บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

MOU 2543 เป็นโมฆะ

MOU 2543 เป็นโมฆะ
การดำเนินการใดๆต่อมาที่อ้าง MOU 2543 ต้องเป็นโมฆะทั้งสิ้น !

โดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์
นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ  สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


          ทันทีที่นายกรัฐมนตรีไทยใช้ช่องทางทางการฑูตเจรจากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พลันสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่า   พังแน่ประเทศไทย !
            ต้องขอย้อนไปก่อนหน้านี้สักเล็กน้อยถึงสถานการณ์ภายในประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่พยายามเขยื้อนนโยบายของอำนาจบริหารเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา
            ภาคประชาชนกำลังไล่ตรวจสอบฝ่ายอำนาจบริหารอยู่เรื่อง MOU 2543  ทำให้ความจริงกำลังจะเปิดเผยว่า ที่แท้ MOU 2543 ซึ่งเป็นเพียงข้อตกลงระหว่างฝ่ายอำนาจบริหารของประเทศ 2 ประเทศ คือ ไทยและกัมพูชานั้น โมฆะ ไปแล้วตั้งแต่รัฐบาลที่ทำ MOU 2543 นั้นหมดอำนาจไป
            ดังนั้น การนำ MOU 2543 กลับมายืนยันหรืออ้างอิงกันอีกต่อๆ มา จึงเสมือนเป็นการปลุกผีขึ้นมา ซึ่งยังไงเสียมันก็ตายไปแล้ว จะปลุกอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต   ดังนั้นการที่ฝ่ายอำนาจบริหารใช้ MOU 2543 เป็นกรอบในการเจรจากับกัมพูชาเรื่องเขตแดน  ใช้ MOU 2543 เป็นตัวรองรับหรือให้อำนาจกลไกทำงานในชื่อว่า JBC เพื่อให้มีบันทึกการเจรจาทุกครั้งเป็นหลักฐานและยืนยันการเป็นข้อตกลงระหว่างกัน หรือเป็นความพยายามสร้างกระบวนการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ นั้น  ภาคประชาชนกลับเรียกการกระทำอย่างนี้ให้เข้าใจกันได้อย่างง่ายๆ ว่าพิธีการทำลูกกรอก  ของยากอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ทำให้ชาวบ้านทั่วไปอย่างตาสีตาสายายมายายมี เพิ่มจำนวนผู้เข้าใจความจริงมากยิ่งขึ้น
            ยิ่งการสัญจรไปมาบนเส้นทางถนนศรีเพ็ญ อันเคยเป็นถนนยุทธศาสตร์ของไทย  พุ่งขนานไปกับเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชาบริเวณจังหวัดสระแก้ว ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เห็นกันชัดๆ ว่าไม่ใช่พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารอันเป็นพื้นที่ที่กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งนักวิชาการที่อยู่ในโครงการเชิงรุกขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าของงบประมาณ  กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกและบิดเบือนว่าเป็นจุดปัญหาของไทย-กัมพูชาเท่านั้น  มีความยากลำบากที่ประชาชนไทยทั่วไปจะเข้าไปใช้ถนนศรีเพ็ญเป็นเส้นทางสัญจร  มิหนำซ้ำยังเห็นกันได้ด้วยตาเปล่าว่ามีกองกำลังทหารกัมพูชาอยู่เป็นแนวหลังผืนนา  พูดง่ายๆ เพื่อใหเห็นภาพชัดเจนก็คืออยู่หลังแนวป้ายรูปหัวกระโหลกสีแดง  ระบุว่าเป็นเขตอันตรายเพราะเป็นแนวระเบิดนั่นเอง  คนอย่างตาสีตาสายายมียายมา ที่เข้าใจความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย  จึงผุดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด  โดยเฉพาะแนวชายแดนที่อยู่ในเขตภาคอิสานตอนล่าง อันได้แก่ อุบลราชธานี  ศรีสะเกษ  สุรินทร์  บุรีรัมย์  และสระแก้ว
            รัฐบาลเองก็ตระหนักต่อความจริงว่าไม่อาจปิดกั้นคนรักชาติอย่างตาสีตาสายายมียายมาได้อีกต่อไป  ความพยายามจะแก้เกี้ยวด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้ามาให้เหตุผลว่า MOU 2543 ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นั้น ในที่สุดก็แพ้หัวใจคนรักชาติอย่างตาสีตาสายายมียายมา  เห็นได้ว่าฝ่ายอำนาจบริหารแถกไม่ขึ้นอีกต่อไป  พูดอย่างตาสีตาสายายมียายมาได้ว่า  ยิ่งแถกยิ่งทำ(ประเทศ) พัง !
            เพียงแค่รัฐบาลไปบอกกัมพูชาว่า MOU 2543 โมฆะไปแล้ว บอกความจริงแก่ชาวโลกที่รัฐบาลเคยมีหนังสือไปยืนยันการใช้ MOU 2543 และอำนาจของ JBC  กับเขา  แล้วใช้ช่องทางทางการฑูตที่ตนเองถนัดนั่นแหละเพื่อเริ่มต้นกันใหม่  ทุกคนเขาเข้าใจได้เพราะกฎหมายระหว่างประเทศเองก็ยืนยันว่า  สนธิสัญญาที่เกิดจากกระบวนการที่ฉ้อฉลไม่อาจเรียกเป็นสนธิสัญญาได้  ขืนดำเนินการกันต่อไป พังแน่ทั้งไทยและกัมพูชา
            ย้อนเมื่อวานให้เห็นว่า พังแน่  และ  แถกไม่ขึ้น  แล้วมาเริ่มวันใหม่ทันทีที่นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาได้เจรจากันที่สหรัฐอเมริกา  นายกรัฐมนตรีไทยมาประกาศแผนการปรองดองกับกัมพูชา  ทำลายแนวคิดสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาที่ภาคประชาชนคาดหวังว่า     หนึ่ง...พลังประชาชน     สอง...องค์ความรู้   ภาคประชาชนพยายามจัดการความรู้ออกมา เพื่อจะนำไปชักชวน (ร่วมกับ)เหลี่ยมด้านที่สาม...อำนาจรัฐ  เพื่อมาแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา  โดยสิ้นเชิง
            แผนปรองดองกับกัมพูชาทำให้ฝ่ายอำนาจบริหารหันมา จีโนไซด์(ภาษาอังกฤษอีกคำที่ประชาชนไทยควรรู้ genocide แปลความหมายว่า วิธีการที่ไม่สวยนักในการขจัดคนที่มีความคิดเห็นต่างให้ราบคาบไป) ภาคประชาชนผู้มีความคิดเห็นในเรื่องปัญหาไทย-กัมพูชาไม่ตรงกับตน  เช่น กล่าวหาเพื่อทำลายว่าเป๋นกลุ่มผู้รับเงินมาเพื่อล้มรัฐบาล
            แผนปรองดองกับกัมพูชาทำให้ฝ่ายอำนาจบริหารประกาศความร่วมมือทางวัฒนธรรม เจตนาแรกก็คือประกาศที่จะดำเนินการขอขึ้นทะเบียนปราสาทตาเมือนเป็นมรดกโลก
            ถ้าจะคิดว่าตาสีตาสายายมียายมา จะหลงคารมคำบิดเบือน  เอาเรื่องวัฒนธรรมมาปิดบังปัญหาเรื่องเขตแดน  เหมือนช้างตายทั้งตัวจะเอาใบบัวมาปิดนั้น  คงจะสำเร็จได้ยากนอกจากประชาชนจะไม่เชื่อแล้ว ปัญหาเรื่องเขตแดนก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง  พูดตรงไปตรงมาก็คือ ยังไม่ปัดทิ้งที่จะเอาแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 มาเป็นตัวกำหนดอาณาเขตของประเทศ  ปัญหาพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารที่ใช้แผนที่ดังกล่าว   แล้วปิดประชาชนไม่มิด  ยังแก้ไม่หาย ยังจะใช้โมเดลนี้กับพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของประเทศอีก  นี่ไม่ใช่การแก้ไขให้ตรงกับปัญหา  แต่กลับจะทำให้ประเทศไทยพัง  เพราะฝ่ายอำนาจบริหารไปยึดติดกับแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศโดยละทิ้งเรื่องสันปันน้ำ     ละทิ้งความจริงเรื่องการปักปันเขตแดนซึ่งเราทำเสร็จมาแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5     ละทิ้งเรื่องตำแหน่งเดิมของหลักเขต 73 หลักที่ทำเสร็จแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 อีกเช่นกัน    ละทิ้งแผนที่ประเทศไทยที่เป็นรูปด้ามขวานหัวโต  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปหัวขวานจะต้องเล็กกว่านั้น     ละทิ้งเรื่องอธิปไตยและสิทธิต่างๆ เช่นสิทธิการปกครอง  สิทธิพลเมืองของคนในรัฐไทย  อธิปไตยทางอำนาจศาล  และอื่นๆ อีกมากมาย
            รับรองว่าฝ่ายอำนาจบริหารทั้งของไทยและของกัมพูชาจะต้องมีอันเป็นไปแน่ๆ (ตามหลักกฎหมายไม่ใช่หลักไสยศาสตร์)  โดยเฉพาะฝ่ายอำนาจบริหารของไทย  ถ้าคุณทำประเทศไทยพัง เพราะคุณยังอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบโลก  จึงใช่ว่ามีอำนาจบริหารล้นฟ้าแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามอำเภอใจ
            รัฐบาลของคุณ  ทุกคนในรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบ  ดังนั้น จงเปลี่ยนใจเสียเถิด   แล้วมารวมกับภาคประชาชนที่เสนอองค์ความรู้ใหม่ให้คุณคิดได้  ช่วยกันเขยื้อนภูเขา เจ้าตัวปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชาที่แท้จริง ออกไปเสียให้สิ้นซาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง