ฟิฟทีนมูฟ – ฮุน เซน ระหว่างพบนายทหารระดับสูงประจำพื้นที่ปราสาทพระวิหารที่เสียมราฐ เผย ๔ มาตรการใหญ่ ที่เขมรกำลังดำเนินการ คือ การทหาร นโยบาย การทูต และกฎหมาย ระบุไทยถอนทหาร ๑๐ คน สุดท้ายพ้นวัดแก้วฯ แล้ว และรัฐบาลเพื่อไทยจะไม่โจมตีกัมพูชา ส่วนเรื่องต่าง ๆ อยู่ในมือคณะมนตรีความมั่นคง ศาลโลก และอาเซียน เจีย ดารา-ชิน จันปัว ยังพล่อยเรียกไทยว่าศัตรูชาวสยามผู้รุกราน ขณะรายงานสถานการณ์สงบแต่เขมรเตรียมพร้อมตลอดเวลา ย้ำไม่ถอนทหารหากไม่มีผู้สังเกตการณ์และไม่ถอนก่อนไทย
ตามรายงานของสำนักข่าวซีอีเอ็นและหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔) ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรียกร้องให้ทหารทั้งหมดที่ประจำการในสมรภูมิปราสาทพระวิหาร เอาใจใส่ต่อการป้องกันบูรณภาพดินแดนตามแนวทางยกระดับการป้องกันชาติ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์สำหรับกัมพูชา ตามสโลแกนที่ว่าทั้งหมดเพื่อการป้องกันชาติ การป้องกันชาติเพื่อทุกคน โดยเป็นการกล่าวระหว่างการพบหารือกับนายทหารระดับสูงของกองทัพแห่งชาติ กัมพูชา ที่ประจำการด้านปราสาทพระวิหาร ร่วม ๑๐๐ คน เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่โรงแรมซิตี้อังกอร์1 จังหวัดเสียมราฐ ซึ่งเป็นการเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์พัฒนาทหารพิการกูแลน ที่จะมีขึ้นในช่วงเช้าวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
ฮุน เซน ระบุว่า กัมพูชากำลังดำเนินการใน ๔ มาตรการใหญ่ คือ การทหาร นโยบาย การทูต และกฎหมาย โดยอยู่ในบริบทใหม่ของสถานการณ์ที่กัมพูชาจะต้องประเมินเพื่อเตรียมพร้อมรับ มือ โดยบริบทใหม่ คือ ๑.วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระไม่ใช่จุดที่ทหารไทยรุกรานเข้ามาปะปนกับกองกำลังติด อาวุธของกัมพูชาอีกต่อไป ซึ่งที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางที่กัมพูชาเรียกว่าไทยรุกรานกัมพูชา แต่เราได้ทำให้กองกำลังที่เหลือของไทยออกไปจากวัด และการที่ทหารไทยจำนวน ๑๐ คนที่เหลือนั้นออกไปจากวัด เป็นความเจ็บปวดอย่างมากของผู้นำระดับสูงของไทย
๒. ในเวลาข้างหน้านี้ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่ แต่รัฐบาลใหม่จะไม่สนับสนุนให้กองกำลังติดอาวุธของไทยทำการโจมตีกัมพูชาอีก อย่างที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยทำ ๓. สถานการณ์ใหม่อยู่ตรงที่ว่า ความขัดแย้งพรมแดนกัมพูชา-ไทย อยู่ในระเบียบวาระของคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การสหประชาชาติ อยู่ในระเบียบวาระของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก และอยู่ในระเบียบวาระของอาเซียน นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวกับนายทหารระดับสูงว่า การป้องกันดินแดนด้วยอาวุธ ด้วยมนุษย์ และการสู้รบกัน ต้องเป็นการหนุนหลังเป็นอย่างแรก แต่ส่วนใหญ่ที่เหลือเป็นกิจการระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะที่คณะมนตรีความมั่นคง และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่กัมพูชาไม่อาจมองข้ามได้
ฮุน เซน กล่าวว่า ความสำเร็จที่กัมพูชาได้รับที่ผ่านมาไม่ใช่การได้รับโดยแยกจากกัน แต่เป็นการควบรวมมาตรการทั้ง ๔ (การทหาร นโยบาย การทูต และกฎหมาย) โดยมีความเกี่ยวข้องไม่อาจแยกกันได้กับยุทธศาสตร์ยกระดับการป้องกันชาติของ ประชาชนกัมพูชาทุกระดับชั้น ในขณะที่กองกำลังติดอาวุธของเราที่แนวหน้าได้รับการเลื่อนชั้นยศ กองกำลังที่แนวหลังก็ควรได้รับการเลื่อนชั้นเช่นกัน กล่าวคือมีความเกี่ยวข้องโยงใยกัน โดยเฉพาะไม่อาจมีการสู้รบได้โดยขาดการสนับสนุนด้านเสบียง สัมภาระจากแนวหลัง ฮุน เซน กล่าวอีกว่า ตนมองว่ากิจการทั้งหมดที่กัมพูชาได้กระทำในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกองกำลังติดอาวุธของกัมพูชานั้น มีความสามัคคีอย่างยิ่ง ทั้งกองทัพแห่งชาติกัมพูชา กองกำลังตำรวจ หน่วยสารวัตรทหาร โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือกับสถาบัน หน่วยงานทั้งกรุงพนมเปญ ระดับจังหวัด อำเภอ ตลอดผู้มีใจเอื้อเฟื้อต่าง ๆ
พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการในกองทัพแห่งชาติกัมพูชา และเป็นผู้บัญชาการประจำด้านปราสาทพระวิหาร ได้กล่าวรายงานในระหว่างการพบหารือว่า แม้ว่าสถานการณ์ทั่วไปตามแนวชายแดนจะมีความสงบ แต่ทหารกัมพูชามีการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมสูงสุด เพื่อป้องกันดินแดนจากศัตรูชาวสยามผู้รุกราน นอกจากนี้ พล.อ.เจีย ดารา ยังกล่าวอีกว่า ทหารทั้งหมดที่ประจำการตามแนวชายแดนมีความยินดีอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน เสนอกษัตริย์กัมพูชาให้แต่งตั้งเลื่อนชั้นยศโดยทั่วหน้า นี่เป็นขวัญกำลังใจอย่างที่สุดสำหรับกองทัพแห่งชาติกัมพูชาที่จะได้ปฏิบัติ ตามอย่างเคร่งครัด ในบัญชาของสมเด็จฯ นายกรัฐมนตรี
ขณะที่ พล.ท.ชิน จันปัว2 รองผู้บัญชาการในกองทัพแห่งชาติกัมพูชา ประจำด้านที่ ๓ กล่าวรายงานว่า สถานการณ์ในสมรภูมิด้านที่ ๓ ไม่แตกต่างจากด้านปราสาทพระวิหาร แม้ขณะนี้กำลังของทหารสยามผู้รุกรานอยู่ในความสงบ และมีการถอนกำลังและยุทโธปกรณ์ออกไป แต่ทหารกัมพูชาประจำพื้นที่ด้านที่ ๓ ยังคงเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมสูงสุด โดยเฉพาะรอรับคำสั่งจากสมเด็จฯ นายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า การถอนทหารของประเทศทั้งสองที่จะมีขึ้น ผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียจะต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก่อน กัมพูชาจะไม่ถอนกำลังก่อนฝ่ายไทย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น