บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

จะเลือกตั้งกันใหม่? ย้อนหลังดูอดีตบ้างเป็นไร! โดยดร.ไก่ Tanond

จะเลือกตั้งกันใหม่? ย้อนหลังดูอดีตบ้างเป็นไร! โดยดร.ไก่ Tanond

โดยคนไทยกู้แผ่นดินเมื่อ 23 มีนาคม 2011 เวลา 1:38 น.
จะเลือกตั้งกันใหม่? ย้อนหลังดูอดีตบ้างเป็นไร!

หากเราได้ย้อนกลับไปเกือบ80ปี ที่คนไทยและประเทศไทยเราได้เริ่มใช้คำว่า "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หรือ Constitutional Monarchyนั้น พวกเราได้เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง โดยมีการจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วเกือบ 60 คณะ มีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 27 คน โดยที่ประชาชนทั้งปวง มิเคยได้รับมอบอำนาจขององค์รัชกาลที่7 ที่ได้ทรงสละราชบัลลังก์เพื่อการนี้

กอปรกับการเลือกตั้งตลอดเกือบ 80 ปีที่ผ่านมา รุปแบบการปกครองชาติบ้านเมือง ก็หาได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยนี้ไม่ เพระาเมื่อครั้งที่เริ่มต้น คณะราษฎร์ผู้ทำการเปลี่ยนแปลง ก็ได้เปิดศึกแย่งชิงอำนาจกันเองภายใน ด้วยการกวาดต้อนข้าราชการ และพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นตามมา เข้ามาเป็นพวกพ้องของตน จนทำให้แปรเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยนี้ ไปเป็นระบอบอำมาตยา คณาธิปไตย เป็นใหญ่กันครองเมือง จวบจนเข้าสู่ยุคหลังการปฏิวัติโดยประชาชน 2516 และเหตุความรุนแรงทางการเมือง 2519 กลุ่มทุนได้รุกเข้ามาสนับสนุนกลุ่มอำมาตยา คณาธิปไตย เพื่อเข้าสู่อำนาจทางการเมืองในทางอ้อม เริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบอบธนาธิปไตย

เริ่มต้นปี2544 คนไทยเราได้ร่วมใจกันเข้าคูหาเลือกตั้ง เลือกพรรคไทยรักไทยเข้ามา นับจากวันนั้นผ่านเลยมาถึงวันนี้ ระบอบธนาธิปไตยได้ก้าวไกล ผ่านเลยจากการมีกลุ่มทุนสนับสนุน มาเป็นการมีกลุ่มทุนเข้าร่วมทางการเมืองในทางตรง เพื่อเข้าสู่อำนาจทางการเมืองได้โดยตรง จนระบบการเมืองทั้งระบบในตกเข้าสู่วงจรของทุนสามานย์ กลายเป็นธุรกิจการเมืองอย่างเต็มตัว พรรคการเมืองขั้วสำคัญๆได้ผันระบบการเมือง ได้แปลงวัฒนธรรมทางการเมือง ให้เป็นไปในรูปแบบของธุรกิจ ที่อิงกำไร อิงผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง มองข้ามมองผ่านหลักการสำคัญของความเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ก้าวข้ามการกินดีอยู่ดีของประชาชน มาเป็นความร่ำรวยของตนเองและพวกพ้อง

เช่นนี้แล้วเมื่อมาถึงวันนี้ เมื่อกลไกหลักในทางการเมืองได้ปักหลักอยู่กับการลงทุน การหาทุนคืนบวกก้อนกำไร การเมืองข้างหน้าจึงหนีไม่พ้น จะมีลักษณะของโจรครองเมือง หรือ โจราธิปไตย Kleptocracy ที่ไม่มีชาติบ้านเมืองใดเขาต้อนรับ ทว่ามักถูกบีบบังคับ กดดันให้ยอมรับจากผู้ปกครองประเทศตนที่เป็นเผด็จการอย่างรุนแรง ที่ทว่าในวันนี้ก็ได้เริ่มมีการแปลกแยก ขัดขืนต่อสู้จากประชาชนการในกลุ่มประเทศอัฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง จนถึงวันนี้มีจำนวนมากมายเป็นสิบๆประเทศไล่เรียงกันไป

ในวันนี้ จึงเป็นโอกาสที่เราจำต้องตัดสินใจปฏิเสธมิให้วงจรอุบาทว์ ทางการเมืองนี้ให้ดำรงอยู่อีกต่อไป โดยควรพร้อมใจกัน มองไปที่เหตุและผลของความเสื่อมสลายทางการเมือง ความชั่วร้ายต่างๆนาๆที่ได้ถูกเปิดโปง โดยภาคประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ความเลวร้าย ชั่วร้ายที่นับวันจะยิ่งรุนแรงใหญ่โตเหล่านี้ กำลังเป็นที่รับรู้กันดีโดยประชาชนผู้ตื่นรู้ทางการเมือง แล้วพี่น้องร่วมชาติท่านอื่นๆจะไม่ลองเปิดใจ ให้ความสำคัญกับความต้องการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้บ้างเชียวหรือ? เปิดใจรับฟังเพื่อให้ได้ยินกันบ้าง ว่าที่ท่านเห็นว่าดีกับที่ภาคประชาชนเห็นว่าเลว มันเป็นเช่นไร? จะไม่เห็นพ้องต้องกันแต่ก็ขออย่าได้ขัด เพราะคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลง จะเป็นที่ประจักษ์แก่ตัวท่านและประชาชนโดยรวม โดยมีประเทศชาติเป็นที่ตั้งและประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง