บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"ฮุนเซน" ยอมอ่อน เสนอไทย-กัมพูชา ทำธุรกิจร่วมพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม

.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2554 11:03 น.


สมเด็จฮุน เซน

นายทหารคนสนิท "บิ๊กจิ๋ว" เผย "ฮุน เซน" เสนอไทย-กัมพูชา ทำธุรกิจร่วมพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. พร้อมเสนอ 3 ข้อ สองฝ่ายถอนกำลังทหารกลับที่ตั้ง "พล.อ.วิชิต" อ้างห่วงไทยพลาดพลั้งศาลโลก
      
       วันนี้(4 มิ.ย.) พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก และนายทหารที่ใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า โดยส่วนตัวในฐานะที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชามาเกือบ 30 ปี รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะเท่าที่ทราบ ฝ่ายกัมพูชา มีความปราถนาดี กับฝ่ายไทย เพราะนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาเองก็พูดหลายครั้งว่า ไทยและกัมพูชา มีแผ่นดินอยู่ติดกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิทธิยกแผ่นดินแยกออกจากกันได้ เพราะฉะนั้นจึงควรที่จะใช้วิธีการเจรจาในการแก้ไขปัญหา
      
       พล.อ.วิชิต กล่าวอีกว่า เท่าที่ตนเองรับทราบ หลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ก็คือผู้นำกัมพูชาได้เสนอเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาพิพาทที่เกิด ขึ้น 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ให้ไทยและกัมพูชา ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทกลับไปอยู่ที่ตั้งปกติ 2.ให้ไทยและกัมพูชา ทำธุรกิจร่วมกันในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ของปราสาทพระวิหาร โดยตัวนายกรัฐมนตรีฮุนเซน เอง ก็พร้อมที่จะไปจับมือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย หากยินยอมรับข้อเสนอนี้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศได้ไปมาหาสู่กันด้วย และ3.ส่วนปัญหาการปักปันเขตแดนนั้น ทั้งสองประเทศจะต้องให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนไปตกลงกันเอง ซึ่งข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนี้ โดยส่วนตัวเห็นว่า น่าจะยอมรับกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย
      
       "โดยส่วนตัวมีความเป็นห่วงสถานการณ์ความตึงเครียด ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันระหว่างทั้งสองประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยหากยังปล่อยให้ความขัดแย้งระหว่างผู้นำและผู้นำไปเป็นความขัดแย้งระหว่าง กองกำลังต่อกองกำลัง และลำดับสุดท้ายที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พัฒนากลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งตนเองไม่อยากจะเห็นเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนเองอยากให้ผู้มีอำนาจดูแลปัญหาดังกล่าว เร่งแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี เพราะยิ่งดึงขึ้นสู่เวทีโลกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นว่าฝ่ายไทยจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ" นายทหารคนสนิทพล.อ.ชวลิต ระบุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง