บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ปราสาทพระวิหารมรดกโลกหรือมรดกเลือด

สุวิทย์ คุณกิตติ
ก่อนหน้าที่จะมีการขึ้นทะเบียนปราสาท พระวิหาร นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ยังคงสามารถไปท่องเที่ยวได้โดยไม่มีปัญหาอะไร และตั้งแต่เราต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร ตามที่เขมรฟ้องร้องดำเนินการเรียกร้องเขา พระวิหาร และศาลโลกได้ตัดสินให้เขมรชนะคดีแล้วได้เฉพาะปราสาทพระวิหารไปเมื่อปี 2505 ก็ไม่ได้มีปัญหาการเผชิญหน้าสู้รบจนบาดเจ็บ และเสียชีวิตของไทยและเขมรเหมือนกับที่เกิดขึ้น หลังจากที่ นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ของไทยได้เปลี่ยนนโยบายใหม่ให้การสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ทั้งที่นโยบายของกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการมรดกโลกของไทยคัดค้านมา ตลอดระยะเวลาหลายปีตั้งแต่เขมรเริ่มดำเนินการขอขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการ มรดกโลก
ในที่สุดวันนี้ก็ปรากฏชัดแล้วว่า การ สนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวเป็นเหตุให้เกิดความตึงเครียดและการ ปะทะกันจน บาดเจ็บและเสียชีวิตของกำลังทหารทั้งสองฝ่าย จนต้องปิดปราสาทพระวิหารห้ามไม่ให้ใครเข้าไปท่องเที่ยวได้เช่นก่อนหน้าที่จะ ขึ้นทะเบียน
ในที่สุดปัญหาเรื่องเขาพระวิหารก็กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศไทย และเขมรอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เราต้องเสียปราสาทพระวิหารไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ พ.ศ. 2505 และมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นอีก หลังจากที่คณะกรรมการมรดกโลกได้มีมติที่จะรับขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เพราะรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว. ต่างประเทศ ได้นำเรื่องแถลงการณ์ร่วมไทยเขมรกรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจรเพื่อขอความเห็นชอบพร้อมแผ่นที่แนบท้าย ซึ่งเป็นแผนที่ของเขมรที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยไปรับรอง โดยไม่มีเส้นแบ่งเขตแดนโดยชัดแจ้ง ในแผนที่ดังกล่าวและน่าจะเป็นแผนที่ฉบับฝรั่งเศสที่เขมรใช้ในการต่อสู้กับ ไทยในศาลโลกแล้วทำให้เราต้องเสียอธิปไตยและดินแดนเหนือปราสาทพระวิหารด้วย ซ้ำไป
ผมเองได้ให้ความเห็นแย้งเพราะไม่เห็นด้วยไว้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและจะเป็นปัญหาต่อไปในวันข้างหน้า เพราะแผนที่ที่เสนอมาไม่ชัดเจนเป็นแผนที่ลายเส้นที่ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย ขนาดผมเป็นคนที่อ่านแผนที่เป็นยังดูไม่รู้เรื่อง แล้วคนที่อ่าน แผนที่ไม่เป็นจะรู้เรื่องและเข้าใจได้อย่างไรกัน
นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ปรารภในที่ประชุมว่ากลัวอะไร
ผมบอกว่าไม่กลัวอะไรเพราะหากเห็นว่าจะมีปัญหาแล้วไม่ป้องกันไว้ก่อนก็จะทำ ให้เกิดความเสียหายกับบ้านเมืองได้ แล้วนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ยังบอกด้วยว่า ฮุนเซนจะเลือกตั้งอีกไม่กี่วันแล้ว และในที่สุดนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ก็ยืนยันว่า ยินดีรับข้อสังเกตของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนั้นไปและเชื่อว่าจะไม่มี ปัญหาอะไร
นายกรัฐมนตรีจึงให้มีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสนอเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนและลับ ทั้งที่เรื่องนี้มีข้อมูลรายละเอียดและการดำเนินการที่ผ่านมา เช่น การที่กระทรวงการต่างประเทศเคยให้ความเห็นค้านไว้เช่นเดียวกับคณะกรรมการ มรดกโลกของประเทศไทยที่ ศ.ดร.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ก็เคยต่อสู้ในเรื่องนี้กับเขมรตลอดมา รวมทั้งกรณีเขตแดนที่ยังไม่เคยมีการดำเนินการเจรจาตกลงกันว่าพรมแดนอยู่ตรง ไหนอย่างไร
ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นเหตุให้มีการยิงกันจนทหารไทยและเขมรบาดเจ็บด้วย กันทั้งคู่เมื่อไม่กี่วันมานี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใหม่ต้องเดินทางไปทำความรู้จักและแนะนำ ตัวกับผู้นำและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนตาม ธรรมเนียมก็ยังถูกเขมรขู่ให้ถอนทหารไทยออกนอกพื้นที่อีก
โดยที่เรื่องนี้มาปรากฏในภายหลังว่าเป็นเรื่องที่นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเขมร ใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงที่ผ่านมาและต้องตรวจสอบดูว่าที่นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไทยรีบมาผลักดันและนำเป็นวาระจรลับที่สุดเพื่อให้คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบเพื่อให้ทันกับการเลือกตั้งของเขมรและการพิจารณาของคณะ กรรมการมรดกโลกที่แคนาดา ทั้งนี้จะเป็นเพื่อเอาใจหรือแลกเปลี่ยนอะไรก็ไม่อาจทราบจริงหรือไม่ เพราะวันนี้ได้ทำให้เราอยู่ในฐานะที่เดือดร้อนและจะเป็นสาเหตุ ที่จะต้องเผชิญหน้ากันระหว่างไทยและเขมร ซึ่งหากไม่ใส่ใจและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ จบทันทีโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้เช่นที่ผ่านมาก็จะไม่มีใครสนใจและพูดถึงอีก
จนกระทั่งมีการยิงกันที่ชายแดนเชิงเขา พระวิหารและกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ถูกรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศเขมรและนายกรัฐมนตรีเขมร ต่อว่าและกดดันมา
เรื่องการเผชิญหน้าทางทหารที่ชายแดนไทยเขมรที่บริเวณเขาพระวิหารนั้นเป็น ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเราก็เห็นแล้วว่ามีการเผชิญหน้าและกดดันทางทหารบริเวณเขตแดนโดยเฉพาะ ปราสาทอื่นอีกด้วย เพราะหากเขมรเห็นว่าเมื่อเรายอมรับรองแผนที่ที่เขมรเสนอมาตามที่แนบท้ายใน แถลงการณ์ร่วมแล้วก็คงจะใช้แผนที่ดังกล่าวในการดำเนินการแบ่งเขตแดนกับไทย ต่อไป หากมีปัญหาก็จะนำไปฟ้องศาลโลกเช่นที่เคยฟ้องไทยกรณีปราสาทพระวิหารจนไทยต้อง แพ้คดีสูญเสียอธิปไตยและปราสาทพระวิหารให้เขมรไปในที่สุด
ปัญหาการเผชิญหน้าทางทหารนี้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาหากจะมาแก้กันที่ปลายเหตุ อย่างนี้ก็ไม่จบและปัญหาจะต้องขยายเป็นเรื่องใหญ่โตกว่านี้ เมื่อเขมรจะต้องเชิญไทยและประเทศอื่นอีก 6 ประเทศมาประชุมกันเพื่อหาข้อยุติเรื่องพื้นที่กันชนหรือที่เรียกกันว่า BUFFER ZONE ตามกติกาและเงื่อนไขที่อยู่ในกระบวนการการพิจารณาการขึ้นทะเบียนที่คณะ กรรมการมรดกโลกต้องนำมาพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดก่อนลงมติตัดสินใจ แต่คณะกรรมการก็ไม่ได้ดำเนินการตามกฎกติกาดังกล่าวให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะมีการล็อบบี้กันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจถือได้ว่ากระบวนการยังไม่สมบูรณ์เพราะยังมีเงื่อนไขที่ต้องดำเนินการ อีกหลายเรื่อง หากปล่อยให้มีการประชุมดังกล่าวแล้วก็เชื่อแน่ว่าเขมรจะยืมมือประเทศอื่นอีก 6 ประเทศกดดันไทยในเรื่องพื้นที่กันชนซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ยังมีปัญหาและ ยังไม่อาจตกลงกับเขมรได้ ซึ่งเขมรกำลังข่มขู่และใช้กำลังทหารเข้ามากดดันและยิงถล่มกันกับทหารไทย เพื่อที่จะยึดพื้นที่ทับซ้อนซึ่งจริงแล้วเป็นของไทยให้ได้
ทางแก้ที่ดีที่สุดคือแก้ที่ต้นเหตุ
ประการแรก เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วว่าแถลงการณ์ร่วมเรื่องนี้ไม่ชอบด้วยรัฐ ธรรมนูญ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนิน การแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องทราบและยกเลิกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ซึ่งได้ตรวจสอบกับกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่าได้ยกเลิกและไม่ถือว่ามี แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวอีกต่อไป ซึ่งทางเขมรก็ได้ยืนยันมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขมรยังจะคงใช้แผนที่ที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ รับรองไว้ได้อยู่หรือไม่
ประการที่สอง คณะกรรมการมรดกโลกของไทยและกระทรวงการต่างประเทศจะต้องรีบประชุมหาข้อยุติ และรีบทำการประท้วงคณะกรรมการมรดกโลกที่ได้มีการประชุมที่แคนาดา เพื่อขอให้ยกเลิกมติการขึ้นทะเบียนมรดกโลกตามคำขอของเขมร เพราะการขึ้นทะเบียนไม่ชอบขัดกับเงื่อนไขข้อกำหนดของคณะกรรมการมรดกโลกเอง ที่ยังต้องนำมาประกอบการพิจารณาอีกหลายข้อรวมทั้งเรื่องพื้นที่กันชนซึ่งก็ คือพื้นที่ทับซ้อนที่กำลังยิงถล่มกันอยู่และประเด็นอื่นที่ยังคงค้างการ พิจารณา ซึ่งที่ ประชุมที่แคนาดาได้มีมติมอบหมายให้เขมร เชิญประเทศไทยและประเทศอื่นอีกไม่เกิน 7 ประเทศไปร่วมประชุมเพื่อหาข้อสรุปการบริหารจัดการและเรื่องพื้นที่ทั้งหมด ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นของไทยที่ยังไม่มีการกำหนดเขตพรมแดนที่ ชัดเจนเสนอคณะกรรมการภายในเดือน ก.พ. ที่จะถึงนี้ หากเรายังปล่อยให้มีการประชุมจะทำให้ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างเขมรกับไทยจะ ยิ่งบานปลายไปกว่านี้แน่นอน
ประการที่สาม ที่ทางกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการมรดกโลกของไทยต้องทำเรื่องประท้วง ไปที่ UNESCO ด้วยเพราะการดำเนินการของคณะกรรมการมรดกโลกนั้นขัดกับธรรมนูญว่าด้วยการจัด ตั้ง UNESCO ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า การจัดตั้ง UNESCO เพื่อทำให้เกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งป้องกันและยุติปัญหาความหวาดระแวงและความเข้าใจผิดที่จะนำไปสู่การ สู้รบทำลายชีวิตและทรัพย์สินของมวลมนุษยชาติ ซึ่งวันนี้ก็ปรากฏชัดเจนว่าการที่คณะกรรมการมรดกโลกทำลงไปนั้นทำให้เกิดการ สู้รบกันระหว่างเขมรกับไทยหากไม่ยกเลิกมติดังกล่าวการสู้รบอาจบานปลายไปจน กระทบกระเทือนต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
ประการสุดท้ายที่ต้องทำหากคณะกรรมการมรดกโลกไม่ยอมดำเนินการยกเลิกการขึ้น ทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ประเทศไทยก็ต้องถอนตัวจากการเป็นสมาชิก ของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผลกระทบอะไร เพราะในเมื่อคณะกรรมการมรดกโลกไม่รักษาหลักการและปฏิบัติตาม กฎกติกาและธรรมนูญของ UNESCO จนทำ ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศจน ต่อสู้รบกันเช่นนี้ เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไร ที่เราจะต้องไปเกรงใจใครและทำให้เห็นว่า คณะกรรมการมรดกโลกและ UNESCO ไม่ ควรนำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องวัฒนธรรม
อย่าให้ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดและการเมืองภายในประเทศมาทำให้เราต้องสูญ เสียเลือดเนื้อชีวิตของทหารและคนไทยตามแนวชายแดนรวมทั้งอธิปไตยและผืนแผ่น ดินไทย
รีบทำให้จบโดยเร็วเถอะครับ ก่อนจะทำให้การขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกกลายเป็นมรดกเลือดจาก สมรภูมิชายแดนไทยเขมรที่กำลังสู้รบกันอยู่วันนี้เลย–จบ–

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง