บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ศาลขอไทยเขมรส่งหลักฐานคนเจ็บตายเหตุปะทะภายใน7มิ.ย.

Pic_175609

ศาลโลกขอให้ไทยและกัมพูชา ส่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงผู้โยกย้ายถิ่นฐาน จากเหตุปะทะ ภายในวันที่ 7 มิ.ย. ขณะสองฝ่ายมีเวลาพิจารณาข้อมูลของแต่ละฝ่ายและให้ยืนยันกลับไปภายในวันที่ 14 มิ.ย. ก่อนนัดฟังคำพิพากษา...
เมื่อเวลาประมาณ​23.30 น. วันที่ 31 พ.ค.​ 2554 นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศกล่าวกับ สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น ถึงการกล่าวสรุป ในวันนี้ของทั้งไทยและกัมพูชา ว่า โดยหลักเมื่อเช้า ทางกัมพูชามีโอกาสได้ชี้แจงเพิ่มเติม จากสิ่งที่เราได้ชี้แจงเมื่อวาน  เป็นการขยายความ ไม่มีเรื่องอะไรใหม่มาก เป็นความพยายามพูดว่าคำตัดสินของศาลโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ผูกพันกับไทยในเรื่องใดบ้าง และ ไทยมีพันธกรณีที่จะต้องถอนทหารอะไร ซึ่งทราบดีอยู่แล้ว แต่เมื่อช่วงเย็น เราได้แจงไปชัดเจนว่า เรื่องทั้งหมดประเด็นที่หนึ่งคือว่าทางศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลกไม่มีขอบเขตอำนาจ ในการพิจารณาคดี ที่กัมพูชาได้ร้องขอมาในครั้งนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับในอดีต เรื่องที่มีคำตัดสินใน 3 ประเด็น ประเทศไทยได้ปฏิบัติตามไปแล้วครบถ้วน ตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นการทำความเข้าใจกับศาลให้ชัดเจน
นอกจากนี้ เป็นสาระต่างๆ ที่กัมพูชาได้ร้องมา ไม่ว่าเป็นเรื่อง การปะทะตามแนวชายแดน เราได้ชี้แจงไปชัดเจน ว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นใครเป็นผู้เริ่มก่อน และ กัมพูชามีเจตนาอย่างไร ในการที่จะต้องการให้เกิดการปะทะ เพื่อนำเรื่องนี้มาสู่เวทีระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือแม้แต่ศาลโลกในวันนี้ นอกจากนั้น ก็เป็นเรื่องเจตนาแฝงของกัมพูชา ในการที่เขาต้องการที่จะขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกและต้องการพื้นที่โดยรอบซึ่งเป็นพื้นที่ของประเทศไทย ตรงนี้ได้มีการทำความเข้าใจกับศาลซึ่งได้ชี้แจงไปครบถ้วน สุดท้ายท่านทูตวีระชัย  พลาศัย ได้พูดชัดเจนว่า สิ่งที่เราร้องขอคือขอให้ศาลยกคำร้องทั้งหมดของกัมพูชา เนื่องจากคำร้องไม่สอดคล้องกับขอบเขตอำนาจของศาล และเป็นคำร้องที่ไม่มีมูลความจริง โดยเตรียมจะสรุปประเด็นรายละเอียดและนำเสนอนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

เมื่อ ถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่กัมพูชาจะยื่นเรื่องให้ศาลโลกพิจารณาใหม่อีกครั้ง หากศาลไม่พิจารณาคุ้มครองชั่วคราวในครั้งนี้ นายชวนนท์ กล่าวว่า เข้าใจว่าการพิจารณาของศาลในแต่ละกรณีเมื่อมีการพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไปแล้ว คำตัดสินเป็นที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะพิจารณาในลักษณะใด สิ่งที่ได้ดำเนินการในครั้งนี้ คิดว่าครบถ้วนพอสมควร ในเรื่องขอบเขตอำนาจศาลเรื่องของสาระ ต่างๆ เมื่อศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งมาแล้ว กัมพูชาคงไม่กลับไปเรียกร้องอย่างใดได้อีก
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ในครั้งนี้ก่อนจะปิดการนำเสนอข้อมูล ต่างๆ ศาลได้แจ้งกับเราว่า ข้อที่หนึ่ง  ศาลมีคำถามกลับมาที่สองฝ่ายหนึ่งข้อ คือขอให้เราส่งรายงานตัวเลข ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตและโยกย้ายถิ่นฐาน จากเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ซึ่งหลักฐานเอกสารตรงนี้ ต้องส่งไปยังศาลภายในวันที่ 7 มิ.ย. ก่อนเวลา 18.00 น. และหลังจากนั้น ทั้งสองฝ่าย จะมีเวลา 7 วันในการพิจารณา ข้อมูลของแต่ละฝ่ายว่ามีความจริงเท็จอย่างไรและต้องมีการยืนยันกลับไปที่ศาล อีกครั้งหนึ่ง ภายใน 7วัน คือวันที่ 14 มิ.ย. ก่อนเวลา 18.00 น. เช่นเดียวกัน จากนั้น  เมื่อพิจารณาเสร็จแล้ว ศาลจะแจ้งมาที่ผู้แทนของเราคือท่านทูต ประจำกรุงเฮกอีกครั้งว่า จะมีการนัดฟังคำพิพากษากันในวันไหน
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กัมพูชาไปมาเกือบทุกที่แล้ว เพราะฉะนั้นตนเชื่อว่าท่าทีของเราสอดคล้องกันมาโดยตลอดและมีความเป็นเอกภาพ หวังว่าเราจะได้รับคำตอบที่ดีและพิจารณาคดีที่ยุติธรรมแต่คงต้องรอดูอีก ครั้งหนึ่ง แต่เรามีมาตรการในการคุ้มครองและปกป้องผืนแผ่นดินไทยโดยตลอดอยู่แล้ว
ส่วน ความสัมพันธ์สองประเทศ​คิดว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกัน เพราะเรื่องขึ้นสู่ศาลแล้ว ไม่ควรจะเอาเรื่องนี้เป็นการเมืองอีก หวังว่ากัมพูชาจะคิดได้เช่นนั้น เพราะว่าประเทศไทยยึดหลักกฎหมายที่ถูกต้องและยุติธรรม เท่านั้น ตนเรียนได้ว่า เราได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ ทุกประเด็นที่เราต้องการสื่อสารได้รับการถ่ายทอดไปทั้งหมด และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่ทำให้ศาลเห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้น  เรื่องราวที่เกิดขึ้นประวัติศาสตร์ไทยกัมพูชาที่ผ่านมาทั้งหมด ขอบเขตอำนาจศาลและการกล่าวหาของกัมพูชาทุกอย่างได้ถ่ายทอดไปยังศาลอย่างเป็น ระบบ และละเอียด

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง