วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
สรุปปะทะ10 วันพลีชีพ7 เขมรขอหยุดยิง
สาเหตุสูญเสียมากเขมรเริ่มสะเปะสะปะ โจมตีแบบไร้ทิศทาง ขวัญกำลังใจตกต่ำ
ทหาร เขมรไม่สน เปิดฉากยิงโจมตีไทย ทหารไทยเจ็บอีก 2 ทัพภาค 2 ชี้ขวัญกำลังใจทหารเขมรตกต่ำ ขาดเสบียงไร้การเหลียวแลจากระดับสูง ทำให้รบไร้ทิศทาง พบอีกต้องสงสัยสปายเขมร 3 คน ตระเวนกระบะติดจานดาวเทียมหาข่าวในพื้นที่ พร้อมยันจรวด BM-21 ยิงไม่ถึงศูนย์อพยพไทย สรุปรบ 10 วัน ทหารพลีชีพ 7 เจ็บ 120 นาย ปชช.รับเคราะห์ 1 เจ็บ 7 ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 ยันทหารยังรักษาที่มั่นไม่เคยเสียเปรียบ ขอดูอีก 1-2 วัน สถานการณ์คลี่คลายจะให้ชาวบ้านกลับเข้าหมู่บ้านได้ ด้าน “มาร์ค” ยันคำร้องที่กัมพูชายื่นต่อศาลโลกยังไม่มาถึงไทย ระบุจะคุยกับ “ฮุน เซน” ในอาเซียนหรือไม่ต้องขอดูข้อกฎหมายก่อน ล่าสุดเนี๊ย วงศ์ รองผบ.พลน้อยที่402 กัมพูชา โทรขอเจรจาไทยหยุดยิงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ขอเก็บศพทหารเขมรจำนวนมากเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ
ชายแดนปะทะอีกถึงเช้า
เมื่อ วันที่ 1 พ.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ยังไม่คลี่คลาย ทหารไทยกับกัมพูชายังเปิดฉากปะทะกันต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดยตั้งแต่คืนวันที่ 30 เม.ย. ที่ชายแดนบริเวณปราสาทตาควาย บ.ไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีเสียงปืนปะทะกันขึ้นตั้งแต่เวลา 23.00 น. ต่อมาเวลา 01.00 น. (1 พ.ค.) ทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้ยิงต่อสู้อย่างหนักจนถึงเวลา 02.00 น. โดยมีเสียงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงเข้ามาประมาณ 20 นาที จากนั้นเป็นการปะทะกันด้วยปืนเล็กประปรายเป็นระยะๆ ตลอดแนวชายแดนถึงปราสาทตาเมือนธม บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง กระทั่งถึงเวลา 07.00 น. เช้าวันที่ 1 พ.ค. เสียงปืนจึงได้สงบลง จากเหตุปะทะกันดังกล่าว มีรายงานทหารได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 นาย ทราบชื่อ คือ ส.ต.รัฐพล ครองยุทธ์ สังกัด ร.8 พ.2 ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บบริเวณใบหน้า และทหารไม่ทราบชื่อ อีก 1 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดเช่นกัน ทั้ง 2 นาย ถูกนำตัวส่งรักษาพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อ.พนมดงรัก ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
ชี้ทหารเขมรขวัญ-กำลังใจเริ่มตก
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้าได้แจกเอกสารรายงานสถานการณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชาได้เบาบางลง ล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 30 เม.ย.มีการปะทะตามหน้าแนวชายแดนปราสาทตาควาย ต.บักได โดยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้าตลอดเวลา และสุดท้ายได้ยิงเข้าใส่ฐานทหารไทย และเริ่มขว้างระเบิดมือพร้อมยิงอาร์พีจี เข้าใส่ฐานทหารไทย แต่ไม่สามารถตรวจสอบจำนวนได้ เนื่องจากไม่เข้าเป้าหมาย และไม่ได้ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งเวลา 04.00 น. เช้าวันที่ 1 พ.ค.จึงหยุดการปะทะจนถึงขณะนี้ ทั้งนี้ ทหารกัมพูชาเริ่มมีขวัญและกำลังใจตกต่ำ เนื่องจากการขาดเสบียงและการไม่ได้รับความเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชาระดับ สูง อีกทั้งกัมพูชาได้รับข่าวสารว่าทหารไทยมีการส่งเสบียงจากแนวหลัง ทั้งจากประชาชน และอาวุธยุทโธปกรณ์สนับสนุนขึ้นมาแนวหน้าตลอดเวลา ทำให้ขณะนี้น้ำหนักของการปะทะของทหารกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นการรบแบบใดเริ่มไม่ มีทิศทางและแผนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปแบบ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลให้ฝ่ายทหารไทย คาดเดาอารมณ์ของทหารกัมพูชาได้ยากขึ้น ว่า จะเกิดความเครียดแล้วเปิดฉากใช้อาวุธต่อทหารไทยเมื่อใด จากเหตุการณ์ปะทะ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ รวม 10 วัน (22 เม.ย.-1 พ.ค.) มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 120 นาย เสียชีวิต 7 นาย พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 7 ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 11 หลัง, ประปาหมู่บ้านเสียหาย 2 แห่ง, ปศุสัตว์ตาย 4 ตัว ด้านการอพยพประชาชนขณะนี้มีศูนย์อพยพทั้งสิ้น 43 แห่ง แบ่งเป็น จ.สุรินทร์ 35 ศูนย์ มีผู้อพยพ 42,804 คน จ.บุรีรัมย์ 7 แห่ง ผู้อพยพ 5,866 คน รวมจำนวนผู้อพยพทั้งสิ้น 48,670 คน
จับตาสายลับใช้กระบะติดจานดาวเทียม
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า มีสายข่าวจากประชาชน แจ้งว่า พบมีผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน เข้ามาหาข่าวการวางกำลังของทหารไทย โดยมีลักษณะต้องสงสัยหลายประการ ใช้ยานพาหนะรถกระบะ ในลักษณะมีจานดาวเทียมขนาดเล็กบริเวณเหนือตัวรถ คาดว่า จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ดังนั้น ขอให้สื่อมวลชน ช่วยกันระมัดระวังและเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย หากพบผู้ต้องสงสัยดังกล่าวขอให้แจ้งผ่านมายังศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ทันที ส่วนการที่มีข่าวลือว่าหากมีการปะทะกันด้วยอาวุธหนัก ทหารกัมพูชาสามารถยิงจรวด BM- 21 เข้ามาได้ถึงศูนย์อพยพต่างๆ ของ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ทำให้ประชาชนหวาดกลัวนั้น รองผู้บัญชาการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 ได้ยืนยัน ว่า ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่าศูนย์อพยพต่างๆ ของทาง จ.สุรินทร์และ จ.บุรีรัมย์ มีความปลอดภัยจากระยะการยิงจรวดดังกล่าวอย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนที่ยังอยู่ศูนย์อพยพได้มั่นใจในความปลอดภัยดังกล่าว
ลือสะพัดทหารเขมรพึ่งไสยดำสู้
แหล่ง ข่าวสายทหารเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ปะทะปราสาทตาควาย พบทหารลิงลม เข้ามาหลอกพรางตา ที่เวลายิงแล้วไม่ตายกระโดดหลบไปมา และปีนขึ้นต้นไม้และหายตัวได้ ซึ่งเชื่อว่าทางทหารกัมพูชาได้เล่นไสยศาสตร์ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไทยกำลังใช้วิธีแก้ไสยศาสตร์ โดยไม่ขอเปิดเผย อีกทั้งยังมีการปล่อยงูเห่า เข้ามาในเขตประเทศไทยบริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นยุทธวิธีในการรบแบบใหม่ที่ทหารกัมพูชานำมาใช้ และสถานการณ์ล่าสุด เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 1 พ.ค. ทหารกัมพูชาได้ปะทะกับทหารไทย โดยทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่เข้าใส่ เสียงดังสนั่น นานประมาณ 5 นาที จากนั้นเสียงปืนก็เงียบไป โดยจุดที่มีการปะทะอยู่ที่บริเวณปราสาทตาควาย
มทภ.2 ลั่นรักษาที่มั่นไม่เสียเปรียบ
พล.ท.ธวัช ชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาดีขึ้นเรื่อยๆ โดย 3 วันมาแล้วที่ไม่มีการใช้ปืนใหญ่ หรือจรวดอะไรต่างๆ ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็พยายามประสานกับฝ่ายกัมพูชาทุกวัน หากเป็นแบบนี้ก็น่าจะขยับประชาชนได้บางส่วน โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่ได้อยู่หมู่บ้านประชิดชายแดน น่าจะกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนที่ยังมีการปะทะประปราย อาจจะเพราะทหารกัมพูชาบางส่วนที่ขาดวินัย แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลางคืนมองไม่เห็นกัน มีเสียงก๊อกแก๊กก็อาจจะปาระเบิดมา แล้วเราก็สวนไป ส่วนที่จะให้เหตุการณ์สงบลงจริงๆ ตอนนี้ก็มีการคุยกันทุกวันไม่ใช่การเจรจา สถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อใดต้องถามฝั่งกัมพูชา เพราะเราก็พยายามรักษาความ สงบเรียบร้อยอยู่แล้ว ขอยืนยันว่า การปะทะกันที่ผ่านมาเราไม่เคยเสียเปรียบ แต่ก็พยายามบอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ขอให้มีความอดทนถ้าอยู่ใกล้กันมาก หรือมีอะไรต่างๆ ก็ต้องสวนกลับไปตามความเหมาะสม เขาใช้อาวุธเล็กเราก็ใช้อาวุธเล็กโต้กลับไป
คำร้องเขมรยื่นศาลโลกยังไม่มาถึงไทย
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทางกัมพูชาประกาศขอพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ว่า ขณะนี้ในพื้นที่จริงเวลาเกิดปัญหาขึ้นก็จะมีการประสานงานกันอยู่ และเรายังคิดว่าถ้าแนวโน้มเป็นอย่างที่เป็นมา 1-2 วันการที่จะอพยพคนกลับไปอยู่ที่ชุมชนน่าจะเริ่มทำได้ ขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์อยู่ ตนให้มีการรายงานเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ส่วนการพูดคุยนั้นในสัปดาห์หน้าระหว่างการประชุมอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ 2 ประเทศก็ต้องเจอกันก่อน
ผู้ สื่อข่าวถามว่าจะพูดคุยเจาะลึกไปจนถึงเรื่องของการตีความของศาลโลกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทางกัมพูชาไปยื่นตีความต่อศาลโลกแล้ว แต่ตัวคำร้องที่เป็นทางการยังส่งมาไม่ถึงประเทศไทย แต่เราก็จะเตรียมทีมเอาไว้ เมื่อถามว่าหากเหตุการณ์ยืดเยื้อจนยุบสภา จะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาดังกล่าวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีปัญหา กองทัพสามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่อยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าปัญหาดังกล่าวจะกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่ และคิดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะควบคุมได้ ส่วนการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนระหว่างวันที่ 6-8 พ.ค.นั้น ตนจะพูดคุยกับใครอย่างไรบ้างนั้นคงต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ต้องดูว่าสถานการณ์จากนี้ไปในระดับพื้นที่หยุดได้แค่ไหน และในระยะยาวจะดำเนินการกันอย่างไร
“มาร์ค” ขอดู กม.ก่อนคุย “ฮุน เซน”
ส่วน จะมีการนัดหารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายกฎหมายของเราได้พิจารณาก่อน ส่วนเหตุการณ์ปะทะที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตนั้น นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ที่เจ้าหน้าที่รายงานเข้ามาก็ไม่มีการใช้อาวุธหนัก และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จะมีการพยายามติดต่อเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บาน ปลาย ซึ่งเราต้องพยายามควบคุมให้ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าว่าเราก็ไม่เคยประมาท และทางกองทัพก็ทราบดีว่าเราต้องไม่ประมาท
เมื่อถามว่าทาง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ร้องขอและห่วงอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาค 2 ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร และรายงานว่าเราควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนที่ดูเหมือนกัมพูชาจะทำแบบแหย่ๆ หยุดๆ นายกฯ กล่าวว่า มีหลายสาเหตุที่วิเคราะห์กันไปว่ามันเป็นในแง่ของตัวกำลังพลของ กัมพูชา เพราะเมื่อประสานงานไปก็ดูจะเรียบร้อย แต่เราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ ซึ่งเราไม่ประมาทและให้มีการติดตามการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ทหารเขมรสุดทนหยุดยิงถาวร
เย็น วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. พ.อ.เนี๊ย วงศ์ รอง ผบ.พลน้อยที่ 402 กัมพูชาได้ติดต่อเข้ามา เจรจากับ พ.อ.อดุยล์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26 เพื่อเจรจาหยุดยิงในระดับพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ รวมทั้งเพื่อทำการเก็บศพและเคลียศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจำนวนมากออกจาก พื้นที่ป่าตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันในระดับพื้นที่ว่าจะหยุดยิง ขณะที่ทหารพรานไทยได้มีการนำธงประจำกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 สิงห์ขาว ซึ่งเป็นธงประจำกองร้อยมีสีส้มเขียวมาปักที่บริเวณหน้าตัวปราสาท เพื่อแสดงอธิปไตยให้เห็นว่าทหารกัมพูชาห้ามเข้ามาในพื้นที่บริเวณปราสาทตา เมือนธม และห้ามมาเดินหรือป้วนเปี้ยนบริเวณรั้วและห้ามทำลายรั้วลวดหนามที่ทหารไทย ได้ทำขึ้นมาใหม่ด้วยไม้กั้นทางขึ้นปราสาท และยังมีรั้วลวดหนามล้อมรอบอีกชั้น อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดีที่กัมพูชาพยายามติดต่อเจรจาเพื่อหยุดยิงใน พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงโดยเร็ว ขณะที่บริเวณจุดปะทะ ช่องกร่าง และปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก ก็กำลังมีการเจรจากัน ระหว่างผู้บังคับหน่วยทหารของไทยและกัมพูชา เพื่อยุตจิการสู้รบ จาการกดดันอย่างหนักของทหารไทย ประกอบกับทหารกัมพูชาขาดขวัญกำลังใจอย่างหนัก และทนรับสภาพกลิ่นเน่าเหม็นของศพทหารที่ตายไปแล้วไม่ได้ คาดว่าจะมีการแนวทางการยุติการปะทะกันในเร็วนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น