บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

“ฮุนเซน” โต้ข่าวเจรจาบริหาร 4.6 ตร.กม.ร่วมกัน กร้าวไม่ถอนทหาร

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

“ฮุนเซน” ปฏิเสธข่าว ย้ำไม่เคยเจรจากับไทยเรื่องบริหารพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ร่วมกัน ยืนยันไม่มีพื้นที่ทับซ้อน ประกาศกร้าวไม่ถอนทหารพ้นรอบปราสาท และไม่ถอนเรื่องจากศาลโลกไม่ว่ารัฐบาลไทยชุดไหน ไล่ “มาร์ค” ไปห่วงเรื่องหาเสียงเลือกตั้งอย่ามาพูดเรื่องพรมแดน กำชับทหารเขมรเสริมขีดความสามารถป้องกันตนเอง
      
       เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่รายงานข่าวระบุว่า บายนทีวีและหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชา เมื่อช่วงเย็น (6 มิถุนายน 2554) รายงานอ้างคำกล่าวของฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แนะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปคิดแต่เรื่องการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งเถิด อย่าได้พูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับปัญหาพรมแดนอีก พร้อมกันนั้นได้ส่งสารยืนยันแจ้งมายังกรุงเทพฯ แจ้งชาวไทยและชาวกัมพูชาว่า กัมพูชาและไทยไม่มีพื้นที่ทับซ้อนทางบก ไม่มี ไม่ว่าเป็นพื้นที่ไหน มีพื้นที่ทับซ้อนเฉพาะในทะเล โดยเป็นการกล่าวในระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่เจ้าหน้าที่ รัฐบาลระดับกลางและระดับสูงที่ผ่านการฝึกอบรมที่โรงเรียนการบริหาร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
      
       นอกจากนี้ ฮุนเซนยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานเกี่ยวกับ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ โดยระบุว่า “ผมได้เห็นข่าวนี้ แต่ผมคิดว่าหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ลงรายงานข่าวที่ผิดพลาดไปมาก ดังนั้น ผมก็ไม่ได้ติดใจจะไปแก้ไขอะไร แต่ว่ามาถึงวันที่ 4 มิถุนายน มีการรายงานหัวข้อเดิมอีกจาก ASTV Manager Online ที่กล่าวว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน พร้อมอ่อนท่าทีโดยเสนอให้กัมพูชา-ไทย ทำธุรกิจร่วมกันในพื้นที่ขัดแย้ง 4.6 ตร.กม. ในนั้นได้ยกข้อเสนอขึ้น 3 ข้อ คือ
      
       1. ให้ไทยและกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ไปประจำการในพื้นที่ปกติเดิม
      
       2. ให้ไทยและกัมพูชา ทำธุรกิจร่วมกันในพื้นที่ขัดแย้ง 4.6 ตร.กม.ของปราสาทพระวิหาร โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเห็นพ้องที่จะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าหากเห็นชอบรับข้อเสนอนี้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนของประเทศทั้งสองได้ไปมาหาสู่กันได้ด้วย
      
       3. ปัญหาหลักเขตควรปล่อยให้คณะกรรมการจัดทำหลักเขตเห็นพ้องกัน.. ต่อประเด็นที่สามนี้ เห็นว่าทั้งสองฝ่ายรับได้ ส่วนประเด็นที่ 1 และ 2 ก็เหมือนกัน ข้อที่ 3 พูดว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน บอกว่าเรื่องพรมแดน 100 ปี ก็พูดกันไม่จบสิ้น ตอนนี้ข้อไหนก็กำหนดให้ได้ทำงานร่วมกันก่อน ไม่ได้ให้มาเจรจากัน
      
       โดยในเรื่องนี้ ฮุนเซนได้วิจารณ์ต่อว่า ตนไม่ได้หารือกับใครเลย อย่าว่าแต่หารือเลย พบก็ไม่ได้พบ เรื่องปัญหาเกี่ยวข้องไปถึงพื้นที่ทับซ้อนนั้น กัมพูชา​ไม่รู้ ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟังว่ามีพื้นที่ทับซ้อนทางบก แล้ว พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ไปเอามาจากไหน? นอกจากนี้ ฮุนเซนยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไทยควรทำงานให้ถี่ถ้วนกว่านี้ กล่าวคือ กรรมสิทธิ์ร่วมนั้นไม่มี ดินแดนเขมรต้องชัดว่าเป็นดินแดนเขมร ดินแทนไทยต้องชัดว่าเป็นดินแดนไทย กัมพูชาไม่สามารถถอนกองทัพออกจากดินแดนของตนได้
      
       นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวยืนยันในตอนท้ายว่า เรื่องกัมพูชา-ไทยอยู่ในคณะมนตรีความมั่นคงฯ แล้วอาเซียนควรดำเนินการต่อ ส่วนเรื่องที่ศาลกรุงเฮกก็ยืนยันไม่ถอน ไม่ว่ารัฐบาลไทยปัจจุบันหรือรัฐบาลไหน จนกว่าปัญหาจะยุติ พร้อมกันนี้ ฮุนเซนได้สั่งย้ำไปยังกองทัพแห่งชาติกัมพูชาว่าควรต้องเสริมขีดความสามารถใน การป้องกันตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง