บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำไมการเมือง กับ ภาคประชาชน ถึงขัดแย้งกันร่ำไป? ดร.ไก่

ทฤษฎีการพัฒนาการเมืองและการผุกร่อนทางการเมือง (Political Development And Political Decay) Samuel Huntington  ศาสตราจารย์ แซมมูเอล ฮันติงตัน  นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด  เป็นที่รู้จักกันในนามของหนังสือเรื่อง “Political Order in Changing Societies   ที่เขียนขึ้นในปีค.ศ.1968  ด้วยการนำเสนอทฤษฎี “ Clash Of Civilizations” ที่แม้จะเป็นทฤษฎีที่เสนอมากว่าสี่ทศวรรษแล้ว แต่ก็ยังสามารถนำมาปรับใช้กับสภาพการเมืองภายในประเทศ ทั้งของไทยและประเทศอื่นๆได้เป็นอย่างดี
Samuel Huntington กล่าวว่า “social mobilization หรือ การขยับชั้นทางสังคมนั้น เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เช่น  เปลี่ยนจากเกษตรไปสู่กึ่งเกษตรกึ่งอุตสาหกรรม  และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น  การพัฒนาการศึกษา  สื่อมวลชน  การเกิดชุมชนเมืองมากขึ้น  จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญ นั่นคือความตื่นตัวทางการเมือง และการเรียกร้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน  สภาพการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในส่วนนี้เรียกว่าความจำเริญทางการเมือง (political modernization)[1]
เมื่อ ความจำเริญทางการเมืองเกิดขึ้นเนื่องจากการขยับตัวของสังคม  จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องสร้างสถาบันทางการเมือง และกระบวนการที่สามารถตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลง  หรือตอบสนองต่อความเป็นพลวัตในมิติทางการเมืองดังกล่าว  การสร้าง สถาบันดังกล่าวนี้ได้แก่  การมีรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม  มีกระบวนการเลือกตั้งโดยมีกฎหมายเลือกตั้ง   และการจัดตั้ง 
พรรค การเมืองได้โดยสะดวก  การแสดงประชาพิจารณ์  การแสดงความคิดเห็น  การคัดและการค้าน การต่อสู้เพื่อความถูกต้อง  การกระจายอำนาจ  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ  การจัดตั้งสถาบันทางการเมือง เพื่อรองรับความต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน อันเกิดจากความตื่นตัวทางการเมือง  ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม  ในทางเศรษฐกิจ  และค่านิยม  เป็นความจำเป็นที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ กระบวนการทั้งหมดนี้เรียกว่า การพัฒนาทางการเมือง (political development)
เมื่อใดก็ตาม ที่ความจำเริญทางการเมืองเกิดขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว  ในขณะที่การพัฒนาการเมืองไม่สามารถจะพัฒนา ในอัตราที่รวดเร็วเท่าเทียมกับความจำเริญทางการเมืองได้  ก็จะนำ ไปสู่ความ เสียดุลของทั้งสองมิติ  การเสียดุลดังกล่าวจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงทางการเมืองการ เมือง (political violence) กดดันระบบและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  จนอาจจะถึงขั้นนองเลือดดังเช่นที่เกิดขึ้นในประเทศไทยคือ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 รวมตลอดทั้งเหตุการณ์ 17-20 พฤษภาคม 2535  และ19 กันยายน 2549 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่า สังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในขอบเขตที่กว้างขวางและลุ่มลึก  แต่การพัฒนาการเมืองยังล้าหลังทั้งในแง่ของโครงสร้าง  และในแง่ของผู้ปฏิบัติการทางการเมือง ซึ่งประชาชนยังไม่ได้ให้ความไว้วางใจ  รวมตลอดทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งตามไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งสังคมภายในและสังคมโลก ทำให้เกิดการเสียดุลอย่างหนัก และนี่คือทฤษฎีที่ยังสามารถจะนำมาใช้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการอธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองได้
ปรากฏการณ์ที่ เกิดขึ้นในรูปของการประท้วงหรือการใช้ความรุนแรงก็ดี  การลอบสังหารทางการเมืองก็ดี  การเรียกร้องอย่างไร้เหตุไร้ผลก็ดี  เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้มาตรการปราบปรามโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายก็ดี  การตีความตะแบงกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมืองก็ดี  ฯลฯ  ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงความด้อยพัฒนาในด้านการเมือง ในขณะที่ความจำเริญทางการเมือง ได้พัฒนาสูงขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในบริบทของการเมืองภายในและ ต่างประเทศ  การเสียดุลดังกล่าวนี้ จะนำไปสู่การสะดุดของการพัฒนาระบบการเมืองแบบเปิด  และถ้าไม่ระมัดระวังก็อาจนำ ไปสู่สภาวะของอนาธิปไตย  ทำให้ระบบการเมืองเสียความชอบธรรมจนประชาชนเสื่อมศรัทธาในระบบ  ถ้าถึงจุดดังกล่าวก็จะเป็นเรื่องที่อันตราย
 แต่โชคดีที่ประเทศไทยได้ พัฒนามาถึงจุดที่สำคัญคือ  สังคมไทยได้มีข้อสรุปแล้วว่า ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยังคงเป็นระบบการเมืองที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้  จึงจำต้องช่วยกันจรรโลงรักษากันต่อไป  ส่วนข้อบกพร่องต่างๆ ก็ต้องทำการแก้ไขเพื่อปรับปรุงให้ระบบดีขึ้นกว่าเก่า  ดังนั้น  จุดสำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือการทำให้เกิด ความสมดุลระหว่างความจำเริญทางการเมืองและการพัฒนาทางการเมืองในสังคมไทย
ทฤษฎี ดังกล่าว ได้ถูกนำมาเตือนเจ้าหน้าที่ของจีนก่อนกรณีเหตุการณ์สำคัญในประเทศจีน โดยได้มีการบรรยายที่มหาวิทยาลัยประชาชนที่ปักกิ่งและได้มีการยกทฤษฎีของแซม มูเอล ฮันติงตัน มาเป็นตัวอย่าง ขณะนั้นจีนกำลังมีขบวนการสี่ทันสมัย อันได้แก่  อุตสาหกรรม  เกษตร  ป้องกันประเทศ  และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  รวมทั้งนโยบายเปิดประตูประเทศ  มีการส่งนักศึกษาจีนไปศึกษายังต่างประเทศเป็นจำนวนมาก  ขณะเดียวกันนักวิชาการชาวจีน และนักศึกษาชาวจีนก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับโลกภายนอกผ่านทางการสื่อสาร  โทรทัศน์  และอินเตอร์เน็ต  และสื่อมวลชนของจีนซึ่งมีความอิสระมากขึ้น  สภาวะดังกล่าวนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเข้ามาใช้ จนทำให้เกิดชนชั้นที่มีเงินและเกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม  การไหลบ่าเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติย่อมนำมาซึ่งความคิดและค่านิยมที่ประเทศ สังคมนิยมแบบจีนไม่เคยได้สัมผัส  ดังนั้น  ถึงจุดๆหนึ่งก็จะมีการเรียกร้องให้มีสิทธิเสรีภาพมากกว่าเดิม  ทั้งในทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ  ซึ่งดูเหมือนว่าจีนจะอนุญาตให้มีเสรีภาพทางเศรษฐกิจและในทางสังคม  ซึ่งได้แก่  การดำรงชีวิตตามที่ตนต้องการในขอบเขตที่กำหนด  แต่เสรีภาพในทางการเมืองยังอยู่ภายใต้กรอบของพรรคคอมมิวนิสต์และสังคมนิยม เมื่อเป็นเช่นนี้ความเสียดุลย่อมเกิดขึ้นระหว่างความจำเริญทางการเมืองและ การพัฒนาทางการเมือง และผลสุดท้ายการเรียกร้องให้ระบบเปิดกว้างขึ้นก็จะตาม มา และเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่จะต้องตัดสินระหว่างการ เปลี่ยนแปลงระบบหรือใช้กำลังปราบปราม  อันจะสะท้อนถึงการผุกร่อนทางการเมืองตามทฤษฎีที่ได้กล่าวมาแล้ว
ประมาณ 6 เดือนหลังจากที่มีการบรรยายที่มหาวิทยาลัยประชาชน ก็เกิดกรณีนองเลือดที่ เทียนอันเหมิน  เนื่องจากผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีระบบเสรีในทางเศรษฐกิจ  แต่ที่สำคัญเรียกร้องให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย  มีการเลือกตั้ง  ผู้นำจีนในสมัยนั้นมีทางเลือกเพียงสองทาง คือ ยอมเปลี่ยนแปลงตามที่เรียกร้องซึ่งอาจจะนำไปสู่กลียุคทางการเมือง  หรือ ใช้วิธีการปราบปรามด้วยวิธีการซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว และนี่คือกรณี ตัวอย่างของการผุกร่อนทางการเมือง ที่ได้มีการทำนายไว้เมื่อสิบกว่าปีว่า  จากสภาพการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเมืองจีน วันหนึ่งจะต้องมีการเลือกหัวหน้าหมู่บ้านโดยประชาชน  เพื่อดูแลการบริหารในหมู่บ้านนั้น  และบัดนี้ก็ได้มีการเลือกหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว  ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ   สามารถจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าอาจจะประมาณสิบปี  การบริหารเมืองใหญ่ๆ ในมณฑลต่างๆ อาจจะมีการเลือกตั้งสภาของเมืองและนายกเทศมนตรี เช่นเดียวกับระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ  โดยสมาชิกสภารวมทั้งนายกเทศมนตรีอาจไม่ใช่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทุกคน  การเปลี่ยนแปลงที่ทำนายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการเมือง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องพัฒนาเพื่อให้ตอบสนองต่อความจำเริญทางการเมือง  ซึ่งจะมีขอบข่ายที่กว้างขึ้นและเข้มข้นขึ้น เมื่อสังคมจีนมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และสังคมมากขึ้นด้วยการติดต่อกับโลกภายนอก  คงไม่เป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะกล่าวว่าสภาวการณ์ดังกล่าวมา เป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้
 จีนเป็นประเทศใหญ่  มณฑลบางมณฑลเปรียบได้กับหนึ่งประเทศ  ในแง่หนึ่งจีนคือ     มหาอาณาจักรซึ่งประกอบด้วย 30 กว่าประเทศ  ภายใต้การปกครองจากรัฐบาลกลาง  ความจำเป็นในการกระจายอำนาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  ที่สำคัญประเทศจีน ขณะนี้มีสภาที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนที่ฮ่องกงและมาเก๊า  และที่สำคัญที่สุดไต้หวันซึ่งจีนถือเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ก็มีระบบเศรษฐกิจเสรีและมีสภาที่มาจากการเลือกตั้ง  รวมทั้งประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง  นี่คือหนามยอกอกที่จีนไม่สามารถจะบ่งออกได้  และวันหนึ่งอาจจะเป็นชนวน ทำให้เกิดการเรียกร้องขึ้นทั่วทั้งประเทศโดยคนรุ่นใหม่  และเมื่อถึงเวลานั้นระดับความจำเริญทางการเมือง ก็คงจะถึงจุดสุดขีดจนความจำเป็น ในการพัฒนาการเมืองไม่สามารถจะถูกปฏิเสธได้อีกต่อไป[2]

แบบจำลอง เพื่อใช้อธิบายการเกิดการเสียดุลระหว่างความจำเริญทางการเมือง (political modernization)  กับการพัฒนาการเมือง ( political development) จะนำไปสู่ความผุกร่อนและความวุ่นวายทางการเมือง (political decay and turmoil )[3]

    ความจำเริญทางการเมือง   +   +   +           ความผุกร่อน 
                                                                หรือ 
      การพัฒนาการเมือง        +    -    -           ความวุ่นวายทางการเมือง


[1] Samuel P. Huntington , ลิขิต ธีรเวคิน. <span>ผู้จัดการรายวัน</span> (23 พฤษภาคม 2546).

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง