บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

แก้ไขเกมชายแดนยืดเยื้อ ให้กองทัพรักษาพื้นที่ให้มั่น บทบรรณาธิการ ไทยโพส

ดูถ้อยแถลงของสมเด็จฮุน เซน ที่มุ่งมั่นต่อการเจรจาปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน เพื่อใช้เป็นสักขีพยานในการหยุดยิงอย่างถาวร โดยมีเนื้อหา 4 ประการคือ กัมพูชากับไทยตกลงที่จะยุติการสู้รบอย่างถาวร ไม่มีการปะทะกันตลอดกาล จะไม่มีการเคลื่อยย้ายกำลังในระหว่างนี้เพื่อรอผลการปักปันเขตแดน กัมพูชากับไทยสนับสนุนให้ผู้บัญชาการ 2 ประเทศเปิดเจรจาเพื่อปรับปรุงความร่วมมือ เพื่อให้สถานการณ์ย้อนไปก่อนเดือนกรกฎาคมเมื่อ 3 ปีก่อน และข้อสำคัญคือ ให้อาเซียนเป็นผู้ควบคุมการหยุดยิง ทั้งหมดนั่นก็คือการหลุดออกจากการแก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี
     เมื่อกลับไปดูประเทศสมาชิกน้อยใหญ่ที่อยู่ในอาเซียน ที่ต้องเข้ามาเป็นสักขีพยานในเรื่องที่มีปัญหาระหว่างกันย่อมไม่มีใครที่อยากจะเข้ามายุ่งมากนัก ยกเว้นถ้ามีประโยชน์อื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและทรัพยากรธรรมชาติ และมิพักที่จะเชื่อได้ว่าประเทศเล็กเหล่านี้จะมีพี่เบิ้มมหาอำนาจถือหางหนุนหลังเกมที่ชายแดนที่เกิดขึ้นหรือไม่ เพราะนอกจากเรื่องเขาพระวิหารที่เป็นกรณีพิพาทที่นำไปสู่การสู้รบแล้ว ทรัพยากรธรรมชาติในทะเลก็เป็นปัจจัยหลักที่น่าจะถูกนำมาเป็นเครื่องมือล็อบบี้ให้เข้าพวกด้วย
     กระนั้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการหยุดยิงอย่างถาวรนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบโดยตรงก็คือกองทัพ เพราะเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการรักษาอธิปไตยเหนือดินแดน และที่ผ่านมาก็ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ทั้งการตอบโต้ หรือการรักษาพื้นที่ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องเจรจาแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุย แต่ที่ผ่านมาการกำหนดนโยบายก็ส่งผลให้ฝ่ายกองทัพตั้งรับอันสุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และถูกรุกคืบจากฝ่ายกัมพูชา
     จะเห็นได้ว่า หลังเหตุการณ์ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซี มีมติให้หยุดยิง และให้กรอบของอาเซียนนำไปสู่การเจรจาระดับทวิภาคี ทั้งกลไกของคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา แต่ปรากฏว่าในพื้นที่ทับซ้อนกลับเกิดเหตุปะทะกันด้วยอาวุธหนัก และพบว่าฝ่ายกัมพูชาเริ่มต้นเปิดฉากก่อน โดยเฉพาะบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างภูมะเขือ
     เนินสูงข่มที่ฝ่ายกัมพูชายึดครองอยู่เพียงเสี้ยวเดียว แต่เป็นเสี้ยวที่ใหญ่กว่าไทยในเขตทับซ้อน อีกทั้งมีการวางกำลังขวางพื้นที่ไว้เพื่อป้องกันการโจมตีของไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กัมพูชาวางกำลังอยู่นาน เช่นเดียวกับฝ่ายไทยที่วางกำลังไว้น้อยกว่าในเขตทับซ้อน แต่ถ้านับคำนวณทั้งภูมะเขือ ที่ไทยยึดครองมากกว่า แต่ที่ผ่านมาต่างฝ่ายก็ไม่ได้มีเป้าหมายจะยึดครองในส่วนที่ฝ่ายตัวเองไม่ได้วางกำลังอยู่ จึงน่าแปลกใจอย่างยิ่งกับกำลังทหารฝ่ายกัมพูชาที่พยายามจะยึดฐานทหารฝ่ายไทยบริเวณนั้น
     ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนหน้าจะมีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือแม้กระทั่งมีมติออกมาแล้วก็ตาม ทหารกัมพูชายังคงพยายามในการโจมตีฐานทหารไทยบริเวณดังกล่าว ทั้งการใช้ระเบิดขว้าง อาร์พีจี ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ปืนใหญ่วิถีโค้ง เข้าลอบโจมตี 2 วัน 2 คืนติดต่อกัน จึงแปลเจตนาเป็นอื่นไปไม่ได้ว่า ฝ่ายทหารกัมพูชาได้รับไฟเขียวจากข้างบนให้ปฏิบัติการดังกล่าว ที่ไม่น่าจะตั้งใจแค่ก่อกวน หากแต่ต้องการยึดชัยภูมิบริเวณนั้นก่อนจะมีการลงนามทำสัญญาหยุดยิงถาวร
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเข้ามาบริเวณพื้นที่ภูมะเขือของพลโทฮุน มาเน็ต บุตรชายของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ยื่นข้อเสนอให้ไทยมา 4 ข้อ ดังที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากจะเป็นการปลุกปลอบใจทหารของเขาที่เสียขวัญจากการที่ฝ่ายไทยใช้ปืนใหญ่โตกลับจากที่กัมพูชาใช้จรวดหลายลำกล้องยิงเข้ามาลงเป้าหมายทางพลเรือน ส่งผลให้ประชาชนฝั่งไทยได้รับผลกระทบประมาณ 20,000 นาย
     เลยไปถึงการเข้ามาดูชัยภูมิที่ตั้งทางทหาร ที่เชื่อว่าหากมีการยึดพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้ ถึงจะมีการเจรจาหยุดยิงขึ้นมาและมีการตกลงกันเป็นที่ยุติ ฝ่ายกัมพูชาก็จะได้เปรียบ เพราะสามารถยึดครองพื้นที่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า ถ้าเกิดมีอุบัติเหตุเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นตรงบริเวณพื้นที่ทับซ้อน การงัดกฎการปะทะ หรือข้ออ้างอื่นที่กัมพูชามักจะงัดมาใช้เพื่อตอบโต้ไทย ก็จะทำให้ทหารไทยที่วางกำลังบริเวณนั้นเสียเปรียบได้ง่าย
     ท่าทีของไทยในขณะนี้ แม้ต้องยอมรับในมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ก็ต้องระมัดระวังในการเดินเกมของกัมพูชาในเวทีนานาชาติต่อไป เพราะหากพลาดท่าจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในสัปดาห์หน้า สมเด็จฮุน เซน ก็ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะนำข้อขัดแย้งไปสู่ศาลโลก โดยเฉพาะนำผลคำพิพากษาของศาลโลกก่อนหน้านั้นไปต่อสู้
     เราเชื่อมั่นว่า ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาจะไม่หยุดลงอย่างง่ายดาย การปะทะกันบริเวณแนวชายแดนน่าจะยังมีไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการแก้ไขด้วยการพูดคุยในเวทีนานาชาติทุกระดับในระหว่างนี้ กองทัพถือเป็นหน่วยที่จะสร้างแต้มต่อให้รัฐบาลมีอำนาจแฝงในการพูดคุยได้เป็นอย่างมาก ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและยุทธวิธีของกองทัพจึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะโจทย์ข้างหน้าคือการต่อสู้กับเกมของผู้นำกัมพูชาที่เขาว่ามีเล่ห์หลายเหลี่ยม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง