ต้นเหตุแห่งวิบัติหายนะชาติทั้งปวง ล้วนเพราะคนๆเดียวคือนช.แม้ว (ผ่าประเด็นร้อน)
หากย้อนกลับไปมองภาพเหตุการณ์ในยุคที่ นักโทษชายแม้ว ประสบความสำเร็จทางการเมืองขั้นสูงสุดในฐานะผู้นำประเทศที่ได้รับการยอมรับจากมหาชนอย่างล้นหลาม แต่ด้วยธาตุแท้แห่งความโลภไม่รู้จักพอ หลงระเริงในอำนาจ และเหิมเกริมทะเยอทะยานคิดการณ์ใหญ่ ในที่สุดก็ถูกกองทัพก่อรัฐประหารโค่นล้มพ้นจากอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ด้วยสาเหตุสำคัญ 4 ประการคือ 1. แทรกแซงองค์กรอิสระและผูกขาดอำนาจหมายยึดครองทุกองคพายพของประเทศจนกลายเป็นเผด็จการในคราบประชาธิปไตย 2. ใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตคอร์รัปชั่นปล้นชาติผลาญแผ่นดินอย่างมูมมามเป็นมูลค่ามหาศาล 3.ปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริมชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 4.สร้างความแตกแยกในชาติจนมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การนองเลือด
หลังคณะก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 พ้นจากอำนาจและมีการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งหมายความว่าประเทศได้กลับคืนสู่ประชาชนธิ ปไตยอีกครั้ง โดยผลการเลือกตั้งครั้งนั้นปรากฏว่าพรรคพลังประชาชนอันเป็นหุ่นเชิดของ นักโทษชายแม้ว ได้รับชัยชนะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายกฯหุ่นเชิดของ นักโทษชายแม้ว เข้ามาคุมอำนาจบริหารประเทศถึงสองคนคือ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่รัฐบาลหุ่นเชิดทั้งสองคณะกลับไม่สามารถบริหารประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ท่ามกลางความแตกแยกในชาติที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ ขณะเดียวกันก็เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชนเอง จนในที่สุด ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินภายใต้การนำของ นายเนวิน ชิดชอบ ได้แยกตัวออกจากพรรคพลังประชาชน จากภาวะประเทศที่เดินมาถึงทางตันทำให้ในที่สุดบรรดาพรรคที่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนต่างเปลี่ยนขั้วหันมาสนับสนุนให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศ
หลังจากที่ต้องสูญเสียอำนาจรัฐทำให้ นักโทษชายแม้ว พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือฟอกโทษความผิดทั้งหมดและทวงทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทของตัวเองที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน
นั่นคือที่มาซึ่ง นักโทษชายแม้ว บงการอยู่เบื้องหลังเครือข่าย 3 ประสานประกอบด้วยพรรคการเมืองคือพรรคเพื่อไทย พลังมวลชนคือม็อบคนเสื้อแดง และกองกำลังก่อการร้ายที่ปฏิบัติการใต้ดินสร้างสถานการณ์จนนำไปสู่การก่อจลาจลในเหตุการณ์สงกรานต์แดงเดือดทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2551 และการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปีที่แล้วโดยหวังโค่นล้มรัฐบาลช่วงชิงอำนาจรัฐกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งสำคัญที่เดิมพันด้วยอนาคตของชาติบ้านเมืองที่กำลังจะมีขึ้นครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ นักโทษชายแม้ว พยายามวางหมากทางกางการเมืองและระดมทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งหวังช่วงชิงอำนาจรัฐให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยการทุ่มเงินสักกี่หมื่นล้านบาทก็ตาม
แต่ประเด็นสำคัญสำหรับอนาคตของชาติบ้านเมืองก็คือ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อแม้วจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลล้วนมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะนำไปสู่วิกฤติมิคสัญญีรอบใหม่ โดยหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขบวนการเครือข่ายเพื่อแม้วทั้งหลายทั้งพรรคเพื่อแม้ว ม็อบคนเสื้อแดง และกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินจะเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์เผาบ้านทำลายเมืองรอบใหม่จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ นักโทษชาแม้ว ต้องการ
ในทางกลับกันหากพรรคเพื่อแม้วได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แน่นอนว่าจะต้องมีการผลักดันกฏหมายเพื่อนิรโทษกรรมฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ นักโทษชายแม้ว และเหล่าผู้ต้องหาแดงก่อการร้ายที่เคยเผาบ้านทำลายเมืองปีที่แล้ว จากนั้นขบวนการเพื่อแม้วจะต้องกระชับอำนาจการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายหน่วยราชการต่างๆซี่งที่สำคัญคือกองทัพ พร้อมทั้งล้างแค้นเช็คบิลฝ่ายตรงข้ามอย่างขนานใหญ่ รวมทั้งจะค่อยๆแก้ไขรัฐธรรมนูญลดพระราชอำนาจลงโดยมีเป้าหมายที่จะล้มล้างระบอบอำมาตย์เปลี่ยนแปลงประเทศในที่สุด ซึ่งภายใต้เป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้วดังกล่าวเชื่อว่าจะนำไปสู่การลุกฮือต่อต้านของพลังมหาชนครั้งใหญ่จนนำไปสู่การปราบปรามนองเลือดครั้งร้ายแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า นักโทษชายแม้วคือต้นเหตุแห่งความวิบัติทั้งปวงของชาติบ้านเมืองตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งตราบใดที่คนในชาติบ้านเมืองยังไม่รู้เท่าทันและคำนึงถึงแผ่นดินด้วยการตัดหางนักโทษชายแม้ว ตราบนั้นประเทศยังเสี่ยงที่จะ ต้องเผชิญกับความหายนะครั้งใหญ่ซึ่งจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
หากย้อนกลับไปมองภาพเหตุการณ์ในยุคที่ นักโทษชายแม้ว ประสบความสำเร็จทางการเมืองขั้นสูงสุดในฐานะผู้นำประเทศที่ได้รับการยอมรับจากมหาชนอย่างล้นหลาม แต่ด้วยธาตุแท้แห่งความโลภไม่รู้จักพอ หลงระเริงในอำนาจ และเหิมเกริมทะเยอทะยานคิดการณ์ใหญ่ ในที่สุดก็ถูกกองทัพก่อรัฐประหารโค่นล้มพ้นจากอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ด้วยสาเหตุสำคัญ 4 ประการคือ 1. แทรกแซงองค์กรอิสระและผูกขาดอำนาจหมายยึดครองทุกองคพายพของประเทศจนกลายเป็นเผด็จการในคราบประชาธิปไตย 2. ใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตคอร์รัปชั่นปล้นชาติผลาญแผ่นดินอย่างมูมมามเป็นมูลค่ามหาศาล 3.ปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริมชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 4.สร้างความแตกแยกในชาติจนมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การนองเลือด
หลังคณะก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 พ้นจากอำนาจและมีการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งหมายความว่าประเทศได้กลับคืนสู่ประชาชนธิ ปไตยอีกครั้ง โดยผลการเลือกตั้งครั้งนั้นปรากฏว่าพรรคพลังประชาชนอันเป็นหุ่นเชิดของ นักโทษชายแม้ว ได้รับชัยชนะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายกฯหุ่นเชิดของ นักโทษชายแม้ว เข้ามาคุมอำนาจบริหารประเทศถึงสองคนคือ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่รัฐบาลหุ่นเชิดทั้งสองคณะกลับไม่สามารถบริหารประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ท่ามกลางความแตกแยกในชาติที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ ขณะเดียวกันก็เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชนเอง จนในที่สุด ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินภายใต้การนำของ นายเนวิน ชิดชอบ ได้แยกตัวออกจากพรรคพลังประชาชน จากภาวะประเทศที่เดินมาถึงทางตันทำให้ในที่สุดบรรดาพรรคที่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนต่างเปลี่ยนขั้วหันมาสนับสนุนให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศ
หลังจากที่ต้องสูญเสียอำนาจรัฐทำให้ นักโทษชายแม้ว พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือฟอกโทษความผิดทั้งหมดและทวงทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทของตัวเองที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งสำคัญที่เดิมพันด้วยอนาคตของชาติบ้านเมืองที่กำลังจะมีขึ้นครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ นักโทษชายแม้ว พยายามวางหมากทางกางการเมืองและระดมทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งหวังช่วงชิงอำนาจรัฐให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยการทุ่มเงินสักกี่หมื่นล้านบาทก็ตาม
แต่ประเด็นสำคัญสำหรับอนาคตของชาติบ้านเมืองก็คือ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อแม้วจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลล้วนมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะนำไปสู่วิกฤติมิคสัญญีรอบใหม่ โดยหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขบวนการเครือข่ายเพื่อแม้วทั้งหลายทั้งพรรคเพื่อแม้ว ม็อบคนเสื้อแดง และกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินจะเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์เผาบ้านทำลายเมืองรอบใหม่จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ นักโทษชาแม้ว ต้องการ
ในทางกลับกันหากพรรคเพื่อแม้วได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แน่นอนว่าจะต้องมีการผลักดันกฏหมายเพื่อนิรโทษกรรมฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ นักโทษชายแม้ว และเหล่าผู้ต้องหาแดงก่อการร้ายที่เคยเผาบ้านทำลายเมืองปีที่แล้ว จากนั้นขบวนการเพื่อแม้วจะต้องกระชับอำนาจการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายหน่วยราชการต่างๆซี่งที่สำคัญคือกองทัพ พร้อมทั้งล้างแค้นเช็คบิลฝ่ายตรงข้ามอย่างขนานใหญ่ รวมทั้งจะค่อยๆแก้ไขรัฐธรรมนูญลดพระราชอำนาจลงโดยมีเป้าหมายที่จะล้มล้างระบอบอำมาตย์เปลี่ยนแปลงประเทศในที่สุด ซึ่งภายใต้เป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้วดังกล่าวเชื่อว่าจะนำไปสู่การลุกฮือต่อต้านของพลังมหาชนครั้งใหญ่จนนำไปสู่การปราบปรามนองเลือดครั้งร้ายแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า นักโทษชายแม้วคือต้นเหตุแห่งความวิบัติทั้งปวงของชาติบ้านเมืองตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งตราบใดที่คนในชาติบ้านเมืองยังไม่รู้เท่าทันและคำนึงถึงแผ่นดินด้วยการตัดหางนักโทษชายแม้ว ตราบนั้นประเทศยังเสี่ยงที่จะ ต้องเผชิญกับความหายนะครั้งใหญ่ซึ่งจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ทีมข่าวการเมือง
วิกฤติความแตกแยกจนเป็นเหตุให้เกิดจลาจลเผาบ้านทำลายเมืองจนพินาศย่อยยับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปทบทวนต้นตอสาเหตุในอดีตจวบจนปัจจุบันและมองแนวโน้มในอนาคตจะพบว่าล้วนเกิดจากคนๆเดียวนั่นคือ นักโทษชายแม้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น