บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรื่องจริง! ที่เกิดขึ้น...ปีพุทธศักราช 2501


            เรื่องจริง! ที่เกิดขึ้น...ปีพุทธศักราช 2501
      ธงชาติไทย..กับอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนปราสาทพระวิหาร..หลักฐานที่ชาติไทย..คนไทยสามารถแสดงให้ปรากฎต่อชาวโลกได้เช่นกัน         ณ ช่วงเวลานั้น มีคนไทยกลุ่มหนึ่งหาญกล้ามุ่งหน้าสู่....
ผืนแผ่นดินปราสาทพระวิหาร  ช่วงชายแดนรอยต่อของไทยกับเขมร
 

เมื่อปีพุทธศักราช 2501  มีเหตุการณ์พิพาทเกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา (เขมร)  กรณีเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือดินแดนปราสาทพระวิหาร

เราจึงต้องใช้คำว่า..หาญกล้า  กับพวกเขา..ที่กล้าเผชิญภัย
ข้างหน้า  โดยไม่หวั่นกลัว อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อต้องอยู่ในดินแดน
ที่กำลังเกิดเรื่องพิพาทกัน พวกเขากลับมุ่งมั่น ต่อความคิด
ความต้องการ  ด้วยจิตสำนึกรักชาติ  เพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์ เหตุการณ์..ที่เกิดขึ้นเหนือดินแดนปราสาทพระวิหาร  ช่วงเวลานั้น

พวกเขาเดินทางไปที่นั่น...ดินแดนปราสาทพระวิหาร เพื่อ
ถ่ายทำภาพยนตร์ไทยเรื่อง "แผ่นดินของใคร" (เดิมใช้ชื่อเรื่องว่า
แผ่นดินฉกรรจ์)

ทั้ง ๆ ที่  ณ ช่วงเวลานั้น.....

พุทธศักราช 2501 ไทยกับกัมพูชามีข้อพิพาทกรณี
กรรมสิทธิ์เหนือปราสาทพระวิหาร

วันที่ 4 สิงหาคม  2501 รัฐบาลไทยประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉินทางชายแดนไทยด้านกัมพูชา  รวม 5 จังหวัด คือ จันทบุรี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี

วันที่ 1 ธันวาคม  2501  รัฐบาลกัมพูชาตัดสัมพันธ์ทาง
การทูตกับไทย  หลังจากที่การเจรจาไม่บรรลุผล

ต่อมาเมื่อ วันที่ 6 ตุลาคม 2502 กัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ขอศาลวินิจฉัยให้ไทยถอนกำลังออกจากเขาพระวิหาร  และชี้ขาดเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร

....15 มิถุนายน พ.ศ. 2505   ศาลโลกได้มีคำตัดสินพิพากษาให้ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของกัมพูชา......

          ประเด็นทางกฎหมาย  ตามที่มาจาก มติชนออนไลน์ มีดังนี้
          “ ตามคําร้องของกัมพูชาที่สำคัญ  ที่ให้ศาลโลกวินิจฉัยคือประเด็นที่ว่า กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนอันเป็นที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร

           โดยสรุป ไทยแพ้ในประเด็นเรื่องของแผนที่ที่ไทยได้
ร้องขอให้ทางฝรั่งเศสจัดทำขึ้น เพราะไทยขาดผู้เชี่ยวชาญ 
แม้ประเทศไทยจะไม่มีส่วนในการทำแผนที่ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยคัดค้านหรือประท้วงเกี่ยวกับความถูกต้องของแผนที่ ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยมีโอกาสอยู่หลายครั้งที่จะทักท้วงหรือประท้วงถึงความคลาดเคลื่อนหรือความผิดพลาดของแผนที่

          ซึ่งศาลโลกเห็นว่า การนิ่งเฉยของประเทศไทยเป็นเวลานานเท่ากับเป็นการยอมรับความถูกต้องของแผนที่แล้ว จะมาปฏิเสธใน
ภายหลังนั้น ไม่อาจกระทำได้


           เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ศาลโลกเห็นว่า ประเทศไทยยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือที่ตั้งปราสาทพระวิหารก็คือ การที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ไปเยือนกึ่งเป็นทางการที่ปราสาทพระวิหาร ในครั้งนั้น กองทหารฝรั่งเศสได้ตั้งกองทหารเกียรติยศรับการเสด็จอย่างเต็มที่ และยังชักธงชาติของประเทศฝรั่งเศสด้วย

ซึ่งศาลโลกเห็นว่า  เท่ากับประเทศไทยยอมรับอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารว่าเป็นของกัมพูชา (ภายใต้
การปกครองของฝรั่งเศส) "
 
จริงหรือ..ที่คนไทย...ประเทศไทย        ยอมรับตามที่
ศาลโลกวินิจฉัยถึงการที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพเยือนปราสาทพระวิหาร...และธงชาติฝรั่งเศส

เชิญอ่านได้ ณ บัดนี้...


             

                

            ย้อนรอยอดีตกลับไปเมือปีพุทธศักราช 2501 

อ้างเดิม

นัยสำคัญ...ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 
บรรพ 4 ลักษณะ 2  เรื่องกรรมสิทธิ์  หมวด 1 การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์


            มาตรา 1310  บุคคลใดสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่น
โดยสุจริตไซร้  ท่านว่าเจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือนนั้นๆ .........


            และหมวด 2 แดนแห่งกรรมสิทธิ์ และการใช้กรรมสิทธิ์ 
ลักษณะ 3 ครอบครอง

             มาตรา 1367  บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะ
ยึดถือเพื่อตน  ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง


            มาตรา 1368  บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้


            มาตรา 1369  บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินไว้  ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลนั้นยึดถือเพื่อตน


            มาตรา 1370  ผู้ครอบครองนั้น  ท่านให้สันนิษฐานไว้
ก่อนว่าครอบครองโดยสุจริต  โดยความสงบและโดยเปิดเผย


            มาตรา 1371  ถ้าพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดครอบครองทรัพย์สินเดียวกันสองคราว  ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นได้ครอบครองติดต่อกันตลอดเวลา


            มาตรา 1375  ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครอง
โดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้  ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่ง
การครอบครอง  เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่า  ซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้....


           ณ เวลานั้น ปีพุทธศักราช 2501  ได้เกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างไทยกับเขมร  ในการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดนเขาพระวิหาร



กลุ่มชาวไทยจำนวนหนึ่ง เป็นทีมงานสร้างภาพยนตร์ไทย เรื่อง แผ่นดินของใคร กลับฮึกเหิม กล้าหาญ ไม่ย่อท้อ หวั่นเกรงภยันตรายใด ๆ พวกเขาร่วมใจเดียวกัน รักหวงแหนผืนแผ่นดินไทย  พากันเดินทางบุกบั่นฝ่าดินแดนเขาพระวิหาร  เพื่อเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ โดยใช้เวลาเป็นแรมเดือน  ถ่ายทำในสถานที่จริง 
...ณ ดินแดนเขาพระวิหาร  (หลักฐานอ้างจากวันที่ระบุไว้
หลังรูปภาพถ่าย..ธันวาคม 2501)

            เป็นหลักฐานที่บ่งชี้เจตนารมณ์  และสำนึกรักแผ่นดิน  หนึ่งในหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย

 

ฉลอง  กลิ่นพิกุล  เป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ ได้ลำดับภาพฟิล์มหนัง  และเก็บภาพนิ่งเบื้องหลังการถ่ายทำไว้  หลังภาพถ่ายระบุวันเดือนปี  คือ ธันวาคม 2501  ข้ามปีมาจนถึงปี พ.ศ. 2502  การถ่ายทำภาพยนตร์จึงเสร็จสมบูรณ์  ใช้เวลาการถ่ายทำ  เหนือผืนแผ่นดินปราสาทพระวิหาร  ต่อเนื่องกันหลายเดือน 



ภาพยนตร์เรื่อง แผ่นดินของใคร  เป็นภาพยนตร์ฟิล์ม
16 มม.  นำออกฉายเป็นทางการเมื่อวันที่  24 พฤศจิกายน 2502   เปิดฉายถึง 4 ธันวาคม พ.ศ. 2502  ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร  
นำแสดงโดย ทักษิณ แจ่มผล    แมน ธีระพล  วิชิต ไวงาน  เชาว์ แคล่วคล่อง  สมพงษ์ กงสุวรรณ  สุทิน บัณฑิตกุล  
สมชาย ปัญทรางกูร
  แสดงประกอบโดย วิไลวรรณ วัฒนพานิช   ปรียา รุ่งเรือง (ซึ่งต่อมาปรียา  รุ่งเรือง ได้รับฉายาอันโด่งดังว่า
นางเอกหนังอกเขาพระวิหาร และแสดงนำในตำนานภาพยนตร์ไทยเรื่องแม่นาคพระโขนง) หนังพากย์โดย สมพงษ์ พิมพ์พร-สายพิณ
และสีเทา

คณะผู้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แผ่นดินของใคร  ได้บันทึกภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ เป็นภาพขาวดำ โดยช่างถ่ายภาพยนตร์
เรื่องนี้คือ ฉลอง  กลิ่นพิกุล บุคคลหนึ่งเดียวที่มีแนวคิดเป็นอัตลักษณ์  โดดเด่น  ด้วยวิธีการนำเสนอภาพอย่างอาจหาญ มีหัวคิดก้าวล้ำนำยุค การใช้ความกล้าบ้าบิ่นในการถ่ายทำ เพื่อให้มุมกล้องออกมาสวยงาม  ลักษณะภาพที่ถ่ายทำเป็นมุมกล้องมุมสูง ลักษณะ
bird eyes view 

การถ่ายภาพจากมุมสูง  ช่างถ่ายภาพยนตร์คงจินตนาการให้ภาพแสดงออกมา  ให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามรอบ ๆ บริเวณดินแดนเขาพระวิหาร ทั้งที่ยุคนั้นไม่มีอุปกรณ์  หรือเทคโนโลยีจักรกลเข้าช่วยดังโลกยุค พ.ศ. 2552

 ภาพประวัติศาสตร์ไทย ณ ดินแดนปราสาทพระวิหาร  ถูกจารึกไว้  และเป็นภาพที่หาชมได้ยากยิ่ง  (ภาพต้นฉบับ ลิขสิทธิ์เฉพาะของ   ) ภาพแสดงถึงฝีมือการถ่ายทำด้วย
มันสมอง ไอเดียความคิดที่ก้าวหน้า ท้าทาย เป็นความฉลาดของ
คนไทยยุคก่อน  ที่เรียกว่าภูมิปัญญาชาวบ้าน


การถ่ายภาพมุมสูง  โดยการสร้างนั่งร้านไม้ไผ่ สูงเท่ากับตึก
4 ชั้นทีเดียว มีลักษณะลาดเทลงมา รถล้อเลื่อน สามารถชักลากขึ้นลง  ระหว่างพื้นดินด้านล่าง  สู่ยอดบนสุด รถลากบรรทุกช่างถ่ายภาพยนตร์  และผู้ช่วยช่างภาพ  กล้องและอุปกรณ์การถ่ายภาพยนตร์  ช่างภาพต้องใจถึงทีเดียว ไม่กลัวความสูง จึงกล้าบ้าบิ่น ท้าทายความสูงได้ขนาดนั้น

จากในภาพ ยอดบนสุดของนั่งร้าน  ช่างถ่ายภาพยนตร์ไทยชื่อฉลอง กลิ่นพิกุล คนสวมหมวกปีกกลมใบเล็ก เป็นคาเรคเตอร์ประจำตัว  บอกถึงความเป็นตัวเขาได้อย่างชัดเจน กล้า ท้าทาย ไม่หยุดนิ่ง พร้อมก้าวไปข้างหน้า  เป็นเอกลักษณ์เด่นเฉพาะของเขา.. ที่ไม่มีใครเหมือน


 

 ฉลอง  กลิ่นพิกุล ช่างถ่ายภาพยนตร์ไทย (คนสวมหมวกปีกกลม) ยุคก่อนปี พ.ศ. 2500  ฉลองถ่ายรูปกับดารานำชาย ทักษิณ  แจ่มผล (คนกลาง)  แมน  ธีระพล



ยังมีภาพเบื้องหลังอีกภาพหนึ่ง ที่บ่งบอกตัวตนของ ฉลอง ได้อย่างชัดเจน ช่างถ่ายภาพยนตร์ผู้กล้า ท้าทายโลก  เป็นภาพที่ ฉลองกำลังนอนเหยียดยาว  ในมือถือกล้องถ่ายภาพยนตร์  เพื่อจับภาพขณะรถถังวิ่งผ่าน  ฉลองกล้าให้รถถังวิ่งเฉียดผ่านตัว  เพื่อการบันทึกภาพให้สมจริงสมจัง  สร้างความระทึกขวัญ ตื่นเต้นและท้าทาย 
 


และที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะภาพถ่ายมุมสูงนี้  ยังเป็น
ภาพประวัติศาสตร์ เป็นหลักฐานสำคัญของชาติไทย เหนือดินแดน
เขาพระวิหาร ได้ถูกบันทึกภาพเก็บไว้  เมื่อปีพุทธศักราช 2501  โดยทายาทของฉลอง  เป็นผู้ค้นพบ เมื่อปี 2548 และอนุญาตนำ
ออกเผยแพร่ในคราวนี้เอง 




ภาพสำคัญภาพนี้ แสดงให้เห็นถึงคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่กล้าหาญ กล้าแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในอธิปไตยของไทย  เหนือ
ดินแดน...........ปราสาทพระวิหาร 
(อย่าลืมนะครับ...ณ เวลานั้น พ.ศ. 2501  เขมรยังไม่ยื่นฟ้องศาลโลก  ยังไม่มีคำตัดสินพิพากษา..15 มิ.ย. 2505  แต่ธงชาติไทย หรือการเข้าใช้ประโยชน์ในสินทรัพย์  ได้มีเกิดขึ้นมานานแล้ว  และอย่างต่อเนื่อง.....!!!!!!)







คนไทยกลุ่มนี้ ได้เชิญ ธงชาติไทย ขึ้นสู่ยอดเสาเหนือแผ่นดินปราสาทพระวิหาร  ด้วยความรัก..ผืนแผ่นดินของไทย  และยึดถือในกรรมสิทธิ์ครอบครอง ดังภาพที่เห็น  เบื้องล่าง
บนผืนดิน มีดารานักแสดง หนึ่งในนั้น คือ ปรียา  รุ่งเรือง  ที่เห็นฉากด้านหลังคือ ปราสาทพระวิหาร



 บทพิสูจน์ 


ฉะนั้น ภาพยนตร์เรื่อง แผ่นดินของใคร  ยังมีประเด็น
อีกประการที่สำคัญ  เรื่องจิตสำนึก เจตนารมณ์ที่ต้องการถ่ายทอดความรักชาติ ความหวงแหนผืนแผ่นดินไทย


คณะผู้สร้าง  ผู้แสดงและผู้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงทุ่มเทแรงกาย แรงใจกันเต็มที่ 

ดารานำ ทักษิณ  แจ่มผล ได้รับรางวัลแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงานการประกวดตุ๊กตาทอง ปี 2502  จากภาพยนตร์เรื่องนี้  เป็นบทพิสูจน์คุณค่าของหนังไทยเรื่องนี้ 



      
 และนี่คือ...บทพิสูจน์ความรักชาติของคนไทย ที่มีตลอดมา
ทุกยุคทุกสมัย


โครงเรื่อง ภาพยนตร์ไทย แผ่นดินของใคร ถ่ายทำ
เมื่อ พ.ศ. 2501

แมนและวิไลวรรณ สองสายลับของทางการ ปลอมตัวเพื่อสกัดกั้นการรุกรานอธิปไตยจากต่างชาติ
          (ขุน สองฟ้า หนุ่มนักขายยาเร่ ) บริเวณชายแดน แต่แท้จริงแล้วเป็นตำรวจที่มาร่วมขบวนการนี้  เพื่อผนึกกำลังแรงสามัคคีต่อต้าน
ผู้ที่คิดร้ายทำลายชาติให้สูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทย

บทส่งท้าย :

หลังจากคำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่  15  มิถุนายน 2505  ตัดสินให้ ปราสาทพระวิหาร
ตกเป็นของกัมพูชา โรงภาพยนตร์บรอดเวย์ตัดสินใจนำภาพยนตร์ไทยเรื่อง 
แผ่นดินของใคร มาเปิดฉายซ้ำวันที่ 14 กรกฎาคม 2505

ปัจจุบันฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังคงมีหลงเหลือ  และอยู่ในการบูรณะสภาพโดยเจ้าหน้าที่ของหอภาพยนตร์แห่งชาติ /  พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย  นครปฐม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง