์:คำขอของกพช.ไม่เข้าเงื่อนไขเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน หลักฐานที่กพช.อ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อยู่นอกบริเวณที่ศาลโลกพิพากษาปี 2505 4. ศ.แม็คเรย์: การขอให้ศาลมีมาตรการชั่วคราวเท่ากับให้ศาลตัดสินในเบื้องต้นเกี่ยวกับความ ถูกต้องของแผนที่ ซึ่งขัดกับแนวปฏิบัติของศาล
ไทยรัฐออนไลน์
ความเห็น วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
www.icj-cij.org
30/05/2011:
Request for interpretation of the Judgment of 15 June 1962 in the Case
concerning the Temple of Preah Vihear (Cambodia v. Thailand) (Cambodia
v. Thailand) - Public hearings – request for the indication of
provisional measures
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น