“ปลอดประสพ” สุดมั่ว
อ้างการถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลกต้องขอความเห็นชอบจากสภาก่อน
เหตุเกี่ยวพันกับดินแดน และบูรณภาพของประเทศ
แถมให้รอรัฐบาลชุดใหม่พิจารณา เลอะหนักบอกแม้จะลาออกจากภาคี
กก.มรดกโลกก็ประชุมต่อได้ และยังตัดสินใจอะไรได้ง่ายและสะดวกขึ้น
ทำให้ไทยเสียหาย
วันนี้(26 มิ.ย.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
แถลงถึงกรณี นายสุวิทย์ คุณกิตติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก แถลงที่กรุงปารีส
ว่า
ประเทศไทยได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกและกรรมการมรดก
โลก หลังจากศูนย์มรดกโลกและยูเนสโกไม่ได้ฟังข้อทักท้วงของไทย ว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนชาวไทยเจ้าของประเทศไทยต้องรู้ความจริง
เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถานะของประเทศไทยในเวทีโลกเกี่ยวกับดินแดน
และบูรณภาพของราชอาณาจักรไทย ดังนั้น ทางพรรคเพื่อไทยขอถามไปยังนายสุวิทย์
คือ
ประการที่ 1 นายกรัฐมนตรีมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร
เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ เพราะนายสุวิทย์ได้อ้างว่า
ได้โทรศัพท์หารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
ประการที่ 2
การที่รัฐบาลประกาศถอนตัวจากองค์กรระหว่างประเทศครั้งนี้
ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้วหรือไม่
และเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับดินแดน และบูรณภาพของประเทศ ทำไมไม่หารือ
และขอความเห็นจากสภาก่อน รัฐบาลทำไปโดยพลการได้อย่างไร ประการที่ 3
ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในฐานะของรัฐบาลรักษาการ
และการเลือกตั้งก็กำลังจะเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ถัดไป
เหตุใดรัฐบาลจึงรีบร้อนตัดสินใจ ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่
ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น นายสุวิทย์ และ นายอภิสิทธิ์
มีอะไรเป็นวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะมองดูชอบกลผิดกาลเทศะ
ประการที่ 4 การแก้ปัญหาระหว่างประเทศมีหลายวิธี หลายขั้นตอน
เหตุใดรัฐบาลจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา การถอนตัวออกมารัฐบาล
หรือประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร เป็นซาดิสต์ไปแล้วหรือ
เพราะถึงประเทศไทยไม่อยู่ ไม่เป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกก็คงจะประชุมต่อไป
และก็จะตัดสินใจอะไรได้ง่าย และสะดวกกว่าเดิม เพราะไม่มีประเทศใดมาขัดขวาง
จึงถามว่า การลาออกยกเว้นการสะใจแล้วได้อะไรอีกมีแต่เสียหาย
ประการที่ 5 รัฐบาลเคยถามคนอยุธยา คนอุดรธานี คนสุโขทัย
คนนครราชสีมา คนอุทัยธานี(ห้วยขาแข้ง) แล้วหรือยัง
ในการถอนตัวจากการเป็นมรดกโลก เป็นหน้าตาของจังหวัด
เข้าไปทำลายไปทำร้ายเขาทำไม
แน่ใจแล้วหรือว่ามีสิทธิ์จะตัดสินใจอย่างนี้แทนเจ้าของพื้นที่
ประการที่ 6
รัฐบาลรู้หรือไม่ว่าการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของคณะกรรมการมรดกโลกจะกระทบ
ต่อการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง การมาเที่ยวนั้นนักท่องเที่ยวจะดู web ว่า
ประเทศใดมีมรดกโลกบ้าง
แล้วก็มาดูการถอนตัวจากมรดกโลกเป็นการลดระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวใน
ประเทศไทย การตัดสินใจของนายสุวิทย์ กับ นายอภิสิทธิ์ ครั้งนี้
จึงเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยิ่ง
ประการที่ 7 นายอภิสิทธิ์
ได้ให้สัมภาษณ์ตลอดเวลาว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
จะไม่มีการประชุมเรื่องเขาพระวิหารแน่นอน เมื่อวันที่ 25
มิ.ย.ได้มีการพูดเช่นนี้อีก จึงขอถามว่าทำไมต้องโกหกประชาชน
ทำไมต้องหลอกลวงพูดความจริงไม่เป็นหรือ
ประการที่ 8 นายสุวิทย์ เบิกเงินไป 10 ล้านบาท อ้างว่า
เป็นค่าใช้จ่ายในการล็อบบี้ขอทราบรายละเอียดจากการใช้จ่ายด้วย
ขอให้รู้ว่าเราติดตามมาตลอด และรู้ทันการคอร์รัปชัน
การล็อบบี้นั้นควรให้เอกอัคราชทูตไทยตามประเทศที่เป็นกรรมการมรดกโลกไปเข้า
พบ และขอกับผู้นำประเทศของเขา เพราะเป็นเรื่องใหญ่เป็นนโยบายระดับประเทศ
ไม่ใช่มากินเลี้ยงกินกันเอง
และประการที่ 9 ขณะนี้ประเทศไทยกำลังจะเตรียมเสนอพื้นที่ 21
แห่งขึ้นมรดกโลก เพราะเป็นยกฐานะประเทศไทยในเวทีโลก
ซึ่งที่สำคัญสองพื้นที่เราคิดว่าจะได้ คือ
การเสนอสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นมรดกโลก ดังนั้น
กรุงเทพฯก็จะเป็นมรดกโลก กรุงธนบุรีก็จะเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก
ขณะเดียวกัน กำลังเสนอหมู่เกาะสุรินทร์ สิมิรัน ตะรุเตา เป็นมรดกโลก
ซึ่งหากได้รับการพิจารณาก็จะเป็นการเสริมสร้างเกียรติภูมิของประเทศ
และจะทำให้มีนักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น เมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
ตัดสินใจถอนตัวเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการทำลายโอกาสหรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ
ของใหม่ก็ไม่ได้ของเก่าก็เจ๊ง
เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์มีคำตอบหรือไม่ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
หรือเพียงแต่คิดสั้นๆ จะเอาใจพันธมิตรฯ
เพราะคิดจะใช้พันธมิตรฯหลังจากจะแพ้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้
manager online
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น