บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ทหารเขมร – ไทย ใครยิงใครก่อน, มาจากสาเหตุอะไร, ทำไมรบกันนาน และอนาคตจะเป็นอย่างไร เกี่ยวกับการเมืองไทยหรือไม่ ฯลฯ


    การสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ซึ่งเริ่มขึ้นในเช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ ๒๒ เม.ย. ๕๔ ได้ขยายผลบานปลายมาถึงปัจจุบัน (๒๖ เม.ย. ๕๔) เป็นเวลาเกือบ ๔ วันแล้วก็ยังไม่ยุติ เป็นการสู้รบที่รุนแรงและยาวนานกว่าทุกครั้ง ดังนั้น สาเหตุที่เกิดการสู้รบขึ้น, ฝ่ายใดแพ้ - ชนะ, ฝ่ายไหนยิงก่อนและทำไมการรบครั้งนี้จึงยุติได้ยากกว่าทุกครั้ง, ในอนาคตจะมีการรบกันต่อไปอีกไหม? เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควรนำมาวิเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง ผมจึงลองลำดับเรื่องดู พอสรุปได้ว่า  :-
    ๑. สาเหตุที่เกิดการรบกันขึ้น
        (๑) พื้นที่ปราสาทตาควายนั้นเคยเป็นจุดปะทะมาครั้งหนึ่งแล้ว      ในช่วงที่เกิดปัญหาเขาพระวิหารเมื่อปีที่ผ่านมา โดยทหารกัมพูชาถือโอกาสเข้ามายึด แต่ถูกไทยกดดันออกไป ปราสาทตาควายจึงเป็นพื้นที่ตกลงร่วมกันว่า ทหารฝ่ายใดจะขึ้นมาก็ได้ แต่ห้ามนำอาวุธขึ้นมาด้วย นอกจากนั้นพื้นที่รอบปราสาทก็ห้ามทุกฝ่ายปลูกสร้างหรือดัดแปลงภูมิประเทศเด็ดขาด
        เมื่อวันพุธที่ ๒๐ เม.ย. ๕๔ ทหารพรานของไทยลาดตระเวนมาที่ปราสาทตาควาย (ขึ้นมามือเปล่า) พบทหารกัมพูชาพร้อมด้วยอาวุธครบมือ จึงเตือนให้นำเอาอาวุธกลับลงไป แต่ทหารกัมพูชาไม่สนใจ กลับขนอาวุธหนักขึ้นมาอีก ทหารไทยได้เตือนอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้งทุกวัน เพราะรู้ว่าถ้าปล่อยไว้ต่อไป ทหารกัมพูชาก็จะจัดสร้างที่มั่นแข็งแรงขึ้น ยึดเอาปราสาท       ตาควายไปเป็นของกัมพูชา  หรืออาจสร้างวัดขึ้นเหมือนที่เคยทำมาแล้ว เมื่อทหารไทยเร่งรัดมากขึ้นทุกๆ วัน ทหารกัมพูชาก็เริ่มรำคาญและทนไม่ได้ จึงใช้อาวุธประจำกายยิงขับไล่ทหารไทยก่อน ในเช้าวันศุกร์ที่ ๒๒ เม.ย. ๕๔ ทหารไทยก็ตอบโต้ทันที เพื่อป้องกันตัวเองและป้องกันอธิปไตยของไทยเป็นเรื่องตามปกติ 
        (๒) ปราสาทตาควายและปราสาทเมืองธมตั้งอยู่ใกล้กัน ฮุนเซนเคยนั่ง ฮ. มาลงที่ปราสาทเมืองธม จะเข้ามาดูตัวปราสาท แต่ทหารไทยไม่ยอม ให้ขออนุญาตมาก่อน ต่างฝ่ายต่างขนทหารมายันจนเกือบจะเกิดการปะทะขึ้น ในที่สุดฮุนเซนยอมถอย กลับไปออกอากาศโจมตีไทยอย่างรุนแรงด้วยความอาฆาต ปมนี้จึงอยู่ในใจฮุนเซนตลอดมา
        (๓) ปัญหาการเมืองในไทย แม้ว่าฮุนเซนจะให้การอุปการะแก่แกนนำเสื้อแดงที่หลบหนีเข้าไปอยู่จำนวนหนึ่งเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฮุนเซนตัดสินใจก่อเหตุขึ้น ในขณะที่พรรคเพื่อไทยกำลังอยู่ในภาวะที่สับสน เพราะจะกลายเป็นการซ้ำเติมพรรคเพื่อไทยมากขึ้นในทางอ้อม เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่เคยตำหนิฮุนเซนมาก่อนเลย ต่อกรณีที่กัมพูชารุกรานประเทศไทย

    ๒. ใครแพ้ใครชนะ
        ผู้นำทหารกัมพูชาชุดของพล.ท.ฮุนมาเน็ต (จริงๆ ยศ พล.ต. เท่านั้น) หลายคนผ่านการอบรมทางการทหารจากประเทศไทยในระยะสั้นๆ ส่วนใหญ่จะมากินเหล้าเป็นหลัก แล้วไปอบรมต่อที่เวียดนาม ซึ่งเวียดนามเองก็ไม่ได้สอนอะไรมากนัก แต่ทหารพวกนี้กลับโดดเด่นขึ้นมาเพราะเป็นลูกน้อง พล.ท.ฮุนมาเน็ต ก็เลยหลงว่าตัวเองรบเก่ง เมื่อมารบจริงๆ เข้ากับทหารไทย ซึ่งเป็นที่ทราบกันทั่วโลกว่าเป็นทหารที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนักสำหรับการรบตามแบบแล้ว ทหารกัมพูชาจึงประสบความสูญเสียอย่างหนัก จนต้องร่นถอยไปอยู่หลังหมู่บ้าน ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครได้เปรียบในสนามรบ แต่อย่างไรก็ตามเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบในพื้นที่ส่วนหลัง ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่มากมาย ขณะที่กัมพูชาไม่มีประชาชนอยู่ในพื้นที่มากนัก ปัญหาจึงมีอยู่ว่าไทยชนะแล้วจะได้อะไร? ไทยจึงไม่อยากก่อสงครามขึ้นก่อน

    ๓. ทำไมถึงต้องรบกับไทยอยู่เป็นประจำ
         เหตุผลในเรื่องนี้มีหลายสิบเรื่อง แต่จะยกมาพูดในประเด็นสำคัญๆ สัก ๓ - ๔ ประเด็น ได้แก่ 
        (๑) เมื่อรบแพ้ ทหารตายมาก จะไปบอกกับประชาชนอย่างไรว่ารบวันเดียวตายมากขนาดนี้ จึงต้องดื้อรบไปก่อน สมมุติว่ารบไปสัก ๑๐ วัน ตายสัก ๔๐ คน ก็ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ถ้ารบ ๒ วัน แล้วตาย ๔๐ คน ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่จะเสียหน้าต่อประชาชนกัมพูชา (ในขณะที่ไทยเราตายเท่าไรก็ต้องบอกเท่านั้น เพราะปกปิดประชาชนไม่ได้ )
       (๒) สถานภาพของฮุนเซนเองก็ไม่ดีนัก เพราะประชาชนที่ยากจนเต็มประเทศ แต่ฮุนเซนกับเครือญาติครอบครองธุรกิจค่อนประเทศ ร่ำรวยมหาศาล, ฮุนเซนไล่ที่ทำกินของประชาชนให้นักธุรกิจต่างชาติมาลงทุน,        ฮุนเซนแต่งตั้งข้าราชการทุกประเภทด้วยตนเอง รวมทั้งปลดออกตามใจชอบอีกด้วย ฯลฯ เมื่อประชาชนเริ่มตื่นตัว เริ่มรู้ทันฮุนเซนเพิ่มขึ้น การปลุกใจให้รักชาติ  ที่จำเป็นต้องพึ่งฮุนเซนในระยะนี้จึงเกิดขึ้น คือ การทำสงครามเล็กๆ น้อยๆ กับไทย เท่าที่จำเป็นขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อให้ประชาชนลืมเรื่องปากท้องไปก่อน และยังเป็นการข่มขู่ประชาชนด้วยกำลังทหารอีกด้วย
        (๓) ฮุนมาเน็ตต้องเป็นวีรบุรุษของชาติให้ได้ เพื่อสืบทอดอำนาจจากฮุนเซนโดยเร็วที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องพึ่งบริการของทหารไทยในลักษณะนี้เอง ส่วนทหารไทยรู้ปัญหาดี แต่ไม่สู้ก็ไม่ได้
ฯลฯ
    ๔. อนาคต
        ประชาชนไทยกับกัมพูชาก็ต้องอยู่ร่วมกันต่อไป ทนทรมานร่วมกันจนกว่าฮุนเซนจะจากไป ซึ่งไม่น่าจะนานนัก โลกาภิวัฒน์กำลังไล่ล่าทรราชอย่างฮุนเซนอย่างใกล้ชิด (ถ้าไม่มีการรบกับไทยไปนานแล้ว) ยมบาลก็เช่นกัน ขึ้นบัญชีฮุนเซนไว้แล้ว หลายโรคร้ายทำให้ฮุนเซนนอนไม่หลับ แต่ฮุนเซนกลัวการลุกขึ้นมาของประชาชนมากกว่าโรคร้ายที่คุกคามอยู่ ถ้าพวกเราอยากอยู่กันอย่างเป็นสุขก็จงเห็นใจประชาชนกัมพูชาซึ่งทุกข์กว่าเราอีก เรามีสิทธิ์เลือกรัฐบาล แต่พวกเขาไม่มี คนไทยเรามีสิทธิ์จะคัดค้านโครงการต่างๆ ที่โกงกินชาติ หรือจะเป็นผลร้ายต่อประชาชน แต่พวกเขาไม่มี ฯลฯ จงอย่าไปยุให้ทหารไทยรบแตกหัก เพราะจะช่วยยืดอายุทรราช ฮุนเซนมากขึ้น
       จงเห็นใจประชาชนกัมพูชา จงรักเขาและจงดูประเทศกัมพูชาเป็นตัวอย่าง ทั้งด้านการขาดความสามัคคีของคนในชาติ และด้านการบ่อนทำลายสถาบันฯ ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้ว คุณก็น่าจะรู้ว่าพวกเราคนไทยควรทำอย่างไรในการร่วมกันกำหนดอนาคตของประเทศไทย ต่อไป


พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง