บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

เมื่อชาวบ้านเห็นธาตุแท้ “อภิสิทธิ์” ก็โดดเดี่ยว !!

เมื่อชาวบ้านเห็นธาตุแท้ “อภิสิทธิ์” ก็โดดเดี่ยว !!


เมื่อชาวบ้านเห็นธาตุแท้ “อภิสิทธิ์” ก็โดดเดี่ยว !!

ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้หากพิจารณากันตามความเป็นจริงอย่างละเอียด ก็จะพบได้ทันทีว่านายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่ภาวะที่กำลัง “หมดสภาพ” เข้าไปทุกที
นับวันกลายเป็นบุคคลที่ล้มละลายทางความเชื่อถือเข้าไปทุกทีแล้ว กลายเป็นคนที่โกหกหลอกลวง หาความจริงไม่ได้ หรือมีคำพูดที่สวยหรูแต่ปฏิบัติไม่ได้

และที่สำคัญไร้อำนาจแท้จริง กลายเพียงแค่ “หุ่นเชิด” ของ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งคนหลังยังควบตำแหน่งหัวหน้า “พรรคทหาร” ที่ใช้ “เด็กๆ” ในกองทัพกดดันรัฐบาลผ่านทาง สุเทพ นั่นเอง

ดังนั้นถ้าให้สรุปความให้เห็นภาพในตอนนี้ก็จะพบว่าคนที่มีอำนาจ “สั่งการ”แท้จริงก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะภาพที่ปรากฏก็คือ ไม่ต่างจาก “ขาใหญ่” ที่มีอิทธิพลบงการอยู่ข้างหลัง ขณะที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ “สยบยอม” เพราะเป้าหมายของตัวเองเพียงแต่ “อยากเป็น” นายกรัฐมนตรี “ให้นานที่สุด” เท่านั้น โดยไม่ไปสนใจว่าคนรอบข้างจะทุจริตอย่างไร พรรคร่วมรัฐบาลจะกิน “ค่าหัวคิว” สร้างความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองอย่างไรก็ตาม

อย่างไรก็ดีเมื่อต้องสรุปให้เหนือขึ้นมาอีกชั้นมันก็ต้องชี้หน้ามาที่นายกรัฐมนตรีอยู่ดี เพราะเป็นผู้บริหารสูงสุด แม้ว่าแท้ที่จริงจะเป็นแค่หุ่นเชิดไร้ความหมายก็ตาม แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

สำหรับการยื่นญัตติของเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านคราวนี้ มันก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาจะต้องโดนหนักกว่าคนอื่น เพราะหากคว่ำได้นั่นก็ย่อมหมายความว่ารัฐบาลก็ต้องพ้นไปทั้งคณะ

หากแยกพิจารณาเฉพาะบางคนในรัฐบาลที่ตกอยู่ในเป้าหมายการซักฟอกคราวนี้ นอกเหนือจาก นายกฯอภิสิทธิ์ แล้ว ก็ย่อมตามมาด้วย รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ส่วนที่เหลืออีก 8 คน แม้ว่าในความเป็นจริงจะต้องกล่าวถึงเรียงตัว แต่นาทีนี้จะข้ามไปก่อน เพราะ อภิสิทธิ์ ถือว่าเป็นต้นตอของความ “ฉิบหาย” ของบ้านเมืองในวันนี้

สำหรับ นายกฯ อภิสิทธิ์ ที่ถูกฝ่ายค้านยื่นซักฟอกและยื่นถอดถอนรวมแล้วหลายข้อหา สรุปรวมๆก็คือ บริหารงานล้มเหลว ทำให้เกิดความเสียหายกับบ้านเมือง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตามความเป็นจริง ถือว่าข้อกล่าวหาในญัตติของฝ่ายค้านไม่ถูกต้อง เพราะแท้ที่จริงแล้ว นายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ได้บริหารงานล้มเหลว แต่ “ไม่ได้บริหาร” หรือ “บริหารไม่ได้” ต่างหาก เพราะเขาเป็นแค่ “หุ่นเชิด” แลกกับการได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปวันๆเท่านั้น

พิสูจน์ให้เห็นก็ได้อย่างกรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น กลายเป็นว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มีการโกงมากที่สุด ซึ่งมีข้อเท็จจริงยืนยันประจักษ์เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายซ้ำซาก ทั้งที่ในช่วงที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯใหม่ก็มีการตั้งกฎเหล็กเอาไว้ 9 ข้อ จนได้รับการชื่นชม และถูกตั้งความหวังไว้ว่าบ้านเมืองน่าเดินไปในเส้นทางใหม่เสียที แต่เมื่อผลออกมาเป็นตรงกันข้าม มันก็เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรตามที่พูด ตามที่สัญญาเอาไว้ กลายเป็นว่าเป็นการ “สร้างภาพ” หลอกต้มบรรดา “แม่ยก” ให้ “กรี๊ดกราด” เท่านั้นเอง

กรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จนนำไปสู่การเสียดินแดนจากกรณีกอดเอ็มโอยู 43 เพื่อปกปิดความผิดให้กับพวกพ้อง และนายทหารบางกลุ่มที่ทำธุรกิจเถื่อนตามแนวชายแดนเท่านั้น เขาทำได้ทุกอย่าง โดยไม่ลังเล

หรืออย่างกรณีล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นสดๆร้อนๆกรณี “วิกฤติน้ำมันปาล์ม” หรือข้าวของแพงอยู่ในเวลานี้ก็ล้วนมาจากความไม่เอาไหนของนายกฯที่ชื่อ อภิสิทธิ์ ถามว่าเวลานี้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มและมีราคาแพงยังคงมีอยู่หรือไม่ ก็ต้องตอบว่ายังคุมไม่อยู่ ถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นปะทุรุนแรงมานานกว่า 3 เดือน ทำไมเพิ่ง “ตาลีตาเหลือก” ลงมาแก้ไข ที่ผ่านมาชาวบ้านเขาก็รู้ว่ามีการ “กักตุน-ปั่นราคา” โดยกลุ่มทุนของพรรคการเมืองของใครก็รู้ๆกันอยู่

สภาพที่นายกรัฐมนตรีเดินตรวจสินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จึงดูไม่ต่างจาก “เจ้าหน้าที่” กรมการค้าภายในคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ลักษณะของนักบริหารจัดการที่ชอบพูดให้ได้ยินอยู่เสมอ

ปัญหาสินค้าแพงและขาดตลาดไม่ใช่มีแต่เฉพาะน้ำมันปาล์ม แต่ยังลามไปถึง น้ำมันถั่วเหลือง น้ำตาล นมผง สารพัด แม้ว่าต้องยอมรับความเป็นจริงว่าส่วนหนึ่งมันมีต้นตอมาจากราคาน้ำมันแพง อาจเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่ถามว่าปัจจัยภายในล่ะ ทำไมถึงบริหารจัดการไม่ได้ และล่าชาไม่ทันการจนเกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

นาทีนี้เมื่อชาวบ้านเขาเห็นธาตุแท้ว่า นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่ “ของจริง” เป็นแค่ “หุ่นเชิด” หรือเด็กละอ่อนที่อยากเป็นนายกฯเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะทำความเลว ทุจริตอย่างไร เมื่อความจริงปรากฏให้เห็นกับตาแบบนี้ ก็อย่าได้แปลกใจที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้เขาจะรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เพราะศัตรูก็ยังเป็นกลุ่มเดิมมิหนำซ้ำยังเข้มแข็งเพิ่มขึ้น เพราะความหน่อมแน้มของเขานั่นเอง ขณะที่คนที่เคยเอาใจช่วยก็ไม่เอาด้วย

ดังนั้นศึกซักฟอกเที่ยวนี้ อาจจะเป็นศึกครั้งสุดท้ายของเขา เพราะหลังจากนี้อาจจะต้องไปแล้วไปลับ เพราะเมื่อความจริงถูกเปิดเผยเขาก็เหมือนคนเปลือยกายล่อนจ้อนนั่นเอง !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง