บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กห.เขมรกล่าวหาไทยล่วงล้ำน่านฟ้า-ส่อหาเรื่องปะทะอีกรอบ



 กห.เขมรกล่าวหาไทยล่วงล้ำน่านฟ้า-ส่อหาเรื่องปะทะอีกรอ
Posted on 3 June 2011 by n/e - 23:53 น.

ฟิฟทีนมูฟ — โฆษกกระทรวงกลาโหมเขมรออกแถลงการณ์กล่าวโทษไทย บินล่วงล้ำน่านฟ้าเขมร ๓ ครั้ง ระหว่าง ๓๑ พ.ค. – ๓ มิ.ย. พยายามยั่วยุให้เกิดการปะทะทั้งที่สถานการณ์เปราะบาง ไทยต้องยอมรับผิดหากมีอะไรเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต เขมรยืนยันสิทธิตามกฎหมายและตามคำสั่งฮุน เซน สกัดกั้นการรุกรานของไทย

แถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวหาไทยบินล่วงล้ำน่านฟ้า ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔แถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวหาไทยบินล่วงล้ำน่านฟ้า ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔

โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ ๑๗.๐๐ น. วันนี้ (๓ มิถุนายน ๒๕๕๔) กล่าวโทษทหารไทยที่ได้บินล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชา ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ถึง ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔ โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ขอกล่าวโทษอย่างรุนแรงต่อทหารไทยที่เกี่ยวข้องกับการล่วงล้ำ (น่านฟ้า) และต่อทุกการกระทำที่ยุยงให้เกิดเหตุที่อาจก่อให้เกิดความชิงชังตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ขณะนี้สถานการณ์เปราะบาง การเผชิญหน้าและการปะทะกันอาจเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากทหารไทยไม่เอาใจใส่และไม่เคารพต่อการเสริมสร้างความร่วมมือที่ได้เห็นชอบร่วมกัน เมื่อ ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔

แถลงการณ์กล่าวต่อว่า กองทัพกัมพูชาได้อดทนอดกลั้นอย่างสูงสุดมาโดยตลอด ในความพยายามเท่าที่จะเป็นไปได้ของตน ในการเอาใจใส่และควบคุมสภาพทางทหาร เพื่อให้การยืนยันได้ถึงความเรียบร้อยของกองทัพ เพื่อรักษาสันติภาพ ที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ ที่อาศัยอยู่ตามแนวพรมแดนกัมพูชา-ไทย หากแต่ทหารไทยกลับใช้การบินของตนรุกรานซ้ำแล้วซ้ำอีก เข้ามาเหนือน่านฟ้ากัมพูชาโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ ปฏิบัติการบินของไทยได้ละเมิดกัมพูชาดังนี้

๑) วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๑๑.๓๐ น. เครื่องบินทหารของไทยรุ่น L19 บินล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชาตามแนว พรมแดนกัมพูชา-ไทย จากจุดด่านบึงตรอกวน (ไทยเรียก บึงตากวน) หมู่บ้านบันเตียมีริต ตำบลโคกระเมียต อำเภอทมาปวก ไปถึงเมืองปอยเปต และจากเมืองปอยเปตกลับมาที่ด่านบึงตรอกวน

๒) วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๑๑.๑๕ น. เครื่องบินสอดแนมไทย รุ่น L19 ได้บินมาสอดแนมอีกครั้งในพื้นที่เมืองปอยเปต ไปบ้านโจ็คเจ็ย (บ้านโชคชัยหรือหนองจานที่เกิดก รณี ๗ คนไทย) ตำบลโอร์บีจวน แล้วไปยังด่านบึงตรอกวน บ้านบันเตียมีริต ตำบลโคกระเมียต ตัดไปตามแนวพรมแดนรวม ๓ อำเภอ คือ อำเภอโอร์จเร๊า อำเภอซวายเจก และอำเภอทมาปวก

๓) ในวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๗.๔๕ น. ทหาชุดดำไทย (ทหารพราน) กองร้อยที่ ๕๒๓ ขี่ร่มบินติดเครื่องยนต์ ๑ เครื่อง บินลาดตระเวนตามแนวพรมแดนในเขตอำเภอพนมปรึกส์ จังหวัดพระตะบอง

กองทัพแห่งชาติกัมพูชารักษาสิทธิทุกประการ ต่อภารกิจในการรักษาป้องกันบูรณภาพดินแดน และอธิปไตยของตนตามกฎหมาย การละเมิดและรุกรานของทหารไทยนี้ อาจพิจารณาได้ว่าเป็นชนวนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้มีการปะทะกันด้วยอาวุธอีกครั้ง และกองทัพแห่งชาติกัมพูชามีความเชื่อว่า ทหารไทยควรต้องยอมรับผิดต่อผลอันจะตามมาจากการกระทำของตน ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ในตอนท้าย แถลงการณ์กล่าวว่า กัมพูชาเคารพและถือปฏิบัติตามคำบัญชาสูงสุดของสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ในการสกัดกั้นอย่างที่สุดในทุกอิริยาบถและกิจกรรมของตน โดยเฉพาะต่อความชิงชังจากการยั่วยุของทหารไทย กัมพูชาต้องรักษาสิ่งสูงค่าไม่ให้มีการรุกรานอย่างเด็ดขาด หากแต่ป้องกันตนเองและป้องกันบูรณภาพดินแดน เป็นสิทธิตามกฎหมาย ที่ไม่อาจรองรับการล่วงละเมิดจากผู้หนึ่งผู้ใดได้

การบินล่วงล้ำน่านฟ้าของทหารไทย ปรากฏในสื่อกัมพูชาครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน จากสำนักข่าวซีอีเอ็น ที่อ้างแหล่งข่าวกองกำลังป้องกันพรมแดนบริเวณด่านบึงตรอกวน ที่ระบุว่าทหารไทยบินตรวจการณ์ตามแนวตะเข็บพรมแดนในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม จากนั้นในวันที่ ๑ มิถุนายน ทหารไทยบินล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชาถึง ๒ ครั้ง ลึกเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ๗๐๐ เมตร และ ๒๐๐ เมตร ตามลำดับ ซึ่งข่าวดังกล่าวนี้กลายเป็นกระแสในกัมพูชา ถัดมาเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน มีการตอบโต้จากทางการกัมพูชา โดยบายนทีวีรายงานว่า นายเขียว กัญญาฤทธิ์ รัฐมนตรีข่าวสารให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความต้องการของไทย และแสดงให้เห็นว่าฝ่ายหทารมีอำนาจเหนือรัฐบาลรักษาการ ขณะที่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน สำนักข่าวซีอีเอ็นรายงานอีกครั้งว่า กองพลทหารราบที่ ๒ จังหวัดปราจีนบุรีของไทย ยอมรับว่ามีการบินดังกล่าวจริง แต่เป็นเครื่องบินพลเรือน ไม่ใช่ของทหารแต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง