บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อภิสิทธิ์'ย้อนใส่'ฮุนเซน' ถ้าจะคุยด้วยต้อง'จริงใจ' ถอนทหาร-ยุติดึงปท.ที่3 เลิกแผนการขึ้นทะเบียน




"มา ร์ค" โต้กลับนายกฯกัมพูชา ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อแก้ปัญหาขัดแย้งพระวิหาร "ฮุนเซน"ต้องแสดงความจริงใจด้วยการถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท หยุดแผนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ไม่นำปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศสู่เวทีโลก



วันที่ 5 มิ.ย.2554 เวลา 06.30 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปหาเสียงที่ จ.สุโขทัยถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสนอแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก 3 ข้อโดยเฉพาะจะให้มีการบริหารจัดการร่วมกัน และหันมาเจรจาในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี)ว่า ที่จริงการแก้ปัญหาที่เราต้องการเห็นคือการพูดคุยกันในกรอบที่มีอยู่แล้วคือ เจบีซี ถ้านายกฯฮุน เซนเห็นว่าเจบีซีเป็นเวทีที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าเราต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจว่ามันมีข้อตกลง (เอ็มโอยู) ที่พูดไว้ชัดว่า พื้นที่ 4.6 ตร.กม.ต้องไม่มีฝ่ายใดไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงอะไร หากจะใช้กลไกนี้ต้องเคารพเอ็มโอยูปี 43 ซึ่งกัมพูชาต้องถอนคนออกจากพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนถ้าเห็นว่าจะมาตกลงบริหารจัดการร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายตนว่ากัมพูชาน่าจะแสดงความจริงใจตรงนี้ด้วยการถอนเรื่องออกจากศาลโลก และบอกกับทางคณะกรรมการมรดกโลกเลยว่าการจะเดินขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวจะหยุด เอาไว้เพื่อมาคุยกับฝ่ายไทยก่อน ถ้าเดินไปอย่างนี้จะเป็นเรื่องที่ดีต่อ 2 ประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่ากัมพูชาต้องถอนกลับมาตั้งต้นก่อนและให้มีการขึ้นทะเบียนร่วมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ เราขอให้ถอนมาตั้งต้นมาดูพื้นที่บริเวณปราสาททั้งหมดและดูว่าจะทำอย่างไร ถ้าหากว่าอยากจะทำแนวทางนี้ แต่ขณะเดียวกันยังไปฟ้องศาลโลกยังพยายามไปเดิน หน้าขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว และยังทำให้เกิดเหตุการณ์การปะทะเพื่อนำไปสู่เวทีต่างประเทศตนว่ามันก็ไม่ สอดคล้องกับข้อเสนอที่พูดมาทั้งหมด

เมื่อถามว่า เมื่อฝ่ายกัมพูชามีท่าทีอ่อนลงเช่นนี้เป็นไปได้หรือไม่นายกฯจะคุยกับสมเด็จ ฮุน เซนด้วยตัวเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นท่าทีที่ชัดเจนตนก็ยินดีคุย ทางรัฐบาลไทยยินดีคุยอยู่แล้วแต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บอกไป ไม่เช่นนั้นแล้วการพูดคุยทำไปแต่ปรากฏว่ากัมพูชาก็ไปเดินทางด้านอื่น

ต่อ ข้อถามว่า แต่ขณะนี้กระบวนการพิจารณาของศาลโลกเดินไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทางกัมพูชาเห็นว่าแนวทางนี้ดีที่สุดก็นำเรื่องออกจากองค์กรต่างๆ เสีย กลับมานั่งคุย 2 ฝ่ายปฏิบัติตามเอ็มโอยู43 ก็หมดเรื่อง ตนว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะเป็นเจตนารมย์ตั้งแต่ต้นของการที่มีการทำเอ็ม โอยูกันเพื่อไม่ให้ปัญหาเขตแดนมากระทบกระทั่ง จะได้ไม่เกิดความเดือดร้อนของ ประชาชนบริเวณชายแดนและความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ เราต้องการให้ชายแดนสงบ รักษาสิทธิ์ของแต่ละประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์เพราะอยู่ในอาเซียนด้วยกัน

"อย่างไรก็ตาม ตนจะสอบถามกับทางกระทรวงต่างประเทศให้ชัดเจนเพื่อให้ไปดำเนินการถึงข้อเสนอ ของสมเด็จฮุน เซนดังกล่าว แต่ตอนนี้เนื่องจากยังมีเรื่องอยู่ในเวทีอื่นๆ ต้องให้มั่นใจในเวทีอื่นๆก่อน"นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้าดูแลภาพรวมปัญหาไทย-กัมพูชาได้แล้วการขอตัวนายวีระ สมความคิดกับน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ กลับมาจะดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเราพยายามทำอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง