จริง "ราชประชาสมาสัย" โดย พันเอกหญิง ชดาษา พนาเวศร์
รู้มา เล่าไป ขยายต่อ…..นับเป็นความโชคดีของคนไทย........โดยพันเอหญิงชดาษาพนาเวศร์
นับเป็นความโชคดีของคนไทย ที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของไทย เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นหลายครั้งหลายหน ถึงขั้นวิกฤต บ้านเมืองหาทางออกไม่ได้ ในที่สุด พระมหากษัตริย์ทรงใช้นิติราชประเพณีที่เคยมีมาในอดีต มาปรับใช้กลายเป็นวัฒนธรรมอำนาจอย่างหนึ่งส่งผลให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของบ้านเมืองให้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี ดังกรณี เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และเหตุการณ์พฤษภาคม ๒๕๓๕ พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงใช้พระบารมี พระเมตตา พระปรีชาญาณ ตลอดจนอาศัยความจงรักภักดีของประชาชน เข้าแก้ไขสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อยลงได้ พระองค์พระราชทานพระราชดำรัสกับทุกฝ่าย ว่า "…ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้ง เพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว" เหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นที่คนไทยปะทะกัน มีการสูญเสียเลือดเนื้อ แต่ทั้ง 2 ครั้งก็สงบลงได้เพราะพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์ที่ได้สั่งสมความเชื่อมั่น ความเป็นประมุขที่แท้จริง ตามนิติราชประเพณี ดังนั้นเมื่อบ้านเมืองมีสิ่งบอกเหตุว่า กำลังจะเกิดหรือมีเค้าลางว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งยากที่ผู้บริหารบ้านเมืองจะเป็นฝ่ายเข้ามาแก้ไข คนไทยส่วนใหญ่จึงยังคงคาดหวังว่าพระมหากษัตริย์จะทรงปกป้องคุ้มกันและทำให้วิกฤตการณ์นั้นๆผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเช่นที่เคยเป็นมา
วัฒนธรรมอำนาจแบบไทย ๆ เช่นนี้สามารถทำความเข้าใจร่วมกันได้จากนิติราชประเพณีที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์และคนไทย กล่าวคือคนไทยทั้งประเทศมีความสำนึกร่วมกันว่า พระมหากษัตริย์ของไทยเกือบทุกพระองค์เป็นประดุจบิดาที่คอยปกป้องคุ้มครองชีวิตของตนเอง ความรู้สึกเช่นนี้ยังฝังแน่นอยู่ในสายเลือดของคนไทย จนเกิดความผูกพันอันแน่นแฟ้นที่คนไทยจะขาดเสียซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์มิได้ และที่น่าประทับใจยิ่งของปวงชนชาวไทย ก็คือ นิติราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงถือเอาราษฎรเป็นสำคัญ ได้เป็นมรดกตกทอดกลายเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่ พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ถือเป็นหลักการปกครองราษฎรโดยไม่ได้ทรงยึดมั่นและผูกขาดอยู่ในพระราชอำนาจเด็ดขาดที่พระมหากษัตริย์ทรงมีอยู่ ต้องยอมรับว่า นิติราชประเพณีที่ถือเอาราษฎรเป็นสำคัญนี้ เป็นสิ่งที่มีอยู่เฉพาะในสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยเท่านั้น
“ราชประชาสมาสัย” เป็นแบบอย่างและกลายเป็นสัญลักษณ์ของความใกล้ชิดผูกพันกันระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาชนได้เป็นอย่างดี สืบเนื่องจากในห้วงต้นปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตจากโรคเรื้อน ซึ่งเป็นโรคติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุข จนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคต่างๆ ทรงทอดพระเนตรเห็นถึงความทุกข์ยากของผู้ป่วยโรคเรื้อนและยังเป็นที่รังเกียจของสังคมทั่วไป พระองค์ทรงเป็นห่วงพสกนิกรของพระองค์ท่านยิ่งนัก จึงทรงมีพระราชดำริในการปราบโรคเรื้อนให้หมดไปจากประเทศไทย แต่อุปสรรคสำคัญในขณะนั้นคือการขาดแคลนบุคลากร เนื่องจากสมัยนั้นยังมีความรังเกียจและกลัวโรคนี้มาก ไม่มีใครสนใจทำงาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเงินทุนอานันทมหิดล จำนวน ๑๗๕,๐๖๔.๗๕ บาท แก่กระทรวงสาธารณสุขเป็นทุนแรกเริ่มโครงการควบคุมโรคเรื้อนในประเทศไทย อีกทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยโรคเรื้อนอีกด้วย
ด้วยเงินพระราชทานจึงได้มีการดำเนินการก่อสร้างตึกในบริเวณสถานพยาบาลพระประแดง ตามโครงการรวม ๔ อาคาร ซึ่งรวมค่าใช่จ่ายก่อสร้างทั้งหมด ๑,๒๓๙,๒๐๐ บาท เมื่อเริ่มก่อสร้างนั้นยังไม่มีเงินเต็มจำนวน แต่ก็ได้ก่อสร้างอาคารขึ้นทีละหลังตามกำลังเงินที่มีอยู่ จากนั้น พระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชน สมาคม และชาวต่างประเทศทั้งหลาย ต่างมีความชื่นชมยินดีในพระราชดำริ จึงพร้อมใจกันจัดงานหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลเป็นจำนวนเงินเพิ่มเติมอีกมาก เมื่อการก่อสร้างตามโครงการได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้ขอพระราชทานนามของสถาบันแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทาน “ราชประชาสมาสัย” หมายถึง “พระมหากษัตริย์และประชาชนย่อมอาศัยซึ่งกันและกัน” นับเป็นความหมายลึกซึ้งบ่งบอกถึงความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนที่มีมาช้านาน ในที่สุดประเทศไทยก็สามารถผ่านพ้นวิกฤต โรคเรื้อนหายไปจากประเทศไทยนับแต่นั้น
ความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนแน่นแฟ้นประดุจพ่อปกครองลูก ดังจะเห็นได้จากการถวายฎีการ้องทุกข์โดยตรงต่อพระมหากษัตริย์เป็นวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทยที่มีมาแต่สมัยสุโขทัย ผู้มีความทุกข์เดือดร้อนสามารถสั่นกระดิ่งร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ได้ ต่อมาในรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใช้วิธีแขวนกลองไว้ที่หน้าประตูพระบรมมหาราชวัง และทรงออกประกาศระเบียบในการร้องทุกข์โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาได้โดยตรงต่อพระองค์ ด้วยความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ได้เป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบัน
พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ตามนิติราชประเพณีที่มีมาแต่โบราณนี้ แม้จะไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ก็ด้วยพระบรมเดชานุภาพ ความศรัทธา ความเลื่อมใสในองค์พระมหากษัตริย์ที่มีพระราชจริยาวัตร ให้ความคุ้มครองปกป้องดูแลประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด เมื่อทรงใช้พระราชอำนาจในการแก้ไขวิกฤติการณ์ของประเทศ จึงเกิดสัมฤทธิผลอย่างน่ามหัศจรรย์ยิ่ง
จะเห็นได้ว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามแบบฉบับของประเทศไทย นับเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ตกทอดสืบมาจนถึงปัจจุบัน หามีชาติใดหรือเทศใดเสมอเหมือนได้ จึงไม่เกินเลยจากคำกล่าวที่ว่า “ประชาชนคนไทยโชคดี ที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
▼
2011
(568)
-
▼
มีนาคม
(81)
-
▼
23 มี.ค.
(32)
- จะเลือกตั้งกันใหม่? ย้อนหลังดูอดีตบ้างเป็นไร! โดยด...
- ไฟกำลังไหม้ประเทศ (ตาโป๋เป่าปี่)
- มรดกบาปที่เขาพระวิหาร
- จริยะธรรมนักการเมือง
- หายนะบันทึกการประชุม JBC ๓ ฉบับ
- ทำไมการเมือง กับ ภาคประชาชน ถึงขัดแย้งกันร่ำไป? ดร...
- จุดยืนที่เหนือกว่า โดย ศ.ดร. สมปอง สุจริตกุล
- บทวิเคราะห์เบื้องต้น บันทึกการประชุม JBC ๓ ฉบับ
- คนไทยทุกคนควรได้รับทราบและมีส่วนร่วมในการแสดงความค...
- "ราชประชาสมาสัย" โดย พันเอกหญิง ชดาษา พนาเวศร์
- รัตนพิมพวงศ์กับการไขปริศนาของลาวและพม่าโดย ประทีป ...
- เปิดหลักฐาน...บันทึกสู้คดีหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกู...
- บันทึกการประชุมเจบีซี ทำไมสมาชิกรัฐสภาจะต้องรับรอง...
- อนุสัญญาโตเกียว
- ใครจะเดือดร้อน หาก วีระ - ราตรี พ้นคุก /// ดอกไม้เ...
- ปฏิรูปประเทศ : ปฏิรูประบบรัฐสภาเพื่อการพัฒนาคุณภาพ...
- จากวิกฤต ‘บัตรเหลือง’ ถึงคำถามจำเป็นต้องมีบัตรประช...
- หลุมดำที่บ้านหนองจาน ตาสว่างเพราะ 7 คนไทย
- หลักฐานนี้ใบ้สนิท ปานเทพ
- รัฐบาลไทยประท้วง คำตัดสินของศาลโลก ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๐๕
- แฉเขมรฮุบไทยสมัย'น้าชาติ''พนิช'รับล้ำแดน
- คำแปล หนังสือคัดค้านอินโดนีเซียส่งทหารเข้ามาสังเกต...
- ความขัดแย้ง ไทย - กัมพูชา
- แก้ไขเกมชายแดนยืดเยื้อ ให้กองทัพรักษาพื้นที่ให้มั่...
- รายละเอียดหนังสือยื่นอุทธรณ์คุณวีระและคุณราตรี วัน...
- "ปานเทพ" เผยวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระสร้างพ.ศ. 2546 เข...
- 20022554ทัศนคติมุมมองต่อเรื่องอธิปไตยไทย-เขมร โดย ...
- บทความโดยคุณ ศิริโชค โสภา ข้อเท็จจริงกรณี MOU 2543...
- เหตุผลและหลักฐาน ที่ต้องยกเลิก MoU43
- ที่มาของการที่ข้าราชการ ก.ต่างประเทศ ไปยอมรับแผนที...
- รัฐบาลไส้ศึก ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จงใจเสียด...
- ข้อเท็จจริง หลักฐานและพยานยืนยันว่าคนไทยถูกทหารเขม...
-
▼
23 มี.ค.
(32)
-
▼
มีนาคม
(81)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น