บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตำรวจส่งสำนวน คดี4จารชนให้กัมพูชา 4คน ให้อัยการแล้ว โทษสูงสุดคุก10ปี


ตำรวจส่งสำนวน คดี4จารชนให้กัมพูชา 4คน ให้อัยการแล้ว โทษสูงสุดคุก10ปี ด้านอัยการระบุจะใช้เวลาพิจารณาระยะหนึ่งก่อนมีคำสั่ง คาดขอฝากขังผลัดสี่


รายงาน ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี ได้ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมส่อเป็นสายลับให้กับฝ่ายกัมพูชา ประกอบด้วย นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี ชายไทยมุสลิม นายอึ้ง กิมไท อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา และนายเหงียน เติ้งยัง อายุ 37 ปี ชาวเวียดนาม พากันเข้ามาทำการจดบันทึกพิกัดที่ตั้งฐานทหารไทยบริเวณบ้านภูมิซรอล ตลอดจนสำรวจหลุมหลบภัยของชาวบ้านที่ทางการได้จัดทำไว้ให้ชาวบ้านหลบภัยหาก เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมาตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เหตุเกิดเมื่อ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธร อ.กันทรลักษ์ พ.ต.อ.สุพจน์ ขอมปรางค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รวบรวมหลักฐานเป็นเอกสาร 1 แฟ้ม จำนวนกว่า 500 หน้า ส่งมอบให้อัยการอำเภอกันทรลักษ์ เป็นโจทย์ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยยังมีผู้ต้องอีก 1 คนกำลังหลบหนีการจับกุมคือ นายยา เปา ชาวกัมพูชา ถือหนังสือเดินทางหลายประเทศเป็นหัวหน้าแก๊งรวมอยู่ด้วย 
เรื่องนี้ พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าสำนวนคดีที่ส่งให้อัยการนั้นมีความรัดกุม และรอบคอบรวมทั้งได้สืบพยานทุกปากเกี่ยวข้อง มีการเก็บรวบรวมหลักฐานการเดินทางเข้าออก การพบปะกลุ่มคนในประเทศของผู้ต้องหา ซึ่งเชื่อว่าสรุปสำนวนในครั้งนี้น่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ รวมทั้งมีการกล่าวโทษเพิ่มเติมผู้ต้องหาที่มีการเสพสารเสพติด และมีไว้เพื่อครอบครองด้วย สำหรับความผิดที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ มีความผิดในมาตรา 123 โทษสูงสุดจำคุก 10 ปี 
อย่างไรก็ตาม นายพงศ์สิน เกษรประทุม อัยการจังหวัดประจำกรมผู้กรองงาน ผู้รับเรื่องคดีนี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาคดีนี้แล้ว ซึ่งจะได้ออกเป็นคำสั่งต่อไป อย่างไรก็ดี คดีนี้เป็นคดีสำคัญมีผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงต้องมีความรอบคอบในการพิจารณาสำนวนของพนักงานสอบส่วนก่อนจะมีการส่งฟ้อง ศาลต่อไป คาดว่าอาจจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งการฝากขังนั้นขณะนี้จะครบกำหนดผลัดที่ 3 ในวันที่ 14 ก.ค.แล้ว อัยการมีความจำเป็นจะต้องขออำนาจศาลฝากขังเพิ่มอีกเป็นผลัดที่ 4 ต่อไป
รายงาน ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี ได้ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมส่อเป็นสายลับให้กับฝ่ายกัมพูชา ประกอบด้วย นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี ชายไทยมุสลิม นายอึ้ง กิมไท อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา และนายเหงียน เติ้งยัง อายุ 37 ปี ชาวเวียดนาม พากันเข้ามาทำการจดบันทึกพิกัดที่ตั้งฐานทหารไทยบริเวณบ้านภูมิซรอล ตลอดจนสำรวจหลุมหลบภัยของชาวบ้านที่ทางการได้จัดทำไว้ให้ชาวบ้านหลบภัยหาก เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมาตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เหตุเกิดเมื่อ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธร อ.กันทรลักษ์ พ.ต.อ.สุพจน์ ขอมปรางค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รวบรวมหลักฐานเป็นเอกสาร 1 แฟ้ม จำนวนกว่า 500 หน้า ส่งมอบให้อัยการอำเภอกันทรลักษ์ เป็นโจทย์ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยยังมีผู้ต้องอีก 1 คนกำลังหลบหนีการจับกุมคือ นายยา เปา ชาวกัมพูชา ถือหนังสือเดินทางหลายประเทศเป็นหัวหน้าแก๊งรวมอยู่ด้วย 
เรื่องนี้ พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าสำนวนคดีที่ส่งให้อัยการนั้นมีความรัดกุม และรอบคอบรวมทั้งได้สืบพยานทุกปากเกี่ยวข้อง มีการเก็บรวบรวมหลักฐานการเดินทางเข้าออก การพบปะกลุ่มคนในประเทศของผู้ต้องหา ซึ่งเชื่อว่าสรุปสำนวนในครั้งนี้น่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ รวมทั้งมีการกล่าวโทษเพิ่มเติมผู้ต้องหาที่มีการเสพสารเสพติด และมีไว้เพื่อครอบครองด้วย สำหรับความผิดที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ มีความผิดในมาตรา 123 โทษสูงสุดจำคุก 10 ปี 
อย่างไรก็ตาม นายพงศ์สิน เกษรประทุม อัยการจังหวัดประจำกรมผู้กรองงาน ผู้รับเรื่องคดีนี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาคดีนี้แล้ว ซึ่งจะได้ออกเป็นคำสั่งต่อไป อย่างไรก็ดี คดีนี้เป็นคดีสำคัญมีผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงต้องมีความรอบคอบในการพิจารณาสำนวนของพนักงานสอบส่วนก่อนจะมีการส่งฟ้อง ศาลต่อไป คาดว่าอาจจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งการฝากขังนั้นขณะนี้จะครบกำหนดผลัดที่ 3 ในวันที่ 14 ก.ค.แล้ว อัยการมีความจำเป็นจะต้องขออำนาจศาลฝากขังเพิ่มอีกเป็นผลัดที่ 4 ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง